คลังเก็บป้ายกำกับ: Dimension’s Article

เครื่อง CMM คืออะไร มีประเภทใดบ้าง

ในปัจจุบันนี้ภาคอุตสาหกรรมของผู้ผลิต ที่ผลิตชิ้นส่วนอะไหล่รถยนต์ ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิคส์ หรือแม่พิมพ์ต่างๆ นอกจากจะต้องแข่งขันกันในเรื่องการส่งมอบงานที่ตรงเวลาที่กำหนดแล้ว มาตราฐานการตรวจวัดคุณภาพงานเพื่อส่งต่อไปยังลูกค้าปลายทางนั้นก็เป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง ชิ้นงานในปัจจุบันนี้ ที่มีรูปทรงที่ซับซ่อน ขนาดเล็กลงมากและหลากหลายมิติมากขึ้น จึงทำให้ผู้ผลิตต้องปรับตัวและเข้มงวดในการควบคุมด้านคุณภาพการวัดขนาดของชิ้นงานให้ถูกต้องตามแบบที่ลูกค้ากำหนดอย่างเคร่งคัด ดังนั้นจึงต้องมีผู้ช่วยหรือเครื่องมือวัดที่มีคุณภาพและความแม่นยำสูงไว้ค่อยเช็คงาน แล้วเครื่องมืออะไรล่ะที่จะช่วยในการวัดงานด้านมิติได้ง่ายขึ้นและประหยัดเวลาของผู้ใช้งานล่ะ ??? วันนี้เราจะมาทำความรู้จักกับเครื่องมือไฮเทคอันทันสมัยชนิดนี้กัน นั้นคือ!!! เครื่อง CMM (Coordinate Measuring Machine) หรือเครื่องมือวัด 3 มิติ

เครื่อง CMM (Coordinate Measuring Machine) หรือเครื่องมือวัด 3 มิติ

เป็นเครื่องมือวัดชิ้นงานรูปทรงต่างๆ ที่ซับซ่อนกันได้หลากหลายมิติ สามารถวัดงานได้ทั้งแกน X axis, Y axis และ Z axis วัดค่าและแสดงผลได้แบบ 3D แบบ Manual (ปรับค่าเอง) แบบ CMC (อัตโนมัติ) และแบบเคลื่อนที่ ติดตั้งโปรแกรมเข้ากับเครื่องคอมพิวเตอร์เพื่อแสดงผลค่าการวัด การคำนวณและการวิเคราะห์ข้อมูล รวมถึงการเปลี่ยนใช้ฟังก์ชั่นต่างๆ โดยใช้ระบบสัมผัส Touch probe มีความละเอียดและแม่นยำสูง จึงทำให้เครื่อง CMM ได้ถูกนำมาใช้ในวงการอุตสาหกรรมทุกประเภท โดยเฉพาะอุตสาหกรรมรถยนต์และอุตสาหกรรมแม่พิมพ์

ข้อดี – เครื่อง CMM ช่วยประหยัดเวลาในการวัดและวิเคราะห์ข้อมูลได้รวดเร็ว ถูกต้องและแม่นยำสูง ลดจำนวนเครื่องมือวัดที่ไม่จำเป็น ลดความยุ่งยากในการวัดและการวิเคราะห์ข้อมูลลง

ข้อเสีย – เป็นเครื่องมือวัดที่มีราคาค่อนข้างสูง เครื่องค่อนข้างมีขนาดใหญ่ เปลืองพื้นที่ในการวางเครื่อง

หน่วยในการวัด ของเครื่องมือวัด 3 มิตินี้ เป็นหน่วยวัดในด้าน Dimension เป็นหลักเช่น mm. (มิลลิเมตร), um. (ไมครอน)

ประเภทของเครื่องมือวัด 3 มิติ (CMM) นั้น

แบ่งได้เป็น 2 ประเภทหลักด้วยกัน คือ แบบไม่สัมผัส และแบบสัมผัส

ประเภทแรกเครื่อง CMM แบบไม่สัมผัส ในปัจจุบันนี้ภาคอุตสาหกรรมนั้น ชิ้นส่วนมีขนาดเล็กลงมาก และมีความละเอียดสูงขึ้น เครื่องมือวัดสามมิติแบบไม่สัมผัสจะใช้วิธียิงเลเซอร์สแกนวัดค่าชิ้นงาน ซึ่งมีความเม่นยำสูง จึงมีความต้องการจากตลาดมากขึ้นแต่ข้อเสียคือราคาค่อนข้างสูง

 

รูปที่ 1 เครื่อง CMM แบบไม่สัมผัส (Laser CMM)

 

 

รูปที่ 2 เครื่อง CMM แบบสัมผัส (CMM with Ball probe)

 

ในส่วนของประเภทที่สองเครื่อง CMM แบบสัมผัส นั้นเป็นที่นิยมใช้ในประเทศไทยกันอย่างแพร่หลาย โดยใช้หัววัดแบบ Ball Probe จำเป็นต้องสัมผัสกับชิ้นงานโดยตรง จึงมีความเสี่ยงอาจทำให้ชิ้นงานเป็นรอยอยู่บ้าง ซึ่งมีกันหลากหลายชนิดด้วยกัน โดย CMM แต่ละชนิดจะมีรูปร่างที่แตกต่างกัน เครื่อง CMM ที่มีความถูกต้องและดีที่สุดจะเป็นชนิด Fixed Bridge (รูปที่ 2.3 ) ซึ่งเป็นแบบที่นิยมมากที่สุด เนื่องจากการออกแบบให้โต๊ะของเครื่อง CMM เคลื่อนที่ด้วยบอลสกรู (Ball Screw) ช่วยให้ค่าความคลาดเคลื่อนจากการเคลื่อนที่ได้ช้าลงและละเอียดกว่าแบบอื่นๆ ทั้งนี้เครื่อง CMM แต่ละแบบนั้น จะมีข้อดีข้อเสียที่แตกต่างกันออกไป ดังนั้นผู้ใช้งานจะต้องรู้วิธีการหาค่าที่ถูกต้องของการวัดที่เหมาะสมกับลักษณะของชิ้นงานแต่ละชิ้น จากนั้นจึงค่อยเลือกชนิดของเครื่อง CMM อีกที

 

 

**ขอบคุณแหล่งที่มาข้อมูลภาพ http://eng.sut.ac.th/me/2014/document/LabManuIndAuto/A.pdf
 

หลักการทำงานและวิธีการใช้งานของเครื่องมือวัด 3 มิติ (CMM)

เครื่องวัดชนิดนี้ มีความละเอียดสูง มีความละเอียดประมาณ 0.0001 mm สามารถวัดได้ 3 แกน คือ แนวระนาบ 2 แกน และแนวดิ่ง 1 แกน ซึ่งเคลื่อนที่ด้วยระบบแรงดันลมในการควบคุมการทรงตัวของโต๊ะ และช่วยลดแรงสั่นสะเทือนจากปัจจัยภายนอกได้ ซึ่งลมที่อัดเข้ามาจะมาพร้อมกับไอน้ำ ทำให้เกิดความชื้นขึ้น จึงมีความเสี่ยงทำให้ระบบภายในอาจเป็นสนิมได้ เครื่องวัดแบบ 3 มิติทุกรุ่นจึงมีตัวกรอง ซึ่งช่วยในการกรองระบบภายในให้เป็นอากาศแห้งได้ โดยในการเคลื่อนที่ทั้ง 3 แกนนั้น สามารถเคลื่อนที่ได้ด้วยระบบ อัตโนมัติ (Automatic) และจอยสติก (Joystick)

 

 

Laser Interferometer ของบริษัทฯ ที่ใช้เป็น Standard สอบเทียบให้กับลูกค้า

ส่วนวิธีการใช้งานจะอธิบายคร่าวๆ คือต้องสร้างจุดอ้างอิงหรือ datum ในชิ้นงานก่อน แล้วไปแตะจุดชิ้นงานจริงที่เราต้องการวัดตามแบบ drawing อ้างอิง วัดชิ้นงานไปในแนวแกน x แกน y และ แกน z ให้ครบทั้งสามแกน เครื่องก็จะสามารถคำนวณและวิเคราะห์สรุปค่าออกมาเป็น report

 

ข้อควรระวังในการใช้งาน 

  • ควรเคลื่อนย้ายโพรบไปตำแหน่งที่ปลอดภัยทุกครั้งก่อนและหลังการวางชิ้นงาน เพื่อหลีกเลี่ยงชิ้นงานไปกระแทกเข้ากับโพรบซึ่งมีความเปราะบาง อาจจะทำให้แตกหักเสียหายได้ง่าย
  • เมื่อเครื่องทำงานหรืออยู่ในโหมดสแตนด์บาย ไม่ควรนั่งบน worktable
  • ไม่นำอวัยวะเข้าไปอยู่บนโต๊ะในลักษณะกีดขว้างการทำงาน ขณะที่เครื่องกำลังทำงานอยู่
  • ทำความสะอาดเครื่องมือทุกครั้งที่เลิกใช้งานเครื่อง
  • หยุดใช้ทันทีเมื่อมีสิ่งผิดปกติกับเครื่องและให้ติดต่อตัวแทนจำหน่าย เพื่อเข้ามาแก้ไขปัญหาให้
  • ควรมีการต่อสายดินเพื่อป้องกันอุบัติเหตุไฟรั่ว ซึ่งอาจก่อให้เกิด อันตรายต่อผู้ปฏิบัติงาน
  • ควรเพิ่มชุดสำรองจ่ายไฟเพื่อป้องกันในกรณีไฟตก ซึ่งนำไปสู่การเสียหายหรือชำรุดของเครื่องมือวัดได้
  • ควรเพิ่มชุดกรองอากาศอีกจุด เพื่อป้องกันปัญหาความชื้นเข้าระบบ เป็นเหตุทำให้เครื่องวัดแบบ 3 มิติขัดข้องในการใช้งาน

สิ่งสำคัญที่สุดคือ ควรส่งสอบเทียบเครื่องมือวัด 3 มิติทุกๆปี โดยบริษัทแคริเบรชั่น แลบอราทอรี่ จำกัด
ได้รับการรับรอง Accredit 17025 ทั้ง สมอ.และ ANAB ในการสอบเทียบเครื่อง CMM ได้ทั้งแกน X,Y,Z ตั้งแต่ 0-1000 mm

 

เครื่อง CMMของบริษัท แคลิเบรชั่น แลบอราทอรี จำกัด

 

 

Credit By Timnorton

 

GRANITE SURFACE PLATE (โต๊ะระดับหินแกรนิต) และการเลือกวิธีการสอบเทียบ

 บริการสอบเทียบด้านมิติ

ขอใบเสนอราคา  ติดต่อเรา

พูดคุยกับเรา

Precision Level (เครื่องวัดระดับน้ำ) มีข้อควรระวังในการใช้งานอย่างไร

Precision Level (เครื่องวัดระดับนํ้า, ไม้วัดระดับนํ้า)​ เป็นอุปกรณ์เครื่องมือวัดที่ใช้สําหรับการตรวจสอบความเอียงของพื้นที่ในแนวราบ (horizontal) และแนวดิ่ง (vertical) ด้วยการสังเกตฟองอากาศภายในของเหลวที่บรรจุอยู่ในหลอดแก้วให้อยู่จุดกึ่งกลาง เพื่อให้สิ่งที่ต้องการตรวจสอบอยู่ในระดับองศาที่ตรงตามต้องการ โดยเครื่องวัดระดับนํ้ามีประโยชน์ในการใช้งานในหลากหลายด้าน ส่วนใหญ่จะใช้ในการตรวจสอบ อาทิเช่น งานก่อสร้าง อาคาร งานติดตั้งเครื่องจักร การทําถนน การสํารวจ ตลอดจนงานที่ต้องอาศัยความแม่นยําสูง ดังนั้นเรื่องการส่งสอบเทียบ Calibrate เครื่องวัดระดับน้ำจึงมีความสำคัญมาก

องค์ประกอบของ เครื่องวัดระดับน้ำ Precision Level

1. Base เป็นส่วนที่จะวางบนผิวงานที่ต้องการตรวจสอบระดับตรงกลางของ Base จะร่องตัววี เพื่อให้ วางบนพื้นราบ และบนพื้นงานรูปทรงกระบอกได้

 

2. หลอดแก้วใส 2 หลอด สำหรับใส่ของเหลวทำให้สามารถเห็นการเคลื่อนที่ของเหลวที่อยู่ภายในได้อย่างชัดเจน หลอดที่ 1 จะวางอยู่ในแนวยาวตามรูปของ Base หลอดที่ 2 จะอยู่ขวางในแนวตั้งฉากกับหลอดที่ 1 ทำให้สามารถตรวจสอบความเอียงได้ 2 ทิศทาง ทั้งแนวราบ(horizontal) และแนวดิ่ง(vertical)

3. Scale จะแสดงให้ทราบว่าการเคลื่อนของฟองอากาศในหลอดแก้วมีความเอียงกี่มิลลิเมตรต่อความยาว1เมตร

4. Bubble เป็นตัวแสดงถึงความเที่ยงตรงหรือความเอียง โดยเทียบจาก Scale ที่ระบุหลอดแก้ว ถ้าฟองอากาศที่อยู่ในหลอดแก้วมีความยาวมากแสดงว่าเครื่องวัดระดับน้ำมีความละเอียดมาก

5. Adjustment Screw  คือ การปรับความเที่ยงตรงของฟองอากาศในระดับน้ำ

วิธีการใช้และข้อควรระวังในการใช้ เครื่องวัดระดับน้ำ

1. ควรทำความสะอาดเครื่องมือและบริเวณที่ต้องการวัดด้วยเพื่อให้ได้ค่าที่เเม่นยำ และเที่ยงตรง

2. ควรเช็ดคราบน้ำมัน หรือสิ่งสกปรก และดูแลความเรียบร้อยของเครื่องมือทั้งก่อนและหลังการใช้งาน

3. วางเครื่องมือวัดบริเวณพื้นที่ที่ต้องการวัดความเอียง

4. ในการอ่านค่าเครื่องวัดระดับน้ำทำได้โดยการมองฟองอากาศภายในหลอดแก้วใสที่เลื่อนไปมา ข้อควรต้องระวังทิศทางในการมองฟองอากาศ ต้องได้ระดับเป็นมุมฉากพอดี เพื่อไม่ให้การอ่านค่าผิดพลาดจากความเป็นจริง

5. ไม่ควรลากเครื่องวัดระดับน้ำไปกับพื้นผิวที่ต้องการตรวจสอบ ควรใช้การยกเพื่อเปลี่ยนตำแหน่งเพื่อตรวจสอบ

6. ควรหมั่นส่งเครื่องมือวัดสอบเทียบตาม due date ที่กำหนดเพื่อความเที่ยงตรงของเครื่องวัดระดับน้ำเเละป้องกันความผิดพลาดของเครื่องมือ

โดยการ สอบเทียบเครื่องมือวัด Precision level  (เครื่องวัดระดับน้ำ) จะทำการสอบเทียบตัวฟองอากาศภายในหลอดแก้ว ว่าการเคลื่อนที่ของฟองอากาศที่อ่านค่าตาม Scale ของเครื่องมืออ่านตรงกับ standard ที่ใช้ในการสอบเทียบหรือไม่ โดยทาง Calibration Laboratory ใช้ electronic level เป็น standard ในการสอบเทียบซึ่งเป็น standard ที่มีคุณภาพและความเที่ยงตรงสูง อย่าลืมหมั่นสอบเทียบ(Calibrate) เครื่องวัดระดับน้ำเพื่อป้องกันความคลาดเคลื่อนที่อาจเกิดขึ้นได้จากการวัด สามารถสอบถามข้อมูลการส่ง สอบเทียบเครื่องมือวัด กับทาง CLCได้เลยค่ะ

 

ผู้เขียน Paemy Little

บริการสอบเทียบด้านมิติ

ขอใบเสนอราคา  ติดต่อเรา

พูดคุยกับเรา

ไมโครมิเตอร์คืออะไร การเลือกใช้และการดูแลรักษาทำได้อย่างไร

ไมโครมิเตอร์ (Micrometer) หรืออีกชื่อหนึ่งคือ ไมโครมิเตอร์สกรูเกจ เป็นเครื่องมือวัดที่ใช้งานด้านวิศวกรรม จุดประสงค์การใช้งานเพื่อสำหรับวัดขนาดที่ต้องการความละเอียดแม่นยำสูง  โดยใช้วัดความกว้าง ยาว หรือ ความหนาของวัตถุ เหมือนคาลิปเปอร์ แต่ไมโครมิเตอร์จะสามารถวัดได้ละเอียดสูงกว่าคาลิปเปอร์

ไมโครมิเตอร์(Micrometer) มีกี่ชนิด?

ประเภทของไมโครมิเตอร์ (Micrometer) ที่นิยมใช้ มี 3 ประเภทคือ

1. ไมโครมิเตอร์แบบวัดภายนอก (Outside Micrometer) นิยมใช้กันมากกว่าแบบอื่นใช้วัดขนาดความกว้าง ความยาว และ ความหนา ภายนอก ของเพลา บล็อก สายทรงกลม เส้นลวด วัตถุทรงกลม ฯลฯ

2. ไมโครมิเตอร์แบบวัดภายใน (Inside Micrometer) ใช้วัดความกว้างของช่องว่างต่างๆ เช่น เส้นผ่าศูนย์กลางภายในหลุม วงกลม รูเปิด

3. ไมโครมิเตอร์สำหรับวัดความลึก (Depth Micrometer) ใช้วัดความลึกของชิ้นงานที่มีลักษณะเป็นหลุม บ่อ หรือช่อง ต่างๆ

 

ส่วนประกอบและการทำงานของไมโครมิเตอร์เป็นอย่างไร

ส่วนประกอบต่างๆ ของไมโครมิเตอร์ เรียกตำแหน่งต่างๆของไมโครมิเตอร์

(1) ตําแหน่งสำหรับวัดระยะชิ้นงาน

(2) ตําแหน่งสเกลหลัก

(3) ตําแหน่งสเกลเวอร์เนียร์

(4) ตำแหน่งสำหรับจับไมโครมิเตอร์ขณะวัด

(5) ตำแหน่งปุ่มเลื่อนแกน

 

การเลือกใช้ เครื่องมือวัด ประเภท ไมโครมิเตอร์ (Micrometer) 

การเลือกประเภทของไมโครมิเตอร์จะพิจารณาจาก

  • วัตถุที่จะใช้วัด เช่น ความหนา ความกว้าง หรือ ลึก ภายในวัตถุ
  • เลือกใช้จากค่าความละเอียดที่ต้องการ เช่นค่าความละเอียดต่ำ (1/100 mm) หรือ ค่าความละเอียดสูง (1/10000 mm)
  • เลือกเป็นไมโครมิเตอร์แบบอนาล็อกเมื่อไม่ต้องการวัดค่าความละเอียดมาก ช่วยลดต้นทุนหรือ เลือกไมโครมิเตอร์แบบดิจิตอลซึ่งจะสามารถต่อผลการอ่านค่าเข้าคอมพิวเตอร์ได้

 

การดูแลรักษา เครื่องมือวัด ประเภทไมโครมิเตอร์ (Micrometer) 

เพื่อเป็นการยืดอายุการใช้งานของไมโครมิเตอร์ Micrometer ควรมีการดูแลอย่างเหมาะสม และนำมา สอบเทียบเครื่องมือวัด ควร

  • เช็ดทำความสะอาดด้วยผ้าสะอาดให้ทั่วทุกครั้ง ก่อนเก็บเข้ากล่อง
  • ไม่ควรหมุนให้หน้าผิวสัมผัสวัดงานทั้งสองด้านเข้ามาชนกันจนแน่น เพราะจะทำให้เกิดการเสียหายจากแรงกดอัดได้ ควรใช้กระดาษน้ำมันคั่นกลางหรือเว้นช่องว่างไว้เล็กน้อยก่อนเก็บเข้ากล่องแทน
  • ทำความสะอาดปากวัดทั้งสองด้านหลังเลิกใช้งานเป็ประจำ ด้วยการนำกระดาษที่อ่อนนุ่มใส่ระหว่างหน้าผิวสัมผัสวัดงานทั้งสองด้าน ก่อนหมุนแกนวัดทั้งสองด้านชนกระดาษเบาๆ เป็นการทำความสะอาดผิวสัมผัส
  • หากต้องการหมุนไมโครมิเตอร์อย่างรวดเร็ว ไม่ควรใช้นิ้วมือหมุนรัวๆ เพราะจะทำให้เกิดความเสียหายหรือทำให้สเกลวัดคลาดเคลื่อนได้ ควรใช้ฝ่ามือค่อยๆหมุนเลื่อนแกนวัดแทน
  • ไม่ควรใช้ไมโครมิเตอร์วัดวัตถุที่มีผิวหน้าหยาบ เพราะจะทำให้ผิวสัมผัสวัดงานเกิดความเสียหาย หรือ เสียสมดุลย์ศูนย์ได้
  • ไม่ควรใช้ไมโครมิเตอร์วัดชิ้นงานที่มีอุณหภูมิสูงมากๆ ไม่ควรใช้ไมโครมิเตอร์วัดชิ้นงานที่กำลังเคลื่อนที่อยู่ จะทำให้ไมโครมิเตอร์เสียหายได้
  • ควรเช็ดทำความสะอาดไมโครมิเตอร์และหล่อลื่นเป็นประจำ
  • เพื่อรักษาความน่าเชื่อถือของการวัดควร สอบเทียบเครื่องมือวัด เพื่อความเที่ยงตรงไมโครมิเตอร์ตามตารางการสอบเทียบอย่างสม่ำเสมอ

 

 บริการสอบเทียบ Dimension

ขอใบเสนอราคา  ติดต่อเรา

พูดคุยกับเรา