คลังเก็บป้ายกำกับ: Temp’s Article

ใช้งาน Thermo-hygrograph อย่างไรให้ข้อมูลไม่คลาดเคลื่อน?

Thermo-hygrograph คือ เครื่องมือ chart recorder ที่ใช้สำหรับวัดอุณหภูมิและความชื้นสัมพัทธ์บริเวณโดยรอบพื้นที่นั้นๆ โดยบันทึกข้อมูลลงในกระดาษกราฟอย่างต่อเนื่องตามช่วงระยะเวลาที่กำหนด

จุดเด่นและจุดด้อยของการทำงานและการใช้เครื่องมือ

จุดเด่น

  • บันทึกเป็นแบบกระดาษกราฟต่อเนื่อง
  • สามารถประเมินแนวโน้มการเปลี่ยนแปลงระยะยาวได้ต่อเนื่อง
  • มีความเสถียรที่ดี
  • สามารถอ่านค่าปัจจุบันหรือดูข้อมูลที่บันทึกย้อนหลังได้ทันที
  • สามารถกำหนดช่วงเวลาในการบันทึกได้หลายช่วง เช่น 1 วัน, 7 วัน, 30 วัน เป็นต้น
  • ไม่ต้องใช้ไฟฟ้าตลอดเวลา (กรณีที่เป็นแบบกลไกไขลาน)

จุดด้อย

  • ต้องเปลี่ยนกระดาษกราฟทุกครั้งเมื่อครบกำหนดการใช้งาน
  • เครื่องมือเป็นกลไกทางแมคคานิกส์ไม่เหมาะสำหรับการเคลื่อนย้ายบ่อยๆ
  • ความละเอียดในการอ่านค่า (Resolution) ค่อนข้างหยาบ เมื่อเทียบกับเครื่องมือวัดแบบดิจิตอล
  • ต้องระบุวันเวลาที่บันทึกบนกระดาษกราฟให้ถูกต้องกับช่วงเวลาที่บันทึก

ส่วนประกอบ Thermohygrograph

การเตรียมเครื่องมือ Chart Recorder ก่อนการใช้งาน

  • ตรวจเช็คความเข้มของหมึกปากกาที่ใช้ในการบันทึก
  • ตรวจสอบหางม้าทุกครั้งเพราะหางม้าเป็นเซ็นเซอร์ตรวจจับความชื้นสัมพัทธ์
  • ตรวจสอบแบตเตอรี่ของเครื่องมือ
  • ต้องใช้กระดาษกราฟสำหรับบันทึกให้ตรงกันกับย่านการใช้งานของเครื่องมือเพื่อป้องกันการบันทึกข้อมูลผิดพลาด
  • ระบุช่วงวันและเวลาที่เริ่มและสิ้นสุดการบันทึกข้อมูล
  • การติดตั้งกระดาษกราฟ ควรใส่ให้อยู่ในตำแหน่งขอบล่างของกระบอกยึดแผ่นกราฟ กระดาษกราฟต้องยึดแน่นและอยู่ในตำแหน่งที่ถูกต้องเพื่อไม่ให้กระดาษกราฟเคลื่อนที่ระหว่างใช้งาน
  • หมุนปรับกระบอกกราฟให้เข็มบันทึกทั้งสองไปยังตำแหน่งที่ต้องการเริ่มบันทึก
  • ปรับความเร็วของกระบอกกราฟให้เหมาะสมกับการใช้งาน เช่น 1 วัน, 7 วัน, 30 วัน เป็นต้น

ข้อสังเกตุ

  • หากกระดาษกราฟและย่านการใช้งานของเครื่องมือไม่สัมพันธ์กัน จะทำให้ค่าที่อ่านได้ไม่ถูกต้อง ผู้ใช้งานต้องตรวจสอบก่อนการใช้งานทุกครั้ง
  • หากหางม้าขาด อาจทำให้เครื่องมืออ่านค่าได้ไม่ถูกต้อง

ข้อควรระวังในการใช้เครื่องมือ

  • สำหรับการวัดสภาวะแวดล้อมให้ถูกต้อง ควรจัดวางเครื่องมือไว้ในที่ที่เหมาะสม หลีกเลี่ยงการวางเครื่องมือไว้ในบริเวณที่แสงอาทิตย์ตกกระทบ ใกล้เครื่องปรับอากาศ คอมพิวเตอร์ หรือ อุปกรณ์อื่นๆที่ให้ความร้อน
  • กรณีต้องการเคลื่อนย้ายเครื่องมือ ก่อนทำการเคลื่อนย้าย ควรล็อคขาบันทึกด้วยคลิปล็อคบนตัวยกขาและดันตัวยกขาออกจากกระบอกยึดกราฟเพื่อไม่ให้ปากกาบันทึกสัมผัสแผ่นกราฟ
  • กรณีต้องการเคลื่อนย้าย Chart Recorder ควรใช้มือประคองบริเวณฐาน หลีกเลี่ยงการยกที่หูหิ้วโดยตรงเพราะง่ายต่อการชำรุด อาจทำให้เครื่องมือตกขณะเคลื่อนย้ายได้
  • ควรติดตั้งเครื่องในตำแหน่งที่อากาศไหลเวียนดี หลีกเลี่ยงแสงอาทิตย์โดยตรง หรือวางใกล้เครื่องปรับอากาศ เพราะแม้แต่การรั่วของความร้อนหรืออากาศไหลผิดทิศทางก็อาจทำให้ค่าบันทึกคลาดเคลื่อนได้ (ตามคู่มือผู้ผลิต)

         สำหรับในด้าน การสอบเทียบเครื่องมือวัด นี้นั้น ขอยกตัวอย่างหนึ่งของห้องแล็บสอบเทียบ ในการสอบเทียบส่วนอุณหภูมิของ Thermohygrograph ต้องใช้เวลาถึง 2 วันเต็มเพื่อให้ระบบนิ่ง และในด้านความชื้นใช้เวลา 1 วัน เพื่อรอให้ค่าคงที่ในห้องควบคุมอากาศก่อนเริ่มบันทึก เพื่อให้ได้เครื่องมือวัดที่มีความถูกต้องแม่นยำ จึงควรส่งเครื่องไปสอบเทียบกับห้องปฏิบัติการที่ได้รับการรับรอง ISO/IEC:17025 ซึ่งทาง CLC (Calibration Laboratory) ได้ให้บริการสอบเทียบเครื่องมือวัด ในช่วง 15 ถึง 45 °C และความชื้นสัมพัทธ์ตั้งแต่ 30%RH ถึง 90%RH  สามารถตรวจสอบขอบข่ายการสอบเทียบที่ครอบคลุมจากมาตรฐาน ISO/IEC 17025:2017 จาก สมอ. และ ANAB (สหรัฐอเมริกา) สามารถดูขั้นตอนการสอบเทียบ Thermohygrographจากห้องปฏิบัติการของเราได้ที่นี่

สรุป

Thermo-hygrograph เป็นเครื่องมือที่ใช้สำหรับการวัดและบันทึกสภาวะแวดล้อมทั้งอุณหภูมิและความชื้นสัมพัทธ์ สามารถปรับความเร็วในการบันทึกได้ตามช่วงเวลาที่ต้องการและเก็บแผ่นกราฟไว้เป็นข้อมูลเพื่อประโยชน์ในการตรวจสอบย้อนหลังได้ เหมาะสำหรับการใช้งานในห้องปฏิบัติการหรือพื้นที่ที่เข้มงวดในการควบคุมสภาวะแวดล้อม

 

Ref.

Senseca

Lambrecht

 

 

 

 

ผู้เขียน L3

 

บริการสอบเทียบด้านอุณหภูมิและความชื้น

ขอใบเสนอราคา    ติดต่อเรา

พูดคุยกับเรา

วิธีแปลผลใบสอบเทียบตู้ควบคุมอุณหภูมิแบบง่ายๆ

การแปลความหมายใบรายงานผลการสอบเทียบตู้ควบคุมอุณหภูมิ

การสอบเทียบตู้ควบคุมอุณหภูมิจะใช้วิธีการเปรียบเทียบ ผลใบสอบเทียบ กับเครื่องมือมาตรฐาน ในปริมาตรที่กำหนดของตู้ควบคุมอุณหภูมิ สำหรับการสอบเทียบตู้ควบคุมอุณหภูมิที่มีขนาดความจุไม่เกิน 1 ลูกบาศก์เมตรนั้นจะติดตั้งหัววัดอุณหภูมิมาตรฐานที่ตำแหน่งมุมทั้งแปดของตู้และตำแหน่งอ้างอิงกลางตู้อีกหนึ่งตำแหน่ง รวมทั้งหมด 9 ตำแหน่ง

การแบ่งประเภทตู้ควบคุมอุณหภูมิโดยปกติแล้วจะสามารถแบ่งตามย่านอุณหภูมิที่ใช้งานได้เป็น 4 ประเภทใหญ่ๆได้แก่

  1. ตู้แช่แข็ง (Freezer)
  2. ตู้เย็น (Refrigerator)
  3. ตู้บ่มเชื้อ (Incubator)
  4. ตู้อบ (Oven)

การสอบเทียบตู้ควบคุมอุณหภูมิจะใช้วิธีการเปรียบเทียบผลกับเครื่องมือมาตรฐาน ในปริมาตรที่กำหนดของตู้ควบคุมอุณหภูมิ สำหรับการสอบเทียบตู้ควบคุมอุณหภูมิที่มีขนาดความจุไม่เกิน 1 ลูกบาศก์เมตรนั้นจะติดตั้งหัววัดอุณหภูมิมาตรฐานที่ตำแหน่งมุมทั้งแปดของตู้และตำแหน่งอ้างอิงกลางตู้อีกหนึ่งตำแหน่ง รวมทั้งหมด 9 ตำแหน่ง

รูปตำแหน่งการติดตั้งหัววัดอุณหภูมิมาตรฐานในกรณีที่ตู้ควบคุมอุณหภูมิเป็นแบบทรงลูกบาศก์

รูปตำแหน่งการติดตั้งหัววัดอุณหภูมิมาตรฐานในกรณีที่ตู้ควบคุมอุณหภูมิเป็นแบบทรงกระบอก

วัตถุประสงค์ของการสอบเทียบตู้ควบคุมอุณหภูมิ

การสอบเทียบตู้ควบคุมอุณหภูมิมีวัตถุประสงค์เพื่อหาประสิทธิภาพของเครื่องมือได้แก่

1.ความสม่ำเสมอของอุณหภูมิ (Temperature Uniformity)

2.ความเสถียรของอุณหภูมิ (Temperature Stability)

3.การแปรผันรวม (Overall Variation)

CALIBRATION DATA

1.OVEN PERFORMANCE

ตัวอย่างตารางใบรายงานผลการสอบเทียบตู้ควบคุมอุณหภูมิ

1.ความสม่ำเสมอของอุณหภูมิ (Temperature Uniformity)

คือ ผลต่างที่มีค่ามากที่สุดของอุณหภูมิที่หัววัดมาตรฐานใดๆวัดได้เทียบกับอุณหภูมิที่หัววัดมาตรฐานอ้างอิงวัดได้ในเวลาเดียวกันเพื่อหาความไม่สม่ำเสมอของอุณหภูมิภายในตู้ควบคุมอุณหภูมิในสภาวะคงที่ โดยหัววัดมาตรฐานอ้างอิงติดตั้งในตำแหน่งศูนย์กลางของตู้

ตารางตัวอย่างข้อมูลผลการสอบเทียบตู้ควบคุมอุณหภูมิในระยะเวลา 30 นาที

จากตารางตัวอย่างข้อมูลผลการสอบเทียบจะพบว่าข้อมูลการวัดครั้งที่ 20 หัววัดมาตรฐานตำแหน่งที่ 7 และตำแหน่งที่ 9

(หัววัดอ้างอิง) มีผลต่างของอุณหภูมิมากที่สุด

Temperature Uniformity

= (91.2 – 88.8) °C

= 2.4 °C

2.ความเสถียรของอุณหภูมิ (Temperature Stability)

คือครึ่งหนึ่งของผลต่างที่มากที่สุดของอุณหภูมิที่หัววัดมาตรฐานใดๆวัดได้เป็นเวลาอย่างน้อย 30 นาที ภายหลังจากเครื่องมือเข้าสู่สภาวะคงที่

ตารางตัวอย่างข้อมูลผลการสอบเทียบตู้ควบคุมอุณหภูมิในระยะเวลา 30 นาที

จากตารางตัวอย่างข้อมูลผลการสอบเทียบจะพบว่าข้อมูลการวัดครั้งที่ 7 และ ครั้งที่ 20 ของหัววัดมาตรฐานตำแหน่งที่ 7 มีผลต่างของอุณหภูมิมากที่สุด

Temperature Stability

= (91.2-90.6) / 2 °C

= 0.3 °C

3.การแปรผันรวม (Overall Variation)

คือ ผลต่างของอุณหภูมิที่มากที่สุดเทียบกับอุณหภูมิที่น้อยที่สุดของหัววัดมาตรฐานที่ตำแหน่งใดๆ ตลอดช่วงเวลาที่ทำการวัด

ตารางตัวอย่างข้อมูลผลการสอบเทียบตู้ควบคุมอุณหภูมิในระยะเวลา 30 นาที

จากตารางตัวอย่างข้อมูล ผลใบสอบเทียบ จะพบว่าข้อมูลการวัดครั้งที่ 20ของหัววัดมาตรฐานตำแหน่งที่ 7 และข้อมูลการวัดครั้งที่ 5 ของหัววัดมาตรฐานตำแหน่งที่ 9 มีผลต่างของอุณหภูมิมากที่สุดตลอดช่วงเวลาที่ทำการวัด

Overall Variation

= (91.2 – 88.7) °C

= 2.5 °C

ผู้เขียน QA

 

 

 

 

 

ขอใบเสนอราคา    ติดต่อเรา

พูดคุยกับเรา

หลักการทำงานของ Autoclave ประเภทและข้อแนะนำในการใช้งาน

หม้อนึ่งความดันไอน้ำ (Autoclave)

หม้อนึ่งความดันไอน้ำ (Autoclave) คือเครื่องมือที่ใช้สำหรับนึ่งฆ่าเชื้อ โดยมีหลักการการใช้ไอน้ำร้อนและแรงดันสูงทำให้ของที่ผ่านการนึ่งแล้วอยู่ในสภาพปราศจากเชื้อ สาเหตุที่ต้องสอบเทียบเครื่องมือวัดเนื่องจากเครื่องมือ  Autoclave ถูกนำมาใช้กับส่วนงานที่ต้องปราศจากเชื้อเป็นส่วนใหญ่ โดยอุณหภูมิและความดันของเครื่องมีผลต่อการทำลายเชื้อถ้าหากเครื่องมือวัดสามารถทำอุณหภูมิและความดันที่ผิดปกติไป ประสิทธิภาพของการทำลายเชื้อก็จะลดน้อยลงด้วย

โดยหม้อนึ่งความดันไอน้ำนี้มีหน่วยวัดคือ

วัดอุณหภูมิภายในตู้ หน่วยที่ใช้ องศาเซลเซียส  (°C)

วัดแรงดันภายในตู้ หน่วยที่ใช้  ปอนด์ต่อตารางนิ้ว (psi)

ประเภทหม้อนึ่งความดันไอน้ำ 

หม้อนึ่งความดันไอน้ำมีทั้งประเภทให้ความร้อนโดยตรงและแบบผ่านตัวกลาง (ส่วนใหญ่เป็นน้ำ) สามารถแบ่งเป็น 4 ประเภทดังนี้

        1. ให้ความร้อนจากไอน้ำโดยตรง (saturate Steam)

        2. ให้ความร้อนแบบผ่านตัวกลางโดยน้ำแบบจุ่ม (Water Immersion) ซึ่งมีทั้งแบบคงที่ (static) และแบบหมุน (rotary)

        3. อัดแรงดันพ่นน้ำ (water spray processing) ซึ่งมีทั้งแบบคงที่ (static) และแบบหมุน (rotary)รวมถึงแบบน้ำตกไหลผ่าน water cascade processing)

        4. ให้ความร้อนจากไอน้ำและอากาศโดยตรง (Steam -Air)

ข้อแนะนำในการใช้งาน

            ผลิตภัณฑ์ที่ใช้สำหรับนึ่งฆ่าเชื้อ ต้องเป็นสิ่งของที่สามารถทนต่ออุณหภูมิและแรงดันไอน้ำสูงได้ เช่น เครื่องมือที่ทำจากแก้ว, เซรามิค,โลหะหรือยาง, น้ำ และของเหลวทางการแพทย์ โดยใช้อุณหภูมิ แรงดันและเวลาที่เหมาะสม

            เครื่องหม้อนึ่งความดันไอน้ำส่วนใหญ่จะถูกใช้สำหรับการฆ่าเชื้อ แต่บ่อยครั้งที่พบว่าหม้อนึ่งความดันไอน้ำถูกนำมาใช้ในเรื่องการอบแห้งและการอุ่นของเหลว, การละลายและการอุ่นอาหารเลี้ยงเชื้อ  ทั้งนี้ต้องคำนึงถึงความเหมาะสมของเครื่องมือวัดว่ามีฟังก์ชั่นเหล่านี้หรือไม่ โดยสามารถดูได้จาก Spec ผู้ผลิต

ข้อควรระวังในการใช้งานหม้อนึ่งความดันไอน้ำ

        1.  การนำสิ่งของออกจากเครื่องหม้อนึ่งความดันไอน้ำต้องรอให้เข็มของ Pressure Gauge ตกลงมาที่ 0 psi ก่อนจึงสามารถเปิดฝาเครื่องได้

        2.  ควรสวมถุงมือกันความร้อนทุกครั้งก่อนจับชิ้นส่วนของตู้ เนื่องจากยังมีความร้อนอยู่

        3.  ต้องรอจนกว่าของเหลวในหม้อนึ่งความดันไอน้ำจะเย็นลงหรืออุณหภูมิลดลง ถึงจุดที่จะเอาสิ่งของออกได้

        4.  ต้องปิดฝาหม้อนึ่งให้สนิททุกครั้งก่อนใช้งาน

        5.  ไม่ควรวางสิ่งของซ้อนกันแน่นเกินไป

        6.  การนึ่งของเหลว ควรคำนึงถึงปริมาตรที่บรรจุลงในภาชนะ ถ้าบรรจุมากเกินไปอาจทำให้ของเหลวล้นออกมาในขณะนึ่งเชื้อ

Calibration Laboratory (CLC) ให้บริการ สอบเทียบเครื่องมือวัด

            Calibration Laboratory สามารถสอบเทียบเครื่องมือวัดโดยได้การรับรองรอง ISO/IEC 17025:2017 จาก ANAB ส่วนของอุณหภูมิภายในตู้ 105-135 °C และจาก TISI ส่วนของอุณหภูมิภายในตู้ 115-135 °C

            Calibration Laboratory สามารถ สอบเทียบเครื่องมือวัด หม้อนึ่งความดันไอน้ำ ให้ลูกค้าได้โดยใช้วิธีการ Comparison โดยแบ่งออกเป็น 3 วิธีการ

        1. Comparison with hydra data logger ใช้ร่วมกับ Sensor RTD 4 Wire

        2. Comparison with hydra data logger ใช้ร่วมกับ Sensor TC wire type K

        3. Comparison with Wireless Data Logger ใช้ร่วมกับ Sensor แบบ Wireless

รูปภาพตัวอย่างเครื่องมือ Hydra Data Logger ของบริษัทแคลิเบรชั่น แลบอราทอรีจำกัด

ซึ่งการเลือกวิธีการสอบเทียบเครื่องมือวัดขึ้นอยู่กับเครื่องมือลูกค้า(DUC)และเกณฑ์การยอมรับ (MPE) ของเครื่องมือ
การสอบเทียบ Autoclave Comparison with hydra data logger ใช้ร่วมกับ Sensor มีวิธีการดังนี้

  •  ติดตั้ง Sensor (RTD 4 Wire, TC wire type K, Wireless) ตามตำแหน่งของหม้อนึ่งความดันไอน้ำทั้งหมด 9 Position (ขนาดไม่เกิน 1 m 3) ตามตัวอย่างรูปด้านล่าง
  • ให้หม้อนึ่งความดันไอน้ำ (DUC) ทำอุณหภูมิตามpointที่ต้องการสอบเทียบ
  •   อ่านค่า Comparison กับเครื่อง Hydra data logger (STD) และบันทึกผล
รูปตำแหน่งการวาง Probe Sensor  9 Position ใน Autoclave ขนาดไม่เกิน 1 m3

วิธีการดูแลรักษา Autoclave ก่อนและหลังใช้งาน

ก่อนใช้งาน

        1. ต้องตรวจเช็คสภาพของขอบยางของหม้อนึ่งความดันไอน้ำอยู่เสมอไม่ให้รั่ว,ซึม,ชำรุด

        2. ต้องตรวจเช็คระดับน้ำในหม้อนึ่งความดันไอน้ำให้อยู่ในระดับที่กำหนดด้วยทุกครั้ง เพื่อป้องกันไม่ให้หม้อนึ่งไหม้และห้ามใช้ของเหลวชนิดอื่นใช้งานแทนน้ำ

หลังใช้งาน

        1. เพื่อป้องกันการอุดตันของท่อต่างๆควรถ่ายน้ำออกจากหม้อนึ่งความดันไอน้ำ และเปลี่ยนน้ำทุกๆวัน

        2. จะเริ่มทำการบำรุงรักษาต้องรอให้เครื่องหม้อนึ่งความดันไอน้ำเย็นก่อน

        3. เช็ดทำความสะอาดสิ่งสกปรกออกจากตัวเครื่องด้วยผ้าเนื้ออ่อน เช็ดที่ผิวของตัวเครื่องแล้วเช็ดให้แห้ง

 ข้อแนะนำ เมื่อต้องการส่งเครื่องมือหม้อนึ่งความดันไอน้ำ (Autoclave) มาสอบเทียบกับ Calibration Laboratory

    เครื่องมือวัดหม้อนึ่งความดันไอน้ำส่วนใหญ่มีขนาดใหญ่และมีน้ำหนักมาก จึงไม่แนะนำให้เคลื่อนย้ายและนำเข้ามาสอบเทียบเครื่องมือวัดที่ห้องปฏิบัติการสอบเทียบ  ดังนั้น การเข้าไปสอบเทียบเครื่องมือวัดที่บริษัทลูกค้าจึงมีความเหมาะสมมากกว่า  และเวลาดำเนินการสอบเทียบในเครื่องมือไม่ควรมีชิ้นงานหรือสิ่งของอยู่ภายในเครื่องมือวัดหม้อนึ่งความดันไอน้ำ

หากท่านใดสนใจส่งสอบเทียบ(Calibrate)เครื่องมือวัดกับทางบริษัท Calibration Laboratory สามารถติดต่อผ่านช่องทางต่างๆด้านล่างได้เลยค่ะ

ผู้เขียน ลูกคิด

Oven คืออะไร?? แล้วทำไมเราจึงต้องสอบเทียบ

———-

ขอใบเสนอราคา  ติดต่อเรา

พูดคุยกับเรา

บริการสอบเทียบอุณหภูมิและความชื้น

สำรวจคุณสมบัติเด่นของ Testo 174 T BT และ Testo 174 H BT เครื่องมือวัดที่คุณต้องรู้จัก

Testo 174 T BT และ Testo 174 H BT

อุปกรณ์บันทึกข้อมูลขนาดเล็กสำหรับอุณหภูมิและความชื้น

Testo 174 T BT และ Testo 174 H BT เป็นอุปกรณ์บันทึกข้อมูลขนาดเล็กที่สามารถ บันทึกข้อมูลอุณหภูมิและความชื้น ได้อย่างแม่นยำ ในขณะที่ รุ่น  Testo 174 T BT ถูกออกแบบมาสำหรับการวัดอุณหภูมิอย่างเฉพาะเจาะจง และในรุ่น Testo 174 H BT ถูกออกแบบมาสำหรับการวัดอุณหภูมิและความชื้น  อุปกรณ์ทุกชนิดสามารถบันทึกข้อมูลได้ถึง 16,000 ค่า และรับประกันความปลอดภัยของข้อมูลด้วยระบบสำรองอัตโนมัติ ในกรณีที่แบตเตอรี่หมดหรือถูกเปลี่ยนเครื่องมือเหล่านี้เหมาะสำหรับการตรวจสอบสินค้าที่ไวต่ออุณหภูมิและความชื้นในคลังสินค้า รวมถึงการตรวจสอบสภาพภูมิอากาศในอาคารอย่างต่อเนื่องได้อย่างปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ ไม่ว่าคุณจะใช้งานในส่วนไหนของอาคารสำนักงาน หรือสถานที่ที่ต้องการควบคุมอุณหภูมิและความชื้นอย่างเคร่งครัด อุปกรณ์เหล่านี้จะช่วยให้คุณมั่นใจได้ว่าสินค้าและสภาพแวดล้อมของคุณอยู่ในเกณฑ์มาตรฐานเสมอ

และมีตัวซอฟต์แวร์ ComSoft Basic ที่พร้อมให้ดาวน์โหลดฟรี จะช่วยให้สามารถตั้งค่าและวิเคราะห์ข้อมูลได้อย่างรวดเร็ว รวมถึงสามารถส่งออกข้อมูลในรูปแบบ Excel และ PDF เพื่อการจัดทำเอกสารได้อย่างง่าย

คุณสมบัติหลักของ Testo 174 T BT และ Testo 174 H BT

  • การอ่านข้อมูลอย่างรวดเร็วและสะดวกผ่าน USB-C
  • ซอฟต์แวร์มืออาชีพสำหรับการส่งออกข้อมูลในรูปแบบ Excel, การตั้งค่าโปรแกรม, การวิเคราะห์ข้อมูล และการรายงานในรูปแบบ PDF
  • ช่วงการวัดอุณหภูมิที่กว้างตั้งแต่ -30 °C ถึง +70 °C
  • การวัดความชื้นและอุณหภูมิอย่างแม่นยำในช่วง -20 °C ถึง +70 °C
  • การสำรองข้อมูลอัตโนมัติที่เชื่อถือได้ในกรณีแบตเตอรี่หมดหรือเปลี่ยนแบตเตอรี่ พร้อมทั้งพื้นที่เก็บข้อมูลสูงสุดถึง 16,000 ค่า

Testo 174 T BT และ Testo 174 H BT เป็นรุ่นที่รองรับ Bluetooth และการใช้งานผ่านแอปพลิเคชันมาพร้อมกับความสามารถในการใช้งานผ่าน Bluetooth และการแสดงผลข้อมูลการวัดผ่านสมาร์ทโฟนหรือแท็บเล็ตผ่านแอปพลิเคชัน Testo Smart App ที่ให้ดาวน์โหลดฟรีในแอปพลิเคชัน ผู้ใช้สามารถสร้างรายงาน PDF และส่งออกข้อมูลในรูปแบบ Excel พร้อมทั้งเพิ่มรูปภาพและความคิดเห็นลงในรายงานได้ นอกจากนี้ยังสามารถส่งข้อมูลผ่านอีเมล แอปพลิเคชันนี้รองรับทั้งระบบ iOS และ Android อุปกรณ์ บันทึกข้อมูลอุณหภูมิและความชื้น เหล่านี้มีราคาที่คุ้มค่าและรับประกันความแม่นยำของผลการวัดด้วยเทคโนโลยีการวัดที่ทันสมัย พร้อมเซ็นเซอร์ที่ทนทานเพื่อความเสถียรของข้อมูลที่วัดได้ สำหรับการปฏิบัติตามและจัดทำเอกสารตามมาตรฐานการควบคุมคุณภาพ

รายละเอียดทางเทคนิคของรุ่น Testo 174 T BT และ Testo 174 H BT

  • ชนิดเซ็นเซอร์: ดิจิทัล
  • ช่วงการวัด: -30 ถึง +70 °C
  • ความแม่นยำ: ±0.5 °C
  • ความละเอียด: 0.1 °C
  • จำนวนช่องสัญญาณ: 1 ช่องภายใน
  • ชนิดแบตเตอรี่: ลิเธียม 2 ก้อน (CR2032)
  • อายุแบตเตอรี่: 500 วัน (รอบการวัด 15 นาที ที่อุณหภูมิ 25 °C)
  • อุณหภูมิการทำงาน: -30 ถึง +70 °C
  • อุณหภูมิการเก็บรักษา: -40 ถึง +70 °C
  • ขนาด: 60 x 38 x 18.5 มม.
  • น้ำหนัก: 35 กรัม
  • การรับรอง: EN12830, HACCP, NSF
  • ระดับการป้องกัน: IP65
  • รอบการวัด: 1 นาที ถึง 24 ชั่วโมง
  • หน่วยความจำ: 16,000 การอ่านค่า
  • การเชื่อมต่อ: Bluetooth

ซอฟต์แวร์ที่รองรับรุ่น Testo 174 T BT และ Testo 174 H BT

  1. Testo Smart App: ใช้งานสำหรับการตั้งค่าเครื่องมือ การประเมินข้อมูลการวัด และการสร้างรายงาน
  2. ComSoft Basic: ซอฟต์แวร์พื้นฐานสำหรับการตั้งค่าและอ่านค่าข้อมูล พร้อมการแสดงผลในรูปแบบกราฟและตาราง รวมถึงฟังก์ชันการส่งออกข้อมูล
  3. ComSoft Professional: ซอฟต์แวร์มืออาชีพสำหรับการเก็บถาวรข้อมูล การตั้งค่า และการรวมข้อมูลการวัดจากหลายสถานที่

หากคุณต้องการสั่งซื้อสินค้า คุณสามารถติดต่อสอบถามมาได้ที่ Calibration Laboratory หรือ CLC เรามีจำหน่ายพร้อมบริการสอบเทียบเครื่องมือวัดตามมาตรฐาน ISO/IEC 17025:2017 (ACC.ANAB)

สุดท้ายนี้เราขอแนะนำ Testo 174 T BT และ Testo 174 H BT เป็นตัวเลือกหรือเป็นผู้ช่วยที่คุ้มค่าและใช้งานง่ายสำหรับทุกความต้องการในการตรวจวัดอุณหภูมิและความชื้น ช่วยให้คุณทำงานได้สะดวก รวดเร็ว และแม่นยำ

BDS TEAM

 

 

 

 

ขอใบเสนอราคา  ติดต่อเรา

พูดคุยกับเรา

บริการสอบเทียบเครื่องมือวัด  ซื้อเครื่องมือวัด

อุณหภูมิและความชื้น ที่มาของ THERMO-HYGROMETER

ความรู้เพิ่มเติม และที่มาของอุณหภูมิที่ ตัววัดอุณหภูมิและความชื้น Thermo-Hygrometer

อุณหภูมิและความชื้นที่ตัวความชื้นของอากาศ มาจากไอน้ำเป็นส่วนใหญ่จะอยู่ทั่วไปในอากาศเลยทำให้ชั้นบรรยากาศเกิดความชื้น ซึ่งตัววัดอุณหภูมิและความชื้นมีความสำคัญต่อ กลุ่มโรงงานอุตสาหกรรม และ บริษัท ทั่วๆไป ที่ต้องควบคุมอุณหภูมิอยู่ตลอดเวลา ซึ่ง เครื่องมือวัดอุณหภูมิและความชื้น จึงจัดให้อยู่ในประเภท เครื่องมือวัด ที่ไว้ตรวจเช็คอุณหภูมิสภาพอากาศในบริเวณนั้นๆ เครื่องมือวัดอุณหภูมิและความชื้น  มีความสำคัญในการใช้งานในห้องปฏิบัติการที่ต้องการการควบคุม หรือหากในพื้นที่ตรงส่วนนั้นต้องการควบคุมอุณหภูมิและความชื้น หากอากาศมีความชื้นสูงหมายถึงอากาศมีไอน้ำอยู่เป็นปริมาณมาก หากอากาศมีความชื้นต่ำหมายถึง อากาศมีปริมาณไอน้ำอยู่เป็นจำนวนน้อย ตัววัดอุณหภูมิและความชื้นเป็นเครื่องมือที่ใช้วัดความชื้นหรือช่วยวัดปริมาณไอน้ำในอากาศได้ค่อนข้างดี สำหรับผู้ใช้งานที่จำเป็นต้องรู้ว่าอุณหภูมิของอากาศและอุณหภูมิของความชื้นในสภาพอากาศบริเวณนั้นๆเครื่องมือวัดอุณหภูมิและความชื้น จึงเป็น เครื่องมือวัด ที่จะช่วยให้เราควบคุมและดูวิเคราะห์พิจารณาสภาพอากาศว่าจะลดความชื้นหรือไม่ ไอน้ำในอากาศมีระดับสูงมากเกินไปมากไหม เราจะได้ควบคุมอุณหภูมิสภาพอากาศได้ถูกต้อง

อะไรที่ทำให้เกิดอุณภูมิในอากาศ

อากาศร้อนมีความหนาแน่นต่ำกว่าอากาศเย็นและเมื่ออากาศร้อนปะทะกับอากาศเย็น อากาศร้อนจะยกตัวขึ้นทำให้อุณหภูมิลดต่ำลงจนถึงระดับที่สามารถทำให้เกิดความควบแน่นจึ งทำให้เกิดเมฆและฝนขึ้น และเมื่ออากาศเกิดการบีบตัวเกิดขึ้นเมื่อกระแสลมพัดมาปะทะกัน อากาศจะยกตัวขึ้นและทำให้อุณหภูมิของอากาศลดต่ำลงจนเกิดอากาศอิ่มตัวจึงทำให้เกิดไอน้ำในอากาศควบแน่นเป็นหยดน้ำในก้อนเมฆ เมื่อดวงอาทิตย์ขึ้น อากาศจะมีอุณหภูมิสูงขึ้นเรื่อยๆ จนมากสุดในช่วงเที่ยงและช่วงบ่าย เลยช่วงเวลานี้อุณหภูมิก็จะค่อยๆลดลงจนต่ำสุดในช่วงเวลาเช้าเราสามารถวัดอุณหภูมิสภาพของอากาศได้จาก Thermometer หรือ เครื่องมือวัดอุณหภูมิและความชื้น อากาศในแต่ละพื้นที่แต่ละจุดจะเริ่มมีอุณหภูมิสูงขึ้นเรื่อยๆก็ต่อเมื่อดวงอาทิตย์เริ่มขึ้นและถ้าระดับความสูงของพื้นที่ สูงขึ้นไปจากระดับน้ำทะเล อุณหภูมิของอากาศก็จะลดต่ำลง ปริมาณของก้อนเมฆ ก็มีผลต่อสภาพอากาศในแต่ละวันด้วยเพราะวันที่ท้องฟ้ามีปริมาณเมฆมาก อากาศมีอุณหภูมิต่ำกว่าวันที่ท้องฟ้ามีปริมาณเมฆน้อยเพราะเมฆทำหน้าที่สะท้อนและดูดกลืนพลังงานจากดวงอาทิตย์ไว้ จึงทำให้ผิวโลกได้รับพลังงานจากดวงอาทิตย์น้อยลงเมฆช่วยลดอุณหภูมิอากาศในตอนกลางวันและช่วยเพิ่มอุณหภูมิอากาศในตอนกลางคืน

ที่มาของอุณหภูมิในอากาศ

เวลากลางวันพื้นโลกได้รับพลังงานความร้อนจากดวงอาทิตย์ทำให้อุณหภูมิสูงขึ้นอากาศจะได้รับพลังงานความร้อนที่พื้นโลกคายออกมา ทำให้อุณหภูมิของอากาศบริเวณนั้นสูง ส่วนในเวลากลางคืนพื้นโลกไม่ได้รับพลังงานจากแสงแดดของดวงอาทิตย์ อุณหภูมิของอากาศเวลากลางคืนจึงต่ำกว่าเวลาในกลางวัน เป็นที่มาของความกดอากาศต่ำลงทำให้เกิดความเย็นขึ้น

ที่มาของความชื้นในอากาศ

จากที่กล่าวมา ความชื้นในอากาศเกิดขึ้นได้จาก 3 ประการ

การระเหยของน้ำ

เมื่อดวงอาทิตย์แผ่ความร้อนโดนผิวน้ำ (ทะเล, แม่น้ำ หรือพื้นดินที่มีความชื้น) ทำให้น้ำเกิดการระเหยกลายเป็นไอน้ำลอยขึ้นสู่บรรยากาศ จากการที่อุณหภูมิสูงขึ้น (ช่วงกลางวัน) ทำให้มีการเพิ่มอัตราการระเหย และลมช่วยพาไอน้ำกระจายไปในอากาศ


การควบแน่นจากอากาศที่มีอุณหภูมิสูงเจออากาศอุณหภูมิต่ำ

อากาศที่มีอุณหภูมิสูง (ความหนาแน่นต่ำ) พุ่งขึ้นข้างบนเมื่อเจอกับอากาศที่มีอุณหภูมิต่ำ ทำให้เมื่อขึ้นสูง อุณหภูมิจะลดลงจนถึงจุดน้ำค้าง (Dew Point) ไอน้ำในอากาศควบแน่นเลยกลายเป็นเมฆ (กลุ่มหยดน้ำเล็กๆ) และหากหยดน้ำในเมฆรวมตัวกันใหญ่พอ จะส่งผลให้กลายเป็นฝนทำให้ความชื้นสัมพัทธ์ (RH) ในบริเวณนั้นสูงขึ้น

การบีบตัวของอากาศ

เมื่อลมปะทะกันหรือถูกบีบให้ยกตัวขึ้น (เช่น พัดเข้าหาภูเขา) อากาศจะเกิดการขยายตัวและอุณหภูมิลดต่ำลงและหากอุณหภูมิต่ำลงเรื่อยๆจนอิ่มตัว จะทำให้ไอน้ำควบแน่นเป็นเมฆ หรือเกิดฝนตกได้

ความชื้นของอากาศถูกแบ่งออกเป็นอยู่ 2 หัวข้อหลักๆ

  1. ความชื้นสัมบูรณ์ (Absolute Humidity)

       หมายถึง อัตราส่วนระหว่างมวลของไอน้ำในอากาศกับปริมาตรของอากาศ ณ อุณหภูมิเดียวกัน โดยหน่วยที่ใช้วัดมักเป็นกรัมต่อปริมาตรอากาศ 1 ลูกบาศก์เมตร (g/m³) เป็นค่าที่ไม่ขึ้นกับอุณหภูมิ บอกปริมาณไอน้ำจริงในอากาศ มักใช้ในงานวิทยาศาสตร์และอุตสาหกรรม (เช่น ควบคุมสภาพแวดล้อมในห้องคลีนรูม)

2. ความชื้นสัมพัทธ์ (Relative Humidity)

หมายถึง สัดส่วนของปริมาณไอน้ำที่มียู่จริงในอากาศขณะนั้นต่อปริมาณไอน้ำอิ่มตัว แสดงค่าเป็นเปอร์เซ็นต์ (%) หากความชื้นสัมพัทธ์เท่ากับ 100% แสดงว่าอากาศอิ่มตัวด้วยไอน้ำ และอาจจะเกิดการควบแน่นเป็นหยดน้ำได้ เป็นค่าที่ขึ้นกับอุณหภูมิ (ยิ่งอากาศร้อน ยิ่งเก็บไอน้ำได้มาก)ส่งผลต่อความรู้สึกสบาย

 

ความชื้นทั้งสองประเภทมีความสัมพันธ์กันเมื่ออุณหภูมิเพิ่มขึ้น ความชื้นสัมบูรณ์ อาจจะมีค่าคงที่ (หากไม่มีไอน้ำเพิ่ม) แต่ความชื้นสัมพัทธ์ จะมีค่าลดลง เพราะเมื่ออากาศร้อนจะเก็บไอน้ำได้มากขึ้น ในขณะที่เมื่ออุณหภูมิลดลง (เช่น ตอนกลางคืน) ความชื้นสัมพัทธ์จะมีค่าเพิ่มขึ้น อาจถึงจุดน้ำค้าง (Dew Point) ทำให้เกิดเป็นหมอกหรือหยดน้ำได้

 

ลักษณะรูปแบบของ Thermo-Hygrometer

Thermo-Hygrometer รุ่นแรก ๆ ยังเป็นแบบ Analog ใช้เข็มหมุนและหน้าปัดที่ต้องอ่านค่าเอง ต่อมาเมื่อมีการพัฒนาเซ็นเซอร์แบบอิเล็กทรอนิกส์ ก็ทำให้สามารถออกแบบเครื่องที่แสดงผลเป็นตัวเลขดิจิทัลได้อย่างแม่นยำและใช้งานง่าย

เครื่องมือวัดอุณหภูมิและความชื้นแบบ Analog

เครื่องมือวัดอุณหภูมิและความชื้นแบบ DIGITAL

ประโยชน์ในปัจจุบัน

เทอร์โมไฮโกรมิเตอร์ ถูกนำมาใช้อย่างกว้างขวางในปัจจุบัน และใช้งานอย่างแพร่หลายในหลายวงการ

 

  • การแพทย์ ตรวจสอบอุณหภูมิและความชื้นในห้องผ่าตัดหรือห้องแล็บ
  • อุตสาหกรรมต่างๆ ควบคุมสภาพแวดล้อมในโรงงานผลิตอาหาร ยา ห้องคลีนรูม และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์
  • การเกษตร ใช้ตรวจสอบความชื้นและอุณหภูมิในโรงเรือนเพาะชำ ห้องปลูกพืชไร้ดิน (Hydroponics)
  • การใช้ในบ้านหรืออาคารสำนักงาน เพื่อตรวจสอบคุณภาพอากาศภายในบ้านและสุขภาพของผู้อยู่อาศัย โดยเฉพาะสถานที่ที่มีเด็กเล็กและผู้สูงอายุ
  • งานวิจัยทางการพยากรณ์อากาศ เป็นอุปกรณ์พื้นฐานในการเก็บข้อมูลสภาพอากาศ ใช้ในสถานีตรวจอากาศแบบพกพา

 

แบรนด์และรุ่นยอดนิยม

  1. แบบพกพา OMEGA, Testo, Fluke, DIGICON
  2. แบบตั้งโต๊ะ Vaisala, Rotronic
  3. สมาร์ทเซ็นเซอร์ Govee, SensorPush (เชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟน via Bluetooth/Wi-Fi)

ซึ่งทางบริษัท Calibration Laboratory มีจัดจำหน่ายและบริการสอบเทียบเครื่องมือวัด สำหรับ สามารถดูได้จากลิงก์ด้านล่าง หรืออ่านรีวิว TESTO รุ่น 608-H1 ได้ค่ะ

 

 

ผู้เขียน Gaem Yui

 

 

 

 

ประเภทของเครื่องมือวัดอุณหภูมิความชื้นสัมพัทธ์ หรือ Dry-Wet Bulb

 

บริการ สอบเทียบอุณหภูมิและความชื้น

ขอใบเสนอราคา   ติดต่อเรา 

พูดคุยกับเรา

 

 

 

 

หลักการเลือกใช้ Temperature Transmitter

Transmitter คือ เครื่องมือทางไฟฟ้าสำหรับแปลงค่ามาตรฐาน ซึ่งมีความสำคัญและจำเป็นอย่างมากในอุตสาหกรรม เนื่องจากในอุตสาหกรรมนั้นมีการติดตั้งระบบควบคุมต่างๆมากมายจึงจำเป็นต้องติดตั้ง Transmitter หรือตัวแปลงค่ามาตรฐานอยู่ในระบบควบคุมต่างๆ เพราะในอุตสาหกรรมนั้นมีการต่อพ่วงกันเป็นระบบ และแน่นอนอุปกรณ์เหล่านี้จึงจำเป็นต้องมีการรับและส่งสัญญาณกันในรูปแบบของ Analog  ดังนั้นจึงต้องมีการกำหนดค่ามาตรฐานการวัดในรูปแบบของ Analogให้เป็นมาตรฐานสากล เพื่อให้ผู้ผลิตอุปกรณ์ควบคุมต่างๆได้ยึดถือและออกแบบอุปกรณ์ต่างๆโดยใช้มาตรฐานเดียวกันเป็นสากล วันนี้เราจะมาทำความรู้จักเกี่ยวกับ Transmitter ที่ใช้วัดอุณภูมิ หรือเรียกกันว่า Temperature Transmitter

Temperature Transmitter คือ เครื่องมือวัดทางไฟฟ้าที่ใช้วัดค่าอุณภูมิ โดยจะใช้การแปลงค่าสัญญาณจากตัวเซนเซอร์โดยจะมีสัญญาณการวัดเป็นแบบมาตรฐาน ที่มีลักษณะ

เป็น 4-20 mA , 1-5 VDC ,   ซึ่งมีเซนเซอร์ที่ใช้วัดได้หลากหลายรูปแบบ แต่ในอุตสาหกรรมมักนิยมใช้ในรูปแบบ RTD , Thermocouple เป็นหลัก

 

การส่งสัญญาณในรูปแบบต่างๆ

4-20mA หรือการส่งสัณญาณในรูปแบบของกระแสตรง (DC Current)

โดยทำความเข้าใจง่ายๆคือ เมื่อวัดค่าเป็น 0% ค่าก็จะเท่ากับ 4 mA และถ้าหากวัดได้ที่ 100% ก็เท่ากับ 20 mA นั้นเอง โดยค่าที่วัดได้ที่อยู่ในช่วง 0-100% ก็จะสัมพันธ์เชิงเส้นกับกระแส 4-20 mA

 1-5 VDC หรือการส่งสัณญาณในรูปแบบของแรงดันไฟฟ้า (DC Voltage)

โดยทำความเข้าใจง่ายๆคือ เมื่อวัดค่าเป็น 0% ค่าก็จะเท่ากับ 1 VDC และถ้าหากวัดได้ที่ 100% ก็เท่ากับ 5 VDC นั้นเอง แต่การใช้

 

ข้อจำกัดในการวัดแรงดันไฟฟ้า

การวัดค่าในรูปแบบแรงดันไฟฟ้านั้นจะไม่เหมาะกับการที่ต้องต่อสัญญาณระยะไกล เนื่องจากความต้านทานของสายสัญญาณจะส่งผลให้มีความคลาดเคลื่อนอ่านค่าผิดค่อนข้างสูง และอาจมีการรบกวนจากสัญญาณอื่นๆได้ง่าย เพราะฉะนั้นการวัดค่าในรูปแบบของแรงดันไฟฟ้านั้นจึงมีความเหมาะสมกับการติดตั้งและส่งสัญญาณระยะใกล้เท่านั้น

 

อุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องกับการวัดแรงดันไฟฟ้า

  • RTD (Resistance Temperature Detector) คือ อุปกรณ์ที่มีลักษณะเป็นเซนเซอร์ที่ใช้วัดอุณภูมืในรูปแบบ ที่ใช้วัดออกมาแป็นค่าความต้านทานและจะมีการคำนวณและเปลี่ยนแปลงค่าให้เป็นอุณภูมิที่วัดออกมาได้ โดยหลังจากที่ใช้ต่อเข้ากับทรานสมิตเตอร์วัดอุณหภูมิและวัดค่าความต้านทานแล้วเสร็จก็จะคำนวณออกมาเป็นค่าอุณภูมิและจะแสดงผลไปยังอุปกรณ์นั้นเอง
  • Thermocouple คือ อุปกรณ์ที่มีลักษณะที่เป็นเซนเซอร์วัดอุณภูมิ โดยจะมีหลักการทำงาน ที่ใช้วัดค่าเป็นสัณญาณแรงเคลื่อนไฟฟ้า โดยจะมีโลหะต่างชนิดกันมาเชื่อมต่อที่ปลายอีกข้างหนึ่ง เมื่อเกิดอุณภูมิสูงขึ้นเรื่อยๆ ก็จะเกิดแรงเคลื่อนไฟฟ้าที่ปลายโลหะของแต่ละข้างเกิดขึ้นเมื่อต่ออุปกรณ์เข้ากับตัวเครื่องมือวัดตัวอุปกรณ์ก็จะมีการคำนวณและแปลงจากค่าแรงเคลื่อนไฟฟ้าให้ออกมาเป็นอุณภูมิและแสดงผลไปที่อุปกรณ์นั้นเอง

 

หลักการพิจารณาในการเลือกใช้งาน Temperature Transmitter เบื้องต้น

  1. จุดประสงค์ในการใช้งานว่าต้องการติดตั้งแบบไหน การพิจารณาระยะของสายสัญญาณในการติดตั้งมีส่วนสำคัญในการเลือกใช้งาน
  2. การติดตั้งของ Transmitter หน้างานเป็นแบบไหน ติดตั้งแบบใดจึงเหมาะสม
  3. สัญญาณ Output ที่ต้องการเป็นแบบไหน
  4. ย่านการใช้งาน (Range)ความแม่นยำ (Accuracy) เพื่อให้เกิดประโยชน์แก่การใช้งานได้สูงสุด

 

วิธีการดูแลรักษา ทรานสมิตเตอร์วัดอุณหภูมิ

  1. ควรศึกษาคู่มือของอุปกรณ์ที่ต้องการติดตั้งให้ครบถ้วนก่อนติดตั้งเพื่อประโยชน์ในการใช้งานได้สูงสุดและป้องกันการเสียหายในการติดตั้ง
  2. ควรตรวจเช็คจุดเชื่อมต่อและหน้าสัมผัสให้คงมีความสะอาดอย่างสม่ำเสมอ
  3. ควรมีการ สอบเทียบเครื่องมือวัด (Calibration) ตัว Transmitter ตามระยะเวลาที่กำหนดอย่างน้อยปีละ1ครั้ง เพื่อทางผู้ใช้งานจะได้ทราบถึงความแม่นยำหรือความคลาดเคลื่อนของตัว ธTransmitter อยู่เสมอ

 

บทความนี้นำเสนอเป็นเพียงการแค่ใช้งานของ ตัวอุปกรณ์ Transmitter ที่นำมาใช้และติดตั้งกับการใช้งานที่ต้องการวัดอุณภูมิเพียงเท่านั้น ซึ่งเป็นเพียงส่วนหนึ่งของอุปกรณ์ เพราะในการใช้งาน Transmitter ในภาคอุตสาหกรรมต่างๆ ยังมีการใช้งานของ อุปกรณ์ Transmitter อีกหลากหลายรูปแบบต่างๆ อย่างแพร่หลายและเครื่องมือวัดทุกชนิดจำเป็นต้องมีการ สอบเทียบเครื่องมือวัด อยู่อย่างสม่ำเสมอเพื่อความถูกต้องแม่นยำในการวัด

 

ผู้เขียน THM Melo

 

 

 

ขอใบเสนอราคา  ติดต่อเรา

พูดคุยกับเรา

บริการสอบเทียบเครื่องมือวัด  ซื้อเครื่องมือวัด

 

เจาะลึก Refigerator คุณรู้จัก ตู้เย็น ดีพอหรือยัง

ปัจจุบันนี้ทุกท่านคงทราบดีว่าการเก็บรักษาผลิตภัณฑ์ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น อาหาร เครื่องดื่ม ยารักษาโรค วัคซีน  เครื่องสำอาง พืชผัก ต่างๆ หรือแม้กระทั่งในภาคอุตสาหกรรมการขนส่งเองก็ดี ล้วนแล้วแต่จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องใช้ระบบทำความเย็นหรือเครื่องทำความเย็น เช่น ตู้เย็น (Refrigerator), ห้องเย็น (Cold Room), ตู้แช่แข็ง (Freezer) กันทั้งนั้น  เพื่อที่จะคงสภาพหรือสรรพคุณของผลิตภัณฑ์นั้นๆให้อยู่ได้ยาวนานขึ้นและช่วยชะลอเพื่อให้เสื่อมสภาพช้าที่สุด

เมื่อเห็นถึงประโยชน์ของระบบทำความเย็นกันแล้ว วันนี้เราจะมาทำความรู้จักกับเครื่องมือชนิดหนึ่งที่ช่วยอำนวยความสะดวกสบายทั้งในชีวิตประจำวันและการทำงานในหลายๆด้านกันค่ะ เครื่องมือที่เราจะมาพูดถึงกันก็คือ ตู้เย็น (Refrigerator)

 

ความหมายของ ตู้เย็น คือ

(Refrigerator) คือ เครื่องทำความเย็นชนิดหนึ่งซึ่งจะสามารถทำอุณหภูมิได้น้อยกว่า ตู้แช่แข็ง (Freezer) ตู้เย็นถือเป็นสิ่งอำนวยความสะดวกอย่างมากที่ทุกบ้านจำเป็นต้องมี ทั้งนี้ก็เพื่อใช้ถนอมอาหาร เก็บรักษาผักผลไม้ให้สดอยู่เสมอและสามารถเก็บไว้ได้นานยิ่งขึ้น และนอกจากนี้ก็ยังมีความสำคัญสำหรับห้องแลป โรงพยาบาล ซึ่งจำเป็นอย่างมากในการเก็บรักษายาและวัคซีนต่างๆ ตู้เย็นในปัจจุบันนี้ได้มีการพัฒนาศักยภาพในการทำงานให้ตอบโจทย์และอำนวยความสะดวกกับผู้ใช้งานได้มากขึ้นมีทั้งการแจ้งเตือนผ่านทาง App, Line และการโทรแจ้ง หากเกิดความผิดปกติของอุณหภูมิภายในตู้ เพราะหากเกิดความผิดพลาดเพียงเล็กน้อยก็อาจจะทำให้เกิดความสูญเสียตามมาได้เช่น ในปัจจุบัน ปัญหาโรคระบาดกำลังเกิดการแพร่กระจายอย่างหนัก ทำให้เราจำเป็นต้องมีวัคซีนเพื่อป้องการโรคระบาดนี้ หากการขนส่งวัคซีนควบคุมอุณหภูมิได้ไม่ดี หรือการขนส่งดี แต่การจัดเก็บไม่ดี เกิดการสูญเสียอุณหภูมิ ก็จะทำให้วัคซีนอาจเสื่อมสภาพหรือมีอายุการใช้งานที่สั้นลงนั่นเองค่ะ

ข้อแนะนำการใช้และการบำรุงรักษาที่สำคัญ

  1. เลือกตู้เย็นที่มีความจุที่เหมาะสมกับการใช้งาน และควรตั้งค่าอุณหภูมิให้เหมาสมกับผลิตภัณฑ์ที่ต้องการเก็บรักษา เช่น เก็บเลือด เก็บวัคซีน เก็บยาต่างๆ หรืออื่นๆ เพื่อช่วยในการประหยัดค่าไฟ
  2. ควรตั้งตู้เย็นให้อยู่ในที่ที่อากาศถ่ายเทพอสมควร โดยส่วนใหญ่จะต้องวางให้ห่างจากผนังไม่น้อยกว่า 10 เซนติเมตร และห่างจากเพดานอย่างน้อย 30 เซนติเมตร
  3. ไม่ควรเปิด – ปิดตู้เย็นบ่อยๆ เพราะจะทำให้สูญเสียความเย็นโดยความร้อนและความชื้นจากอากาศภายนอกจะทำให้ตู้เย็นทำงานหนักขึ้น ก็จะทำให้เปลืองไฟนั่นเองค่ะ
  4. ไม่ควรนำอาหารร้อนๆหรืออาหารที่ยังอุ่นอยู่เข้าตู้เย็น ควรรอให้ความร้อนในอาหารลดลงจนใกล้เคียงกับอุณหภูมิภายในห้องก่อนจึงนำเข้าเก็บได้
  5. หากตู้เย็นเป็นแบบที่ไม่มีกลไกขจัดน้ำแข็งอัตโนมัติ ควรขจัดน้ำแข็งที่เกาะภายในตู้เย็นบ่อยๆ ถ้าเป็นฤดูร้อน ประมาณ 2 ครั้งต่อสัปดาห์
  6. ควรทำความสะอาดตู้เย็นอย่างสม่ำเสมอ โดยห้ามใช้ทินเนอร์, แอลกอฮอล์หรือเบนซินในการทำความสะอาดเด็ดขาด และก่อนทำความสะอาดให้ถอดปลั๊กก่อนทุกครั้ง เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพให้ตู้เย็นทำงานได้ดียิ่งขึ้น
  7. ด้านนอกของตู้เย็นให้ทำความสะอาดโดยใช้ผ้าสะอาดชุบน้ำสบู่ตามด้วยน้ำสะอาด แล้วเช็ดตามด้วยผ้าแห้ง ควรทำความสะอาดอย่างน้อยเดือนละครั้ง แต่หากใช้ในทางการแพทย์อาจจะทำความสะอาดเมื่อเห็นว่าเริ่มสกปรกไม่มากก็ได้
  8. ไม่ควรใส่ของจนแน่นเกินไปเพราะอากาศจะไม่สามารถผ่านรอบๆได้ ทำให้ความเย็นไม่ทั่วถึง
  9. ความชื้นและฝุ่นละอองจะจับเกาะยางขอบประตู ทำให้เกิดจุดด่างดำควรทำความสะอาดบ่อยๆโดยใช้แปรงอ่อนๆ จุ่มน้ำสบู่ถูเบาๆ ล้างด้วยน้ำสะอาดและเช็ดให้แห้ง

การสอบเทียบ ตู้เย็น (Refrigerator) ทาง บริษัท แคลิเบรชั่น แลบอราทอรี จำกัด ของเราสามารถ สอบเทียบตู้เย็น โดยได้รับการรับรอง ISO/IEC 17025:2017 ได้ครอบคลุมที่อุณหภูมิ -70 ถึง 250°C องศาเซลเซียส ทั้ง สมอ. และ ANAB โดยใช้  Data Logger เป็น Standard ในการสอบเทียบ

ดูรายละเอียด Scope ได้ที่นี่ คลิก

ทั้งนี้ทางบริษัท แคลิเบรชั่น แลบอราทอรี จำกัด ยังยินดีให้บริการในด้านอื่นๆ อีกไม่ว่าจะเป็นซื้อเครื่องมือใหม่พร้อมสอบเทียบ หรือสอบเทียบเครื่องมืออื่นๆได้อีกหลากหลายพารามิเตอร์ หากทุกท่านสนใจสามารถเยี่ยมชมได้ที่ www.cal-laboratory.com หรือเพื่อความรวดเร็วก็สามารถติดต่อผ่านทาง Line OA ได้เลยนะคะ ทางเรายินดีให้บริการค่ะ

 

KATAI

 

 

 

ขอใบเสนอราคา    ติดต่อเรา

พูดคุยกับเรา

 

ตรวจเช็คความผิดปกติของตู้ INCUBATOR ด้วยตัวเอง

ตรวจเช็คความผิดปกติของตู้ INCUBATOR ด้วยตัวเอง

INCUBATOR คือ ตู้บ่มเพราะเชื้อ ที่ต้องควบคุมอุณหภูมิ ขึ้นอยู่กับว่าจะนำไปใช้งานเก็บอุณหภูมิทางด้านไหนให้ถูกต้องตามความเหมาะสมเพราะตัวตู้สามารถควบคุมอุณหภูมิได้ทั้งร้อนและเย็น มีหลากหลายรุ่น หลายยี่ห้อให้เลือกใช้งาน ขนาดของตู้ก็มีอยู่หลายขนาด Incubator สามารถปรับอุณหภูมิภายในตู้ด้วยตัวฮีทเตอร์ที่อยู่ภายใน ตำแหน่งที่จะสามารถเช็ควัดอุณหภูมิภายในตู้จะมีอยู่ 5 จุดหลักๆ มุมของตู้ 4 จุด และตรงกลางตู้อีก 1 จุด และภายในตู้ Incubator ส่วนใหญ่มีการตั้งเวลาบางส่วนยังสามารถตั้งโปรแกรมให้วงจรผ่านอุณหภูมิที่แตกต่างกัน ระดับความชื้น Incubator ตู้บ่มมีขนาดตั้งแต่ 53 litter จนถึง 256 litter ตัวเครื่อง Incubator มีทั้งแบบมีพัดลมและไม่มีพัดลม ภายในตู้ก็จะมีตะแกรงวางไว้ให้เป็นชั้นๆเพื่อวางตัวอุปกรณ์หรือวางชิ้นงานที่ต้องการเพาะเชื้อ ซึ่งบางตู้ก็อาจจะมี 4 ชั้น ขึ้นอยู่กับขนาดตู้ Incubator จะมีทั้งแบบ 1 ประตูและ 2 ประตู สามารถปรับเลือกใช้งานอุณหภูมิได้ 2 หน่วย ทั้ง °C และ °F การใช้งานของตัวตู้ Incubator จะมีบางประเภทที่สามารถเก็บข้อมูลและความละเอียดได้มาก ตู้เพาะเชื้อ Incubator แบบเขย่าจะสามารถดูความเร็วรอบในส่วนของหน่วย RPM ได้อีกด้วย ว่าขณะที่เครื่องทำการเขย่าอยู่นั้นความเร็วรอบอยู่ที่เท่าไหร่

ในขณะที่ใช้งานอยู่ ตู้ INCUBATOR ผิดปกติสามารถตรวจเช็คได้เบื้องต้นด้วยตัวเอง

  • กรณีตัวตู้ Incubator เปิดไม่ติด

ให้ลองตรวจเช็คดูที่ปลั๊กไฟของตัวเครื่องว่าเสียบแน่นหรือไม่  หรือตัวสายไฟอาจชำรุด ฟิวส์อาจขาด สวิตซ์เปิดปิดของตัวเครื่องเสียหรือไม่ได้กดเปิดก่อนใช้งาน

  • กรณี หน้าจอ Incubator ไม่อ่านค่าแสดงผล

ตัวหน้าจออาจเสียหรือสายของตัวจอมอนิเตอร์ อาจชำรุดไฟไม่เข้าหน้าจอเลยไม่อ่านค่าแสดงผล

  • กรณี ตัว Incubator ควบคุมอุณหภูมิไม่ได้ (ไม่เย็น)

ตัว Compressor ของตู้อาจเสียตัวตู้จะควบคุมทำอุณหภูมิไม่ได้

การดูแลรักษาและทำความสะอาดตู้ ตู้บ่มเพราะเชื้อ

  • การดูแลรักษา เครื่องมือวัด ควรปิดสวิตซ์ถอดปลั๊กออกและควรปล่อยทิ้งไว้ 15-20 นาที ให้ตู้คลายความร้อนออกให้หมดก่อนแล้วค่อยนำเอาอุปกรณ์ที่อยู่ภายในตู้มาทำความสะอาด ถ้าอุปกรณ์ชิ้นไหนที่เอามาล้างควรปล่อยให้แห้งก่อนนำเข้าเอาไปไว้ในตู้ตามเดิม อย่าเอาอุปกรณ์ที่เปียกเข้าไปใส่ในตู้โดยเด็ดขาด
  • ห้ามทำความสะอาดภายในตู้ด้วยผ้าแห้ง เพราะอาจจะทำให้เกิดไฟฟ้าสถิตย์ภายในตู้ได้
  • ห้ามใช้น้ำยาประเภท แอลกอฮอล์ , อีเทอร์ , คีโตนอะซิโตน มาเช็ดทำความสะอาดตู้โดยเด็ดขาด
  • ไม่ควรนำอุปกรณ์ที่ไม่ใช้งานมาวางไว้บนหลังตู้
  • ไม่นำชิ้นงานที่ต้องเอาเข้าไปไว้ในตู้อัดกันแน่นจนเกินไป เพราะอาจทำให้เกิดความเสียหายต่อตู้และความเสียหายต่ออุปกรณ์ที่นำเอาไปไว้ในตู้ได้
  • ไม่ควรวางตู้ Incubator ชิดผนังจนเกินไปควรเว้นระยะห่างจากผนังประมาณ 10 เซนติเมตร

มาทำความรู้จัก Incubator กันเถอะว่ามีประเภทไหนบ้าง

Incubator ตู้เพาะเชื้อ 

 Incubator ตู้เพาะเชื้อแบบเขย่า

 Incubator เชื้อควบคุมด้วยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ 

 

        Incubator ตู้เพาะเชื้อแบบ CO2 ตู้เพาะ     Incubator ตู้เพาะเชื้ออุณหภูมิต่ำ

 

Incubator ตู้อบเด็ก

 

 

 

  ผู้เขียน Gaem Yui

 

 

บริการ สอบเทียบอุณหภูมิและความชื้น

ขอใบเสนอราคา   ติดต่อเรา 

พูดคุยกับเรา

 

ใช้อย่างไรให้คล่องมือ เครื่องบันทึกอุณหภูมิและความชื้น TESTO Model Testo 175 H1

ใช้อย่างไรให้คล่องมือ เครื่องบันทึกอุณหภูมิและความชื้น TESTO Model Testo 175 H1

สวัสดีค่ะ วันนี้เราจะมาพูดถึง วิธีการใช้งาน Data logger Temperature and Humidity

(เครื่องบันทึกอุณหภูมิและความชื้น) Brand TESTO Model  Testo 175 H1 กันนะคะ

ว่ามีขั้นตอนอย่างไรบ้าง หลังจากที่เราได้พูดถึงคุณสมบัติไปก่อนหน้านี้เรื่อง ดีอย่างไร? Data logger จากเยอรมัน รุ่น Testo 175 H1 เราจะมาต่อในเรื่องของการใช้งานกันค่ะ ถ้าพร้อมแล้วก็ตามไปอ่านกันเลยค่ะ

ขั้นตอนมีดังนี้เลยค่ะ

การปลดล็อค เครื่องมือวัด data logger

1.1 เปิดตัวล็อคหมายเลข 1

1.2 เอาตัวล็อคออก หมายเลข 2

เอาตัวล็อคออกจากหมายเลข 3 ออกจากช่อง

1.4 เลื่อนตัว data logger ออกจาก Wall bracket 4

รูปภาพ แสดงการปลดล็อค Data logger

2.การใส่แบตเตอรี่

2.1  พลิกด้านหลังเครื่อง

2.2  ใช้ไขควงปลดน็อต

2.3 ใส่แบตเตอรี่ (AAA) ให้ถูกขั้ว

2.4 ปิดฝาช่องใส่แบตเตอรี่ด้วยไขควง

รูปภาพ Testo 175 H1 พร้อมสาย USB

3.การเชื่อมต่อ เครื่องมือวัด Data logger กับ คอมพิวเตอร์

ถ้าจะเชื่อมต่อกับคอมพิวเตอร์ สามารถใช้ ซอฟต์แวร์ Testo ComSoft 5 Basic ซึ่งเป็นซอฟต์แวร์ที่ลูกค้าสามารถดาวน์โหลดได้ฟรีจากอินเตอร์เนต ตาม Link นี้ได้เลยค่ะ

4.หน้าจอควบคุมและแสดงผล

  หน้าจอแสดงฟังก์ชันจะสามารถเปิดปิดได้จากการตั้งค่า  Software testo Com Soft

วิธีการอ่านความหมายของหน้าจออธิบายตามหมายเลขที่แสดงตามรูป

  1. การอ่านค่าช่องที่ 1
  2. หน่วยการวัดช่องที่ 1
  3. การอ่านค่าช่องที่ 2
  4.  หน่วยการวัดช่องที่ 2
  5. กาทำงานของโปรแกรมการวัดเสร็จสิ้น
  6. โปรแกรมการวัดมีการทำงานอยู่
  7. รอเพื่อเริ่มโปรแกรมการวัด
  8. เริ่มการวัดในช่วงวันและเวลาที่กำหนดไว้
  9. ความจุแบตเตอรี่10. ค่าต่ำกว่าลิมิตที่กำหนด ในช่องที่ 2
  10. ค่าต่ำกว่าลิมิตที่กำหนด ในช่องที่ 2
    • มีการกระพริบ: จะปรากฏค่า ที่ตั้งเตือนไว้
    • มีไฟสว่าง: ค่าที่วัดได้ต่ำกว่าค่าที่ตั้งเตือนไว้
  11. .ค่าต่ำสุดที่อ่านได้
  12. ค่าสูงสุดที่อ่านได้
  13. .ค่าต่ำกว่าลิมิตที่กำหนด ในช่องที่ 1:
    • มีการกระพริบ: จะปรากฏค่า ที่ตั้งเตือนไว้
    • มีไฟสว่าง: ค่าที่วัดได้ต่ำกว่าค่าที่ตั้งเตือนไว้
  14. ค่าสูงกว่าลิมิตที่กำหนด ในช่องที่ 1:
    • มีการกระพริบ: จะปรากฏค่า ที่ตั้งเตือนไว้
    • มีไฟสว่าง: ค่าที่วัดได้เกินกว่าค่าที่ตั้งเตือนไว้

5. ไฟ LED

6.ฟังก์ชันการใช้งานหลัก (Key functions)

จะเป็นรายละเอียดที่บอกถึงการอ่านค่าจากหน้าจอแสดงผล

✓ อุปกรณ์ที่ทำงานอยู่ในสถานะ รอ Wait  และเริ่มการทำงานด้วยการกดปุ่มเริ่ม

> กดปุ่ม [GO] ใช้เวลาประมาณ 3 วินาที เพื่อเริ่มต้นสู่โปรแกรมการวัด

– โปรแกรมการวัดจะเริ่มต้นและสัญลักษณ์บันทึก Rec จะปรากฏที่หน้าจอ

✓อุปกรณ์ที่ทำงานอยู่ในสถานะ รอ Wait  :

> กดปุ่ม [GO]  เพื่อเป็นการเปลี่ยนหน้าจอระหว่าง ค่าเตือนสูงสุด, ค่าเตือนต่ำสุด, ความจุของ

แบตเตอรี่ และค่าที่อ่านได้ล่าสุด หน้าจอจะปรากฏตามลำดับ

✓ อุปกรณ์ที่ทำงานอยู่ในสถานะ Rec หรือ End:

> กดปุ่ม [GO]  เพื่อเปลี่ยนหน้าจอระหว่าง ค่าสูงสุดที่บันทึก, ค่าต่ำสุดที่บันทึก, ค่าเตือนสูงสุด,

ค่าเตือนต่ำสุด, ความจุแบตเตอรี่, ค่าที่อ่านได้ล่าสุด หน้าจอจะปรากฏตามลำดับ

 

เป็นอย่างไรกันบ้างคะ หวังว่าจะใช้งานกันได้ง่ายขึ้นหลังจากแนะนำวิธีการใช้งานไปนะคะ และคิดว่าบทความนี้จะมีประโยชน์ในเวลาที่อยากทราบว่าวิธีการใช้งานของเครื่อง Testo 175 H1 ใช้งานยังไง และฝากเพื่อนๆ ติดตามตอนต่อไปด้วยนะคะ ว่าเรามีเครื่องมือวัดตัวอื่นที่น่าสนใจอีกหลายตัวที่จะมาเล่าให้ได้ฟังได้อ่านกันอีก โปรดรอติดตามและให้กำลังใจกันด้วยนะคะ ขอบคุณค่า ^O^

 

ผู้เขียน Suphanun BDS

 

 

 

 

บริการ สอบเทียบอุณหภูมิและความชื้น

ขอใบเสนอราคา   ติดต่อเรา 

พูดคุยกับเรา

ดีอย่างไร? Data logger จากเยอรมัน รุ่น Testo 175 H1

ดีอย่างไร? Data logger จากเยอรมัน รุ่น Testo 175 H1

สวัสดีคะ วันนี้เราจะมาพูดถึง Data logger Temperature and humidity  (เครื่องบันทึกอุณหภูมิและความชื้น) Brand TESTO สินค้าจากประเทศเยอรมัน ดีอย่างไร หลายคนอาจจะทราบกันแล้วว่า สินค้า TESTO เป็นสินค้าที่มีคุณภาพ และมีคุณสมบัติหลากหลายให้เลือกใช้งานค่ะ วันนี้เรามีรุ่น เครื่องบันทึกอุณหภูมิและความชื้น  มาแนะนำนะคะ เป็นรุ่น Testo 175 H1 ซึ่งเครื่องมือวัดตัวนี้สามารถวัดอุณหภูมิและความชื้นโดยมีการบันทึกข้อมูลได้อย่างต่อเนื่องหลายค่ามากเหมาะกับการเก็บบันทึกอุณหภูมิในอาคาร ห้องปฏิบัติการทดลอง ห้องปฏิบัติการสอบเทียบต่างๆ ห้องสโตร์หรือคลังจัดเก็บสินค้า หรือจะเป็นสถานที่ที่ต้องการมีการควบคุมเรื่องการวัดอุณหภูมิและความชื้นที่จะส่งผลต่อเครื่องมือหรือผลิตภัณฑ์หรือสินค้านั้นๆ เครื่องมือวัดตัวนี้ก็สามารถจัดการได้เป็นอย่างดีค่ะ และอย่าลืมว่าเครื่องมือจำเป็นต้องทำการ สอบเทียบเครื่องมือวัด เป็นประจำ เพื่อให้ได้ค่าที่ถูกต้องแม่นยำค่ะ ไม่พูดพร่ำทำเพลงแล้วค่ะเพื่อนๆ คงอยากทราบรายละเอียดข้อมูลลักษณะหรือคุณสมบัติของเครื่องมือวัดตัวนี้กันแล้วตามไปอ่านกันดีกว่าค่ะว่าจะเป็นแบบไหน

คุณสมบัติของเครื่อง Testo 175 H1 มีดังนี้  

  • เป็นเครื่องวัดและบันทึกค่าอุณหภูมิและความชื้น เซนเซอร์วัดอุณหภูมิเป็นชนิด NTC และมีเซนเซอร์วัดความชื้นภายในตัวเครื่อง
  • มีหน่วยการวัดหลากหลายหน่วยให้เลือก ◦C, ◦F, ◦Ctd, %RH, g/m3
  • การรักษาความปลอดภัยของข้อมูลระดังสูง
  • จอแสดงผลเป็น LCD 2 บรรทัดมีขนาดใหญ่ อ่านง่าย
  • หน่วยความจำข้อมูลสำหรับการวัด 1 ล้านค่า
  • กำหนดช่วงเวลาในการบันทึกได้ในช่วงทุก 10 วินาที ถึง 24 ชั่วโมง
  • ตัวเครื่องมีลักษณะเป็นสีดำ ขนาดเล็กเพียง 149x53x27 มิลลิเมตร
  • ใช้แบตเตอรี่ชนิด 3A จำนวน 3 ก้อน
  • อายุการใช้งานแบตเตอรี่สูงสุด 3 ปี
  • ถ่ายโอนข้อมูลผ่านสาย USB หรือการ์ด SD
  • Sensor ความชื้นแบบ External Capacitive  (แบบ External Sensor ) ติดกับตัวเครื่อง
  • ระดับการป้องกันฝุ่น IP54

รูปภาพ Testo 175 H1 พร้อมสาย USB

ข้อมูลด้านเทคนิค

 

ข้อควรระวังและการเก็บรักษา Data logger

  • ใช้ เครื่องบันทึกอุณหภูมิและความชื้น ตรงตามวัตถุประสงค์ที่ระบุไว้ในข้อมูลทางเทคนิค
  • ไม่เก็บเครื่องมือไว้ใกล้ที่อยู่อาศัย ควรเก็บในพื้นที่ที่มีอุณภูมิเหมาะสม
  • ก่อนตรวจวัดตรวจดูว่าสายเชื่อมต่ออยู่หรือไม่ ปิดเซนเซอร์ที่ไม่ได้ใช้          
  • หลังจากการตรวจวัดครั้งสุดท้าย ทิ้งไว้ให้เย็นแล้วค่อยถอดเซนเซอร์ออก
  • อุณหภูมิที่บอกไว้บนโพรบเซนเซอร์ ใช้ในช่วงที่ให้ไว้เท่านั้น ไม่สามารถเก็บในอุณหภูมิเกิน 70 ◦C
  • การซ่อมบำรุงเครื่องมือให้ทำตามข้อมูลตามที่กำหนดและใช้อุปกรณ์จาก Testo เท่านั้น
  • ควรมีการส่ง สอบเทียบเครื่องมือวัด ประเภทนี้ควรส่งสอบเทียบอย่างน้อยทุกๆ 1 ปี โดยส่งสอบเทียบกับห้องปฏิบัติการสอบเทียบที่ได้รับการรับรอง ACCREDIT ISO/IEC 17025:2017 เพื่อเพิ่มความเชื่อมั่นว่าเครื่องมือยังอยู่ใน Spec 

เป็นอย่างไรกันบ้างคะเพื่อนๆ หวังว่าบทความนี้จะมีประโยชน์ให้กับเพื่อนๆอยู่บ้างนะคะ ติดตามตอนต่อไปนะคะและขอแอบบอกไว้ก่อนเลยว่าเรามีเครื่องมือวัดตัวอื่นที่น่าสนใจอีกหลายตัวที่จะมาเล่าให้เพื่อนได้ฟังได้อ่านกันอีก โปรดรอติดตามและให้กำลังใจกันด้วยนะคะ ขอบคุณค่า ^O^

 

ผู้เขียน Suphanun BDS

 

 

บริการ สอบเทียบอุณหภูมิและความชื้น

ขอใบเสนอราคา   ติดต่อเรา 

พูดคุยกับเรา