คลังเก็บป้ายกำกับ: Temp’s Article

VACUUM OVEN หลักการทำงานและวิธีดูแลรักษา

VACUUM OVEN

ตู้อบความร้อนแบบสุญญากาศ ( Vacuum Oven ) เป็นตู้อบความร้อนที่ทำงานภายใต้ระบบสุญญากาศ ที่ใช้ในการอบตัวอย่างที่มีจุดเดือดต่ำ ควบคุมอุณหภูมิด้วยระบบ Electronically controlled APT.line. โครงสร้างภายนอกของตู้ทำด้วยโลหะเคลือบสี ภายในทำด้วยสแตนเลส ซึ่งมีความจำเป็นต้องทำการ สอบเทียบเครื่องมือวัด ด้านงาน สอบเทียบอุณหภูมิและความชื้น อย่างสม่ำเสมอ

หลักการการทำงาน ของตู้อบความร้อนแบบสุญญากาศ คือการทำให้แห้ง (Dehydration) ที่ภายใต้ภาวะที่ความดันอากาศต่ำกว่าความดันบรรยากาศ (Atmospheric Pressure) หรือที่สุญญากาศตาม Phase Diagram  จะใช้ปั๊มสุญญากาศ (Vacuum Pump) เพื่อสูบอากาศออก ซึ่งการทำแห้งด้วยเครื่องอบสุญญากาศจะช่วยรักษาคุณภาพของผลิตภัณฑ์ได้ดีกว่าการทำแห้งที่ความดันบรรยากาศ ผลต่างความดันระหว่างความดันไอของตัวทำละลายกับสุญญากาศที่ผิวหน้าตัวทำละลาย จะทำให้ตัวทำละลายในวัตถุดิบระเหยเป็นไอออกมา และเนื่องจากอุณหภูมิระเหยจะขึ้นอยู่กับระดับความเป็นสุญญากาศ ดังนั้น จึงเหมาะกับวัตถุดิบที่เสื่อมสภาพง่ายต่อความร้อน จึงใช้การอบแบบนี้ในอุตสาหกรรมเวชภัณฑ์และอาหาร

โดยทั่วไปอุตสาหกรรมเวชภัณฑ์จะมีการผลิตเป็นจำนวนไม่มาก จึงมักเดินเครื่องอบแบบ batch และใช้การอบบนถาด ส่วนในอุตสาหกรรมอาหาร ในแง่ของความคุ้มทุนจะต้องผลิตเป็นจำนวนมาก ส่วนมากจึงใช้เครื่องอบต่อเนื่องแบบลำเลียงด้วยสายพาน

เครื่องมือวัด ประเภท เครื่องอบสุญญากาศยังใช้เพื่อการหาความชื้นของผลิตภัณฑ์ที่ไวต่ออุณหภูมิสูง เช่น อาหารที่มีน้ำตาลสูง หรืออาหารที่มีน้ำมันหอมระเหย (Essential Oil) เป็นส่วนประกอบ เพื่อหลีกเลี่ยงการอบที่อุณหภูมิสูง ที่ทำให้ผลการวิเคราะห์ผิดพลาด

กลไกการอบสามารถแบ่งได้เป็น 3 ระยะที่มีลักษณะแตกต่างกัน คือ (I) ช่วงอุ่นวัตถุดิบ (II) ช่วงอบด้วยอัตราเร็วคงที่ (III) ช่วงอบด้วยอัตราเร็วลดลงซึ่งแต่ละช่วงจะมีความแตกต่างกัน ดังนี้

(I) ช่วงอุ่นวัตถุดิบ

ช่วง I เป็นช่วงที่อุณหภูมิของตู้อบความร้อนแบบสุญญากาศ จะค่อยๆ เพิ่มขึ้นจากอุณหภูมิตั้งต้น (อุณหภูมิห้อง) จนถึงอุณหภูมิสมดุลที่ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขการอบ เรียกว่า ช่วงอุ่นวัตถุดิบ ในกรณีที่วัตถุดิบได้รับความร้อนด้วยการพาความร้อนโดยลมร้อน อุณหภูมิสมดุลนี้จะมีค่าเท่ากับอุณหภูมิกระเปาะแห้งของลมร้อนนั้น

(II) ช่วงอบด้วยอัตราเร็วคงที่

ในช่วง II วัตถุดิบจะมีอุณหภูมิคงที่ ปริมาณความร้อนทั้งหมดที่ได้รับจะถูกใช้ไปในการระเหยความชื้นเท่านั้น ชั้นของการระเหยจะเกิดที่ผิวหน้าของวัตถุดิบโดยอัตราเร็วในการอบจะมีค่าคงที่ ช่วงนี้เรียกว่า ช่วงอบด้วยอัตราเร็วคงที่ ซึ่งจะดำเนินไปตราบเท่าที่มีความชื้นอิสระให้ระเหยอยู่ที่ผิวหน้าของวัตถุดิบ โดยอัตราความชื้นของวัตถุดิบจะลดลงด้วยอัตราเร็วคงที่

(III) ช่วงอบด้วยอัตราเร็วลดลง

เมื่ออบไปเรื่อยๆ จนปริมาณความชื้นที่ผิวหน้าวัตถุดิบแห้งลง และความชื้นภายในเนื้อวัตถุดิบเริ่มลดลง ความชื้นอิสระภายในตัววัตถุดิบจะซึมขึ้นมาทดแทน ให้ทันกับอัตราเร็วในการระเหยที่ผิวหน้า จึงเริ่มเข้าสู่ช่วงที่ III ได้แก่ ช่วงอบด้วยอัตราเร็วลดลง ชั้นของการระเหยจะค่อยๆ เลื่อนลงลึกเข้าไปในเนื้อวัตถุดิบ อุณหภูมิของวัตถุดิบจะเริ่มเข้าใกล้อุณหภูมิของลมร้อนจากบริเวณพื้นผิว ในการอบความร้อนจะต้องเข้าไปถึงภายในเนื้อวัตถุดิบ นอกจากนี้ความร้อนส่วนหนึ่งยังต้องใช้ไปในการให้ความร้อนตัววัตถุดิบเองอีกด้วย อัตราเร็วในการอบจึงค่อยๆ ลดลงตามเวลาที่ผ่านไป

การแบ่งประเภทของตู้อบ

จะแบ่งประเภทตู้อบเอาไว้ตามวิธีการรับความร้อนและสภาพของวัตถุดิบภายในตู้อบ ในจำนวนตู้อบประเภทต่างๆ จะมีสมบัติที่สำคัญดังต่อไปนี้

ข้อดีของการทำแห้งด้วยระบบในสุญญากาศ

  1. วัตถุดิบมีการเปลี่ยนแปลงทางด้านโภชนาการ กลิ่นรสและรูปร่างต่างๆ น้อย (คงสภาพเดิมได้ดี)
  2. วัตถุดิบมีออกซิเจนตกค้างน้อยเพราะใช้สุญญากาศทำให้ผลิตภัณฑ์ไม่มีปัญหาเรื่องการเหม็นหืนหรือเป็นสนิม
  3. ผลิตภัณฑ์สามารถเก็บได้นานในภาชนะบรรจุที่เป็นสุญญากาศ
  4. ผลิตภัณฑ์มีน้ำหนักเบา สีสดใส

เทคนิคการดูแลรักษา เครื่องมือวัด ประเภท ตู้อบความร้อนแบบสุญญากาศ

เพื่อยืดอายุการใช้งานของ ตู้อบความร้อนแบบสุญญากาศ สามารถดูแลรักษาได้ดังนี้

  • ก่อนทำความสะอาดจะต้องปิดสวิทต์ก่อนทุกครั้ง แล้วรอให้อุณหภูมิภายในเย็นลง
  • อาจเปิดสวิชต์ไฟในช่องตู้อบเพื่อให้แสงสว่างและที่สำคัญ ไม่ควรทำความสะอาดด้วยการฉีดน้ำเข้าไปโดยตรง เพราะอาจก่อให้เกิดอันตรายจากไฟฟ้าลัดวงจร
  •  ทำความสะอาดช่องภายในตู้อบ โดยเช็ดด้วยผ้าหรือฟองน้ำชุบน้ำยาทำความสะอาดเช็ดเฉพาะส่วนที่เป็นสแตนเลสเท่านั้น หลังจากนั้นเช็ดออกด้วยผ้าชุบน้ำอีกครั้งแล้วเช็ดให้เเห้ง ไม่ควรใช้แปรงขัดหรือน้ำยาทำความสะอาดที่มีฤทธิ์เป็นกรด เนื่องจากอาจทำให้ภายในตู้อบเสียหายได้
  •  การทำความสะอาดสแตนเลส ควรเช็ดทำความสะอาดตามแนวนอน ถูไปในทิศทางเดียวกัน ไม่ควรเช็ดในลักษณะเป็นวงๆ หรือเช็ดขึ้นๆลง
  • ควรนำตู้อบความร้อนแบบสุญญากาศเข้ารับการแคลิเบรท (Calibrate) หรือสอบเทียบเครื่องมือวัดอย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้มั่นใจว่า ตู้อบความร้อนแบบสุญญากาศของเราจะสามารถทำงานได้เต็มประสิทธิภาพ

 

บริษัท แคลิเบรชั่น แลบอราทอรี (Calibration Laboratory CO., LTD หรือ CLC) มีห้องปฏิบัติการ สอบเทียบอุณหภูมิและความชื้น สามารถ สอบเทียบเครื่องมือวัด ประเภท ตู้อบความร้อนแบบสุญญากาศ ได้ตั้งแต่ Range 50 – 250 ºC โดยใช้วิธีการบันทึกอุณหภูมิด้วย Precision Wireless Data Logger ในการสอบเทียบนั้นบริษัทจะวาง Wireless Data Logger ทั้งหมด 5 ตัว ที่ตำแหน่งต่างๆ 5 ตำแหน่ง (มุม 4 กึ่งกลาง 1) ซึ่งห้องปฏิบัติการแคลิเบรชั่น แลบอราทอรี (CLC) ได้รับรองมาตรฐานห้องปฏิบัติการ ISO/IEC 17025:2017 จากสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมของประเทศไทย (TISI) และจาก ANSI National Accreditation Board (ANAB) ประเทศสหรัฐอเมริกา  ให้บริการสอบเทียบเครื่องมือวัดทั้งภายในและภายนอกสถานที่ภายใต้การควบคุมดูแลของทีมสอบเทียบเครื่องมือวัดที่มีความรู้ความชำนาญเฉพาะด้านในแต่ละสาขาการสอบเทียบมีคุณภาพ

 

ผู้เขียน Keaw VIP

 

 

 

Oven คืออะไร?? แล้วทำไมเราจึงต้องสอบเทียบ

บริการ สอบเทียบอุณหภูมิและความชื้น

ขอใบเสนอราคา   ติดต่อเรา 

 

การใช้งานตู้แช่แข็งที่ถูกวิธี

Freezer (ตู้แช่แข็ง)

Freezer หรือ ตู้แช่แข็ง คือ ตู้ที่ให้ความเย็นหรืออุณหภูมิที่ต่ำกว่า 0 องศาเซลเซียส เพื่อเก็บรักษาวัตถุ อาหาร หรือสิ่งที่ต้องการจะแช่นั้น ให้แข็งในจุดที่ต่ำกว่าจุดเยือกแข็ง โดยอุณหภูมิที่ให้นั้นแตกต่างกันออกไปตามลักษณะสิ่งของที่ต้องการจะแช่แข็ง ซึ่งควรต้องมีการ สอบเทียบเครื่องมือวัด อยู่เป็นประจำเพื่อให้ตู้แช่แข็งคงอุณหภูมิที่ตั้งค่าไว้ไม่ผิดพลาด

หากถามว่าทำไมต้องแช่แข็งสิ่งของต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นเนื้อสัตว์ อาหารสด พลาสม่าของเลือด วัคซีน ทั้งนี้ก็เพื่อคงรักษาความสดนั้นไว้ในลักษณะของการแช่แข็ง และนำมาละลายการแช่แข็งก่อนการใช้งาน ด้วยวิธีตามสิ่งของที่แช่ไป นึกภาพตามง่ายๆคือเวลาที่เราอาหารแช่แข็งไปเก็บไว้ในช่องฟรีซ ก็เพื่อให้มันเก็บรักษาไว้อยู่ได้หลายวัน พอเราจะเอามากิน เราก็เอาไปใส่ไมโครเวฟ เพื่อทำการละลายความแข็ง และนำมากินได้ ซึ่งการแช่ช่องฟรีซหรือการแช่แข็งนี้จะทำให้อายุของอาหารเหล่านั้นมีมากกว่าชั้นตู้เย็นปกติ

ตู้แช่แข็งที่พบเห็นทั่วไป อาจแบ่งได้ 2 ลักษณะตามฝาเปิดคือ

  1. ตู้แช่แข็งแบบฝาเปิดด้านบน
  2. ตู้แช่แข็งแบบฝาเปิดด้านหน้า

แต่ตู้แช่แข็งทั้ง 2 แบบสามารถให้อุณหภูมิที่เย็นจนทำให้ผลิตภัณฑ์กลายน้ำแข็งเหมือนกัน ส่วนการใช้งานก็เลือกตั้งค่าอุณหภูมิตามการใช้งานกับผลิตภัณฑ์นั้นๆ

การใช้งานที่ถูกวิธี

  1. เลือกตั้งอุณหภูมิที่เหมาะสมกับผลิตภัณฑ์ที่ต้องการจะแช่แข็ง
  2. ไม่ควรเปิด ตู้แช่แข็ง บ่อย นอกจากจะหยิบผลิตภัณฑ์เหล่านั้นออกมาใช้งาน ให้เปิดแบบเฉพาะที่จำเป็นจริงๆ เพราะถ้าเปิดบ่อย อุณหภูมิภายนอกจะเข้าไปแทนที่ และจะทำให้อุณหภูมิไม่ได้ตามที่หน้าจอกำหนด อาจเกิดความเสียหายกับผลิตภัณฑ์นั้นๆได้
  3. เมื่อถึงเวลา Maintenance หรือรอบการทำความสะอาด ต้องเอาผลิตภัณฑ์ออกมาให้หมด และห้ามใช้ของมีคมทำความสะอาด และเช็ดให้แห้งทุกครั้ง ซึ่งตู้ใช้ในภาคอุตสาหกรรมเราจะไม่ค่อยได้ทำความสะอาดบ่อยนัก เพราะติดใช้งานตลอดเวลา
  4. ควรใส่ Load หรือ ผลิตภัณฑ์ให้เหมาะสมกับความจุของตู้ เพื่อตู้จะได้ทำอุณหภูมิได้ทั่วถึงและตรงตามที่หน้าจอแสดง เพราะ Load ที่ใส่ มีผลต่ออุณหภูมิ
  5. หมั่นดูแลสายไฟ แผงวงจร ปลั๊กไฟ อย่างสม่ำเสมอ และควรเข้ารับการแคลิเบรท (Calibrate) หรือสอบเทียบเครื่องมือวัดอย่างน้อยปีละครั้ง เพื่อให้ตู้ที่เราแช่ผลิตภัณฑ์ของเรานั้น มีอุณหภูมิที่ถูกต้องตรงตามที่แสดง หากอุณหภูมิผิดเพี้ยนไปอาจทำให้ผลิตภัณฑ์ของเรานั้นอาจเสียหายได้

ในการ สอบเทียบเครื่องมือวัด หรือ Calibrate (แคลิเบรท) ห้องปฏิบัติการของบริษัท แคลิเบรชั่น แลบอราทอรี
(Calibration Laboratory CO., LTD หรือ CLC) สามารถสอบเทียบเครื่องมือวัดประเภท Freezer หรือ ตู้แช่แข็งได้ และได้รับการรับรอง
ISO/IEC 17025:2017 ทั้งของในประเทศอย่าง TISI และของต่างประเทศอย่าง ANAB (สหรัฐอเมริกา)

โดยอุณหภูมิที่ทาง ห้องปฏิบัติการแคลิเบรชั่น แลบอราทอรี (CLC) สอบเทียบและได้รับการรับรองนั้นอยู่ที่ (-70) จนถึง 0 องศาเซลเซียส STD ที่เราใช้นั้น เราใช้ Sensor เป็น RTD ซึ่งมีความแม่นยำสูงมาก และให้ค่า Uncertainty ที่ค่อนข้างต่ำ โดยการ Wire สาย Sensor 9 ตำแหน่งดังภาพด้านล่าง (กรณีที่ขนาดตู้มีความจุไม่เกิน 1 ลูกบาศก์เมตร)

นอกจาก ตู้แช่แข็ง แล้วนั้น ทางห้องปฏิบัติการแคลิเบรชั่น แลบอราทอรี (CLC) ก็สามารถให้บริการสอบเทียบ ห้องแช่แข็ง ได้ เราจะ Wire สาย Sensor ให้ครอบคลุมที่จุดการใช้งานและทั่วทั้งห้อง เพื่อให้ได้ค่าที่เที่ยงตรงทุกจุด ซึ่งส่วนใหญ่ตู้แช่แข็งที่ทาง ห้องปฏิบัติการแคลิเบรชั่น แลบอราทอรี (CLC) ไปสอบเทียบนั้นจะครอบคลุมหลายอุตสาหกรรม อาทิเช่น ห้องเก็บพลาสม่าของเลือดในโรงพยาบาล ห้องแช่เย็นของอุตสาหกรรมอาหารที่เก็บของสด และอุตสาหกรรมอื่นๆ อีกมากมาย

 

ผู้เขียน จุ๊บจิ๊บ วีไอพี

 

 

 

 

 

Oven คืออะไร?? แล้วทำไมเราจึงต้องสอบเทียบ

บริการสอบเทียบอุณหภูมิและความชื้น

ขอใบเสนอราคา   ติดต่อเรา 

พูดคุยกับเรา

การใช้งานและการสอบเทียบ THERMO-HYGROMETER ต้องทำอย่างไร

การใช้งานและการสอบเทียบ THERMO-HYGROMETER ต้องทำอย่างไร

ประเภทของ THERMO-HYGROMETER

THERMO-HYGROMETER เครื่องวัดอุณหภูมิและความชื้น แบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือ

1.Analog Thermo-Hygrometer

Analog Thermo-Hygrometer

2. Digital Thermo-Hygrometer

 

Digital Thermo-Hygrometer การสอบเทียบเครื่องมือ Calibration Lab_02
Digital Thermo-Hygrometer การสอบเทียบเครื่องมือ Calibration Lab_01

 

 

 

 

 

 

 

 

 

THERMO-HYGROMETER มีหน่วยการวัดอะไรบ้าง ???

ในเครื่องมือ THERMO-HYGROMETER จะมีหน่วยการวัดดังนี้

  • ค่าอุณหภูมิ แสดงผลเป็น องศาเซลเซียส (°C)

Calibration Laboratory สามารถสอบเทียบได้ที่ 15-45 องศาเซลเซียส (°C)

  • ค่าความชื้นสัมพัทธ์ แสดงผลเป็น %RH

Calibration Laboratory สามารถสอบเทียบได้ที่ 30-90 %RH

 

Digital Thermo-Hygrometer

 

การสอบเทียบเครื่องมือวัดประเภท THERMO-HYGROMETER

วิธีสอบเทียบครื่องวัดอุณหภูมิและความชื้น (THERMO-HYGROMETER) เป็นการเปรียบเทียบค่าอุณหภูมิและความชื้นสัมพัทธ์ ภายใต้สภาวะอุณหภูมิและความชื้นคงที่ภายในตู้มาตรฐานซึ่งวิธีการที่ใช้สอบเทียบ จะสามารถสอบเทียบด้วยวิธี Comparison with temperature & humidity chamber and thermo-hygrometer ทำได้จากการนำเครื่องมือวางไว้ในตู้กำเนิดอุณหภูมิและความชื้น(CHAMBER) โดยจะ Set up ค่า STD ตามจุดสอบเทียบที่ลูกค้าต้องการวัด รอจนอุณหภูมิและความชื้นคงที่  แล้วบันทึกค่าที่อ่านได้จาก

  • ตัวเครื่องมือที่ถูกสอบเทียบ (UUC)
  • ตัวเครื่องมือที่มีความละเอียดมากกว่า (STD)

จากนั้นนำมาอ่านเปรียบเทียบผลการวัด

เครื่องมือ STANDARD ที่ใช้สอบเทียบเครื่องมือวัด DIGITAL THERMO-HYGROMETER

เครื่องมือ STD ที่ใช้ในการสอบเทียบมี 2 ประเภท ได้แก่

1. CHILLED MIRROR HYGROMETER

2. TEMPERATURE & HUMIDITY CHAMBER

เครื่องมือ Standard ที่ใช้สร้างอุณหภูมิและความชื้น สอบเทียบเครื่องมือวัด
เครื่องมือ Standard ที่ใช้อ่านค่าความชื้น สอบเทียบเครื่องมือวัด

ขีดความสามารถในการสอบเทียบที่ Calibration Laboratory ได้รับการรับรองมาตรฐาน ISO/IEC 17025 : 2017

*ISO/IEC 17025:2017 ที่ได้รับการรับรองจากสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม(สมอ.) สามารถสอบเทียบ

Temperature      ได้ Range  15 ถึง 45 °C

ค่า Uncertainty  0.40 °C

Humidity  @20 ,25 45 °C   ได้ Range  30  ถึง  50 %RH

ค่า Uncertainty  1.2 %RH        ได้ Range  >50    ถึง 90 %RH

ค่า Uncertainty  1.4  %RH

***ISO/IEC 17025:2017 ที่ได้รับการรับรองจาก ANSI National Accreditation Board สามารถสอบเทียบ

Temperature ได้ Range  15  ถึง 45 °C

ค่า Uncertainty 0.26 °C

Humidity  @20 ,25 45 °C   ได้ Range  30 ถึง 50 %RH

ค่า Uncertainty  0.6%RHได้ Range  >50  ถึง 90 %RH

ค่า Uncertainty  0.6  %RH

การใช้งานเครื่องมือวัด DIGITAL THERMO-HYGROMETER ที่ถูกต้อง

1.แขวนเครื่องวัดอุณหภูมิและความชื้นติดที่ผนังหรือวางบนโต๊ะที่อยู่บริเวณกลางห้อง เพื่อให้เครื่องมือสามารถตรวจอุณหภูมิและความชื้นที่ถูกต้อง หากติดไว้บริเวณประตูอุณหภูมิจะมีการเปลี่ยนแปลงบ่อย เนื่องจากประตูมีการเปิด-ปิดตลอดเวลา ทำให้ค่าที่เครื่องมืออ่านได้มีความผิดพลาดจากค่าที่ไม่คงที่
2. ควรวางไว้ในบริเวณที่สามารถมองเห็นได้ชัดเจนหรือในระดับสายตา

 

วิธีการดูแลรักษา เครื่องวัดอุณหภูมิและความชื้น (THERMO-HYGROMETER) ก่อนและหลังใช้งาน

  • ควรหมั่นทำความสะอาดอย่างสม่ำเสมอ
  • ควรถอดแบตเตอรี่ทุกครั้งหลังใช้งาน เพื่ออายุการใช้งานที่ยาวนานขึ้น
  • ไม่ควรวางไว้ในบริเวณที่มีอุณหภูมิร้อนจัดหรือทิ้งไว้กลางแดดเป็นเวลานาน เพราะจะทำให้หน้าจอเสียหาย
  • ไม่ควรวางไว้ใกล้กับวัตถุไวไฟ
  • ไม่ควรวางในบริเวณที่มีน้ำ
  • ระวังอย่าให้เครื่องมือตกกระแทก เนื่องจากจะส่งผลให้ Sensor ที่ใช้วัดค่าเกิดความชำรุดเสียหาย
  • กรณีที่ลูกค้าใช้ Sensor Out (External)ในการวัดค่า ควรทำความสะอาดหัว Sensor เป็นประจำเพื่อป้องกันไม่ให้ฝุ่นจับหัว Sensor ซึ่งจะส่งผลให้เครื่องมืออ่านค่าผิดพลาด
  • สอบเทียบเครื่องมือวัด เป็นประจำเพื่อป้องกันการผิดพลาดของค่าที่วัดผลได้

ข้อแนะนำในการส่งเครื่องมือมา สอบเทียบเครื่องมือวัด เทอร์โม ไฮโกรมิเตอร์ (THERMO-HYGROMETER) กับ Calibration Laboratory

  • ควรนำเครื่องมือวัดใส่กล่องหรือห่อหุ้มเครื่องมือด้วยวัสดุกันกระแทก หากท่านต้องการส่งเครื่องวัดอุณหภูมิและความชื้นสอบเทียบจำนวนมากๆ
  • ไม่ควรวางเครื่องมือซ้อนทับกัน และควรมีแผ่นกันกระแทกวางกั้นระหว่างตัวเครื่อง
  • จัดเตรียมหัว Sensor ที่ต่อออกมาจากเครื่อง สำหรับที่ใช้วัดค่า  External
  • ควรถอดแบตเตอรี่ออกก่อนส่งสอบเทียบเครื่องมือวัด
  • ควรตรวจสอบตัวเลข Digital ที่แสดงบนหน้าจอว่าแสดงผลครบหรือไม่ เนื่องจากหากมีการแสดงผลตัวเลข Digital ไม่ครบอาจทำการส่งสอบเทียบไม่ได้ เพราะไม่สามารถอ่านค่าตัวเลขที่ชัดเจนได้
  • ตรวจสอบหน้าจอแสดงผลว่าไม่มีการแตก หัก หรือมีรอยร้าว
  • ไม่ควรวางตัวเครื่องในบริเวณที่มีน้ำ

ซึ่งทางบริษัท แคลิเบรชั่น แลบอราทอรี มีเครื่องมือ DIGITAL THERMO-HYGROMETER จำหน่ายพร้อม สอบเทียบจากห้องปฏิบัติการ สอบเทียบอุณหภูมิ และความชื้น โดย Confirm ค่าตาม Spec เครื่องมือ ก่อนส่งมอบให้กับลูกค้า

 

 

 

ลูกคิด และ JIB VIP

 

 

ความรู้เพิ่มเติม และที่มาของอุณหภูมิที่ ตัววัดอุณหภูมิและความชื้น Thermo-Hygrometer

Oven คืออะไร?? แล้วทำไมเราจึงต้องสอบเทียบ

บริการสอบเทียบอุณหภูมิและความชื้น

ขอใบเสนอราคา  ติดต่อเรา 

รู้หรือไม่? สิ่งเหล่านี้มีผลต่อการใช้และประสิทธิภาพของตู้บ่มเชื้อ (Incubator)??

ตู้บ่มเชื้อ – สิ่งที่อาจมีผลต่อการใช้งานพร้อมทั้งวิธีการ สอบเทียบ เครื่องมือวัด ประเภทตู้บ่มเชื้อหรือตู้บ่มเพาะเชื้อ (Incubator) เบื้องต้น วันนี้ Super Cal กันครับ

Incubator (ตู้บ่มเชื้อ ตู้บ่มเพาะเชื้อ)

ตู้บ่มเชื้อ MEMMERT IF30 ความจุ 32 ลิตร

ตู้บ่มเชื้อหรือตู้บ่มเพาะเชื้อ (Incubator) เป็นเครื่องมือที่ใช้สำหรับบ่มเพาะเชื้อ เลี้ยงเชื้อ หรือการเก็บรักษาผลิตภัณฑ์ที่อุณหภูมิต่ำ เหมาะสำหรับห้องปฏิบัติการทางการแพทย์ด้านชีววิทยาและจุลชีววิทยาและสำหรับการควบคุมในโรงงานอุตสาหกรรม เช่นโรงงานอาหาร โรงงานยา

คุณสมบัติของตัวตู้บ่มเชื้อจะมีแผงควบคุมการทำงานและแสดงอุณหภูมิอยู่ด้านหน้าของเครื่อง ส่วนใหญ่มีประตูชั้นในทำด้วยวัสดุใส สามารถมองเห็นภายในตู้ได้อย่างชัดเจนโดยไม่ต้องเปิดตู้ จึงไม่ทำให้อุณหภูมิภายในตู้เกิดการเปลี่ยนแปลง หน่วยวัดในการใช้งานของตู้บ่มเชื้อส่วนใหญ่แล้วจะเป็นหน่วย องศาเซลเซียส (ºC) ขีดความสามารถในการใช้งานอยู่ประมาณ 100 องศาเซลเซียส (ºC) ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับรุ่นที่ทางผู้ผลิตทำการผลิตออกมาจำหน่าย มีเซ็นเซอร์วัดอุณหภูมิ แบบ Pt100 ทำให้วัดค่าได้อย่างถูกต้องแม่นยำ การควบคุมอุณหภูมิส่วนใหญ่เป็นแบบดิจิตอล สามารถปรับอุณหภูมิได้ที่หน้าจอภายนอกตัวเครื่อง ตู้บ่มเชื้อส่วนใหญ่สามารถตั้งเวลาการทำงานได้ตั้งแต่ 1 นาที ถึง 99 วัน และมีพัดลมสำหรับหมุนเวียนอากาศภายใน จึงทำให้อุณหภูมิภายในตู้มีความสม่ำเสมอทั่วทั้งตู้

และหากเป็นเครื่องรุ่นใหม่ๆที่ผลิตออกมาจะมีระบบป้องกันเมื่ออุณหภูมิสูงเกินกว่าที่ตั้งค่าไว้ ทำให้มั่นใจได้ว่าจะไม่เกิดอันตรายหรือตัวอย่างเกิดความเสียหาย อีกทั้งภายในตู้ที่ทำจากแสตนเลส (Stainless Steel) จึงทำให้สามารถทำความสะอาดได้ง่ายอีกด้วย

ทำไมต้องสอบเทียบตู้บ่มเชื้อหรือตู้บ่มเพาะเชื้อ

1. การสอบเทียบเครื่องมือ Incubator ทำให้เราทราบค่าความคลาดเคลื่อน (Error) ของเครื่องมือที่ใช้งาน
2. เพื่อพิสูจน์ว่าเครื่องมือวัดนั้น มีความถูกต้องตามที่มาตรฐานกำหนด (Spec)
3. เพื่อให้ผลการวิเคราะห์จากกระบวนการต่างๆไม่คลาดเคลื่อน มีความน่าเชื่อถือ

การใช้งานตู้บ่มเชื้อหรือตู้บ่มเพาะเชื้อ (Incubator)ที่ถูกวิธี

ผู้ใช้งานควรอ่านคู่มือให้เข้าใจทั้งหมดก่อนการใช้งานเครื่องมือวัด เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดความเสียหายกับเครื่องมือ หรือ เกิดอันตรายกับตัวผู้ใช้งานเอง และหากต้องการทำสิ่งเหล่านี้ควรถอดปลั๊กไฟก่อนเสมอ

  1. เมื่อต้องทำการเปลี่ยนฟิวส์
  2. เมื่อ Incubator ทำงานผิดปกติหรือขณะทำการซ่อม
  3.  เมื่อไม่ได้มีการใช้งานเครื่องมือวัด เป็นระยะเวลานาน
  4.  เมื่อต้องทำการเคลื่อนย้ายตู้บ่มเชื้อหรือตู้บ่มเพาะเชื้อ

คุณรู้หรือไม่??

สิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งจำเป็นที่ผู้ใช้งานควรต้องรู้เพราะอาจจะมีผลต่อการใช้เครื่องมือวัดหรือประสิทธิภาพของเครื่องมือวัดในระยะยาว คือ

1. ในกรณีเคลื่อนย้ายตู้บ่มเชื้อต้องไม่ให้เครื่องเอียงเกิน 45 องศา ซึ่งอาจจะทำให้เกิดความเสียหายต่อระบบทำความเย็นของเครื่อง

2. เมื่อเคลื่อนย้ายเครื่องบ่มเชื้อไปในพื้นที่ใช้งานเรียบร้อย ยังไม่ควรใช้งานเครื่องโดยทันที ควรวางเครื่องมือวัดไว้อย่างน้อย 1-2 วัน แล้วค่อยทำการใช้งานเครื่อง เพื่อให้ระบบทำความเย็น ปรับตัวสู่การทำงานปกติ

3. พื้นที่ใช้ติดตั้งหรือวางเครื่องมือวัดควรเป็นพื้นที่แข็งและเรียบ
4. ไม่ควรวางตู้บ่มเชื้อแนบติดกับอุปกรณ์อื่นหรือกำแพง ควรมีที่ว่างหรือระยะห่าง อย่างน้อย 30 เซนติเมตร เพื่อให้เครื่องได้มีพื้นที่ ในการระบายความร้อน
5. เครื่องมือวัดควรใช้งานในสภาวะแวดล้อม ตามที่กำหนดในคุณสมบัติเครื่องซึ่งทางผู้ผลิตเองจะระบุในคู่มือการใช้งานอยู่แล้ว
6. ไม่ควรเปิด – ปิด เครื่องมืออย่างรุนแรงเพราะอาจจะทำให้ประตูเสียหายได้

ข้อควรระวังในการใช้งานตู้บ่มเชื้อ

ในส่วนของความปลอดภัยในการใช้งาน ผู้ใช้งานจะต้องระวังเป็นอย่างยิ่งเพราะอาจเกิดความเสียหายอย่างร้ายแรงต่อเครื่องมือวัด หรือเกิดการบาดเจ็บกับตัวผู้ใช้เครื่องมือได้

  1. 1. เครื่องมือวัดต้องมีการต่อลงกราวด์เสมอ
  2. ก่อนเสียบปลั๊กไฟควรตรวจสอบให้มั่นใจว่า แรงดันไฟฟ้า ตรงกับคุณสมบัติที่ต้องการของ Incubator หรือไม่
  3. ไม่ควรถอดปลั๊กไฟฟ้า ขณะที่เครื่องมือวัดยังเปิดใช้งานอยู่
  4. หากตู้บ่มเชื้อเกิดปัญหาการใช้งาน ไม่ควรซ่อมเครื่องด้วยตัวเอง การซ่อมควรทำโดยผู้ที่มีความรู้และมีความชำนาญเท่านั้น
  5.  เครื่องมือวัดควรใช้งานในสภาวะแวดล้อม ตามที่กำหนดในคุณสมบัติเครื่องซึ่งทางผู้ผลิตเองจะระบุในคู่มือการใช้งานอยู่แล้ว
  6. ไม่ควรเปิด – ปิด เครื่องมืออย่างรุนแรงเพราะอาจจะทำให้ประตูเสียหายได้

วิธีการสอบเทียบตู้บ่มเชื้อ (Incubator)

วิธีการสอบเทียบตู้บ่มเชื้อหรือตู้บ่มเพาะเชื้อเบื้องต้นคือ เจ้าหน้าที่สอบเทียบจะนำสาย Sensor Thermocouple Type K หรือ สาย Sensor RTD 4 wire

รูปสาย sensor และตัวอ่านค่า(Indicator) ของบริษัท Calibration Laboratory Co.,Ltd.

ซึ่งได้รับการรับรองความสามารถตามมาตรฐาน ISO/IEC 17025: 2017 จำนวน 9 ตำแหน่ง (ขนาด 1 m3 )จำนวนตำแหน่งการ wire สาย Sensor ขึ้นอยู่กับขนาดตู้บ่มเชื้อ(DUC) และตำแหน่งการติดตั้งตามรูป Figure 1 โดยทำการปิดตู้บ่มเชื้อให้สนิท และตั้งค่าที่ต้องการทำการสอบเทียบ เช่น หากต้องการสอบเทียบตู้บ่มเชื้อที่อุณหภูมิ 50 องศาเซลเซียส (ºC) ให้ตั้งค่าอุณหภูมิตู้บ่มเชื้อที่ 50 ºC แล้วรอจนกว่าค่าอุณหภูมิตู้บ่มเชื้อจะอยู่ที่ 50 องศาเซลเซียส (ºC) จากนั้นจึงอ่านค่าที่เครื่องมือ Standard (STD) และค่าที่หน้าตู้บ่มเชื้อ(DUC) เปรียบเทียบกัน แล้วบันทึกค่าที่อ่านได้

Sensor Installation – ตู้บ่มเชื้อ
ข้อมูลที่ลูกค้าต้องแจ้งก่อนไปทำการสอบเทียบตู้บ่มเชื้อ
  1. จุดสอบเทียบที่ลูกค้าต้องการ
  2. เกณฑ์การยอมรับของเครื่องมือ(MPE) (ถ้ามี) เพราะจะเป็นตัวบ่งชี้ว่าทางห้องปฏิบัติการจะเลือกใช้ สาย Sensor ที่ เป็น Thermocouple Type K หรือ RTD 4 wire เนื่องจากมีค่า Uncertainty ที่แตกต่างกัน
  3. ขนาดของตู้บ่มเชื้อ (กว้างxยาวxสูง)

ลูกค้าจะต้องเตรียมตัวอย่างไร หากต้องการส่งสอบเทียบ เครื่องมือวัด

  1.  งดการใช้งานเครื่องมือวัดก่อนทำการสอบเทียบ
  2.  นำเชื้อหรือตัวอย่างงานออกจากตู้บ่มเชื้อ เพื่อป้องกันความเสียหายที่อาจจะเกิดขึ้นกับตัวอย่างงาน และเพื่อให้ได้ผลการสอบเทียบที่ถูกต้องแม่นยำ

การดูแลทำความสะอาดตู้บ่มเชื้อ

  1. เช็ดทำความสะอาดภายนอกด้วยน้ำสบู่อ่อนๆแล้วเช็ดด้วยผ้าสะอาด ส่วนภายในทำความสะอาดด้วยแอลกอฮอล์ 70 %
  2. ตรวจสอบขอบยางและรอยต่อต่างๆ เพื่อป้องกันการรั่วซึม หากพบต้องรีบแก้ไข
  3. เวลาทำความสะอาดห้ามใช้แปรงขัด, กรด, เบนซิน, ทินเนอร์ ตัวทำความสะอาดอื่นหรือน้ำร้อน เนื่องจากอาจเกิดการเปลี่ยนแปลงสภาพของพื้นผิวตู้บ่มเชื้อ
  4. ห้ามใส่สารเคมีที่มีไอระเหยหรือก่อให้เกิดการเผาไหม้ได้ในตู้บ่มเชื้อ เช่น Ethanol, Benzene, Alcohol, Propane หรือสารที่มีความเหนียวหนืด

และอย่าลืมว่าเพื่อการทำงานของตู้สามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด จึงจำเป็นต้องทำการ สอบเทียบเครื่องมือวัด อย่างสม่ำเสมอครับ

 

ผู้เขียน กระต่าย

Oven คืออะไร?? แล้วทำไมเราจึงต้องสอบเทียบ

หลักการทำงานของ Autoclave ประเภทและข้อแนะนำในการใช้งาน

———-

ขอใบเสนอราคา  ติดต่อเรา 

บริการสอบเทียบอุณหภูมิและความชื้น

Oven คืออะไร แล้วทำไมจึงจำเป็นต้องส่งสอบเทียบเครื่องมือ

Oven คืออะไร แล้วทำไมจึงจำเป็นต้องส่งสอบเทียบเครื่องมือ

Oven คืออะไร?

Oven หรือ ตู้อบ คือ เครื่องมือวัด ในรูปแบบของตู้ที่ให้ความร้อนเพื่ออบชิ้นงาน อบขนม โดยในภาคอุตสาหกรรมจะใช้ตู้อบอบชิ้นงานเพื่อให้ชิ้นงานแห้ง หรือให้ชิ้นงานแข็งตัวทั้งนี้ขึ้นกับสินค้าหรือผลิตภัณฑ์ที่บริษัทนั้นทำ ส่วนในอุตสาหกรรมอาหารก็ใช้ตู้อบเพื่ออบอาหารให้สุก เช่น ขนมปัง เป็นต้น และต้องมีการ สอบเทียบ เครื่องมือวัดเพื่อให้ไม่เกิดความคลาดเคลื่อนของอุณหภูมิที่ใช้วัด

ทำไมถึงต้องสอบเทียบ เครื่องมือวัด?

ตู้อบ มีความจำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องสอบเทียบ เพราะเราจะรู้ได้อย่างไรว่าอุณหภูมิที่แสดงอยู่ที่หน้าจอกับอุณหภูมิในตู้นั้นตรงกันจริงๆ การสอบเทียบเครื่องมือวัดนี่แหละคือตัวบอกได้อย่างดี การอบแต่ละชิ้นงานแม้กระทั่งการอบขนมเอง จะให้ออกมาหน้าตาสวยงามหรือแบบที่ต้องการก็ต้องเกิดจากอุณหภูมิที่ถูกต้องตามสูตรการผลิต

 

แล้ว Oven มีวิธีสอบเทียบยังไงหล่ะ ?

วิธีการสอบเทียบ ตู้อบ เราจะต้องนำสาย Sensor Thermocouple Type T หรือ สาย Sensor RTD ขั้นต่ำจำนวน 9 เส้น (ขึ้นอยู่กับขนาดตู้อบ) ใส่เข้าไปในตู้อบ ตามตำแหน่งดังรูปภาพประกอบด้านล่าง จากนั้นปิดตู้อบให้สนิท แล้วให้ตู้อบทำอุณหภูมิ รอจนกว่าค่าอุณหภูมิในตู้นิ่งจากนั้นจึงค่อยบันทึกค่า เช่น ตั้งค่าอุณหภูมิตู้อบที่ 150 องศาเซลเซียส จากนั้นรอจนกว่าค่าอุณหภูมิตู้อบจะอยู่ที่ 150 องศาเซลเซียส จึงอ่านค่าที่ STD และค่าที่หน้าตู้อบ แล้วบันทึกค่าที่อ่านได้

 

ข้อมูลที่ต้องการก่อนไปทำการ สอบเทียบ เครื่องมือ

1. point อุณหภูมิที่ต้องการสอบเทียบ

2. ขนาดภายในของตู้อบ (กว้างxยาวxสูง)

3. เกณฑ์การยอมรับที่ตั้งไว้ (ถ้ามี) มีผลกับการเลือกสาย Sensor Standard ที่เลือกนำไปสอบเทียบให้กับลูกค้า

 

แล้วสาย Sensor Thermocouple Type T กับ สาย Sensor RTD มีความแตกต่างกันอย่างไร?

1. สาย Sensor Thermocouple Type T จะมีความคงทนมากกว่า ราคาต่ำกว่า แต่มีค่าความไม่แน่นอน (Uncertainty) สูงกว่าสาย Sensor RTD

2. สาย Sensor RTD มีค่าความไม่แน่นอน (uncertainly) ต่ำกว่าสาย Sensor Thremocouple Type T เหมาะกับใช้สอบเทียบตู้อบที่ต้องการความละเอียดในการวัดสูงมากๆ ซึ่งสายนี้มีความคงทนน้อยกว่า และราคาที่สูงกว่า

 

ก่อนทำการ สอบเทียบ ตู้อบผู้ใช้งานต้องเตรียมตู้อบอย่างไร?

  1. งดใช้งานตู้อบระหว่างสอบเทียบและก่อนหน้าที่จะสอบเทียบเป็นระยะเวลาประมาณ 1 ชม.
  2. ต้องเอาชิ้นงานออกจากตู้อบออกทั้งหมด เพื่อป้องกันความเสียหายที่อาจจะเกิดขึ้นกับชิ้นงาน และ เพื่อให้ได้ค่าอุณหภูมิในการสอบเทียบที่ถูกต้อง

การบำรุงรักษาตู้อบ

เราต้องหมั่นเช็ดทำความสะอาดตู้อบที่ใช้งานสม่ำเสมอ นำตะแกรงออกมาล้างทำความสะอาดและเช็คให้แห้งก่อนนำใส่เข้าไปตามเดิม และที่สำคัญที่สุดต้องทำการส่ง สอบเทียบเครื่องมือวัด ตามรอบระยะเวลาที่กำหนดอย่างสม่ำเสมอ เพื่อป้องกันความผิดพลาดที่อาจเกิดขึ้น สามารถใช้งานได้ยาวนานขึ้น และเป็นการใช้ตู้อบให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด

 

ผู้เขียน JIB VIP

 

———-

ขอใบเสนอราคา   ติดต่อเรา

บริการสอบเทียบด้านอุณหภูมิและความชื้น

RTDs(เซนเซอร์อาร์ทีดี) ชนิดขดลวด (Coiled elements)

เซนเซอร์อาร์ทีดี (RTDs) ชนิดขดลวด (Coiled elements)

อาร์ทีดีชนิดนี้เป็นส่วนหนึ่งใน เครื่องมือวัดด้านอุณหภูมิ เป็นชนิดที่ถูกนำมาใช้แทนชนิดลวดพันรอบแกน (wire-wound elements) ในอุตสาหกรรมจำนวนมากด้วยลักษณะทางโครงสร้างที่เป็นขดลวดซึ่งสามารถขยายตัวได้อย่างอิสระตามระดับอุณหภูมิ ถูกยึดด้วยโครงสร้างที่ช่วยให้ขดลวดสามารถคงรูปร่างได้ตลอดสำคัญคือการออกแบบที่สร้างให้ “ปราศจากความเครียด (Strain free)” ช่วยให้ขดลวดวัดอุณหภูมิสามารถขยายและหดได้โดยปราศจากอิทธิพลของวัสดุอื่น ทำให้มีความทนทานเป็นอย่างมาก

RTDs(เซนเซอร์อาร์ทีดี) ชนิดขดลวด (Coiled elements)

โครงสร้างสำคัญที่ใช้ในการวัดอุณหภูมิ

คือ ขดลวดแพลทินัมขนาดเล็ก ซึ่งมีลักษณะคล้ายกับไส้ในหลอดไส้ (Incandescent light bulb) สำหรับปลอกหุ้มหรือแกนจะเป็นเซรามิกเผาที่มีความแข็งก่อนจะเจาะรูเพื่อให้เกิดที่ว่างเพื่อนำขดลวดใส่เข้าไป แล้วอัดด้วยผงเซรามิกละเอียด
ด้วยลักษณะทางโครงสร้างเซนเซอร์อาร์ทีดี (RTDs) ชนิดขดลวด (Coiled elements) เช่นนี้เองที่เอื้อต่อการขยับของตัวไส้ที่ในขณะเดียวกันก็ยังคงสามารถสัมผัสกับอุณหภูมิที่ต้องการวัดในกระบวนการได้เป็นอย่างดี อาร์ทีดีชนิดนี้สามารถทำงานวัดอุณหภูมิได้สูงสุดที่ 850 องศาเซลเซียสปัจจุบันมาตรฐานนานาชาติที่ใช้กำหนดค่าพิกัด (Tolerance) และความสัมพันธ์ระหว่างอุณหภูมิและความต้านทานไฟฟ้าของ Platinum resistance thermometers (PRTs) คือมาตรฐาน IEC 60751:2008 และ มาตรฐาน ASTM E1137 ซึ่งใช้ในประเทศสหรัฐอเมริกา

โดย เครื่องมือวัดด้านอุณหภูมิ ตัวเซ็นเซอร์วัดอุณหภูมิที่สามารถพบเจอได้มากที่สุดในวงการอุตสาหกรรมจะมีค่าความต้านทานไฟฟ้าอยู่ที่ 100 โอห์ม ณ 0 องศาเซลเซียส ซึ่งจะเรียกว่า เซ็นเซอร์ Pt100 (Pt แทนสัญลักษณ์ของแพลทินัม และ 100 แทนค่าความต้านทานไฟฟ้าที่อุณหภูมิ 0 องศาเซลเซียส) นอกจากนี้ยังมีเซ็นเซอร์ Pt1000 ซึ่งตัวเลข 1000 จะแทนค่าความต้านทานไฟฟ้าที่อุณหภูมิ 0 องศาเซลเซียส ขณะที่ค่าความไว (Sensitivity) ของเซ็นเซอร์มาตรฐาน 100 โอหม์จะอยู่ที่ 0.385 โอห์ม/องศาเซลเซียส ค่าความไว 0.375 และ 0.392 โอห์ม/องศาเซลเซียส หรือกระทั่งค่าอื่น ก็สามารถพบได้ใน RTDs ที่มีความหลากหลายแตกต่างกันได้เช่นกัน

 

เซนเซอร์อาร์ทีดี (RTDs) ชนิดลวดพันรอบแกน (Wire-wound elements)

ซนเซอร์อาร์ทีดี (RTDs) ชนิดลวดพันรอบแกน (Wire-wound elements)

เป็นอาร์ทีดี(RTDs)ชนิดที่มีความแม่นยำสูงมาก โดยเฉพาะกับช่วงอุณหภูมิที่กว้าง ด้วยเส้นผ่านศูนย์กลางของขดลวดที่เอื้อต่อการเกิดเสถียรภาพเชิงกลและการขยายตัวของลวด เพื่อลดความเครียดและค่าดริฟท์ที่จะเกิดขึ้น

ทั้งนี้ขดลวดที่ใช้วัดอุณหภูมิจะพันรอบแกนที่เป็นฉนวนไฟฟ้าซึ่งอาจมีรูปร่างของแกนแบนหรือกลมก็ได้ โดยที่ค่าสัมประสิทธิ์การขยายตัวทางความร้อนของแกนจะต้องใกล้เคียงและสัมพันธ์กับลวดเพื่อลดความเครียดเชิงกลที่อาจเกิดขึ้น เนื่องจากความเครียดจะเป็นตัวที่ทำให้เกิดความคลาดเคลื่อนในการวัดลวดที่ใช้วัดอุณหภูมิจะเชื่อมต่อกับลวดขนาดเส้นใหญ่กว่า ซึ่งมักเป็นลวดที่มีองค์ประกอบตะกั่วที่มีความเข้ากันได้กับลวดที่ใช้วัดอุณหภูมิเพื่อไม่ให้เกิดแรงเคลื่อนทางไฟฟ้าขึ้น แล้วส่งผลต่อการวัดค่าที่คลาดเคลื่อนไปจากค่าจริง

สำหรับเซนเซอร์อาร์ทีดี (RTDs) ชนิดลวดพันรอบแกน (Wire-wound elements) นี้สามารถวัดอุณหภูมิได้สูงสุด 660 องศาเซลเซียส

 

เซนเซอร์อาร์ทีดี (RTDs) ชนิดแผ่นฟิลม์บาง (thin-film elements)

เซนเซอร์อาร์ทีดี (RTDs) ชนิดแผ่นฟิลม์บาง (Thin-film elements)

RTDs ชนิดแผ่นฟิลม์บาง มีส่วนวัดอุณหภูมิที่ประกอบจากวัสดุแผ่นบางที่มีความต้านทานไฟฟ้าโดยปกติมักเป็นแพลทินัมวางบนแผ่นเซรามิก ซึ่งทั่วไปจะมีความหนาอยู่ที่ประมาณ
100 อังสตรอม (1 ถึง 10 นาโนเมตร)จากนั้นแผ่นฟิลม์บาง (Thin-film elements)จะถูกเคลือบด้วยอีพ็อกซี (epoxy) เพื่อปกป้องตัวฟิลม์และเป็นตัวช่วยลดความเครียด (strain) ให้กับลวดตะกั่วภายนอก

 

 

ข้อเสียของเซนเซอร์อาร์ทีดี (RTDs) ชนิดแผ่นฟิลม์บาง (Thin-film elements)

คือ มีความเสถียรไม่เท่ากับชนิดลวดพันรอบแกน (wire-wound elements) หรือชนิดขดลวด (coiled elements) อีกทั้งยังสามารถใช้วัดอุณหภูมิได้ในช่วงที่จำกัด เนื่องจากอัตราการขยายตัวที่ต่างกันของวัสดุที่มีความต้านทานไฟฟ้าและแผ่นรองจะก่อให้เกิด Strain gauge effect ซึ่งสามารถพบได้ในสัมประสิทธิ์อุณหภูมิของความต้านทานไฟฟ้า
ไส้ของเซนเซอร์อาร์ทีดี (RTDs)นี้สามารถวัดอุณหภูมิได้ถึง 300 องศาเซลเซียส (572 องศาฟาเรนไฮต์) โดยไม่ต้องมีวัสดุใดหุ้มภายนอกเพิ่มเติม แต่จะสามารถวัดอุณหภูมิได้สูงสุด 600 องศาเซลเซียส (1,112 องศาฟาเรนไฮต์) เมื่อถูกหุ้มด้วยแก้วหรือเซรามิกและสำหรับอาร์ทีดีชนิดอุณหภูมิสูงพิเศษจะสามารถวัดอุณหภูมิได้สูงสุดถึง 900 องศาเซลเซียส (1,652 องศาฟาเรนไฮต์) เมื่อถูกหุ้มด้วยวัสดุที่เหมาะสม

 

คุณใช้งาน Infrared Thermometer ผิดวิธีหรือไม่ วิธีการใช้ที่ถูกต้องทำอย่างไร

วิธีการใช้ งาน Infrared Thermometer ที่ถูกต้องทำอย่างไร แล้วทำไมถึงต้องสอบเทียบเครื่องวัดอุณหภูมิ
เราจะรู้ได้อย่างไรว่าเครื่องมือวัดที่เราใช้อยู่นั้นยังแสดงค่าที่ตรงอยู่? การสอบเทียบเครื่องมือวัดทำได้อย่างไร วันนี้มาทำความรู้จักกับเครื่องมือนี้กันครับ

เครื่องวัดอุณหภูมิอินฟราเรด

เครื่องวัดอุณหภูมิอินฟราเรด มีชื่อเรียกอื่นอีกหลายชื่อ อาทิเช่น IR Thermometer, Temp gun, ปืนวัดอุณหภูมิ, non contact infraredthermometer เป็นต้น โดยอินฟราเรดเทอร์โมมิเตอร์เป็นเครื่องมือวัดอุณหภูมิที่พื้นผิวของวัตถุซึ่งเป็นการวัดแบบไม่สัมผัสกับวัตถุ (Non-Contract) ในการวัดอุณหภูมิเราจะวัดจากรังสีอินฟาเรดที่แผ่ออกจากวัตถุ

ทำไมถึงต้องสอบเทียบเครื่องมือวัดอุณหภูมิ INFRARED ?
เราจะรู้ได้อย่างไรว่าเครื่องวัดอุณหภูมิอินฟราเรดที่เราใช้อยู่นั้นยังแสดงค่าที่ตรงอยู่

การสอบเทียบ(Calibrate เครื่องมือวัด)นี่แหละ ที่จะบอกได้ว่าเครื่องมือนั้น ยังแสดงค่าที่ถูกต้อง เชื่อถือได้ เพราะถ้าเครื่องมือแสดงค่าผิด อาจทำให้เราไม่สามารถรู้ค่าที่แท้จริงจากร่างกาย วัตถุหรือพื้นผิวที่เรายิงวัดอุณหภูมินั้นได้เลย เราจึงจำเป็นต้องส่งสอบเทียบเครื่องมือวัดอุณหภูมิ ทั้งนี้เพื่อบ่งชี้ว่าอุปกรณ์ที่ใช้วัดนั้นยังเที่ยงตรงอยู่ และค่าที่อ่านได้นั้นถูกต้องแม่นยำ

 

  1. เครื่องมือวัดอุณหภูมิ Infrared จะแสดงหน่วยวัดด้านอุณหภูมิโดยมีทั้งหน่วยองศาเซลเซียส (°C) และองศาฟาเรนไฮต์ (° F) ซึ่งเครื่องวัดอุณหภูมิอินฟราเรด สามารถแบ่งตามการใช้งานและลักษณะพื้นผิวของวัตถุเป้าหมายได้ดังนี้
    เครื่องวัดอุณหภูมิอินฟราเรดสำหรับการใช้งานภาคอุตสาหกรรม ใช้สำหรับตรวจสอบความร้อนของท่อไอเสีย, เตาหลอม, เตาอบ
  2.  เครื่องวัดอุณหภูมิอินฟราเรดสำหรับการใช้งานทางการแพทย์ (โดยส่วนใหญ่อาจเรียกว่า เครื่องวัดไข้อินฟาเรด หรือ เครื่องวัดไข้ดิจิตอลแบบยิงหน้าผาก) ใช้สำหรับการตรวจสอบอุณหภูมิของร่ายกายตามส่วนต่างๆ เช่น หน้าผาก หู เป็นต้น

การใช้งานเครื่องมือวัดอุณหภูมิ INFRARED ที่ถูกวิธี

  1. สำหรับวิธีใช้งานเครื่องวัดอุณหภูมิอินฟราเรดในภาคอุตสาหกรรมและทางการแพทย์(หรือวัดไข้)นั้น มีวิธีการใช้งานไม่ต่างกัน คือ
    หัน Sensor ของ Non Contact Infrared Thermometer ไปยังจุดที่ต้องการจะวัดอุณหภูมิ
  2.  กดวัดอุณหภูมิ คล้ายการยิงปืน
  3. อ่านค่าอุณหภูมิที่ปรากฏบนหน้าจอได้ทันที
    ทั้งนี้การใช้งานที่ถูกต้องเราต้องยิงในระยะที่เครื่องมือกำหนดและเลือก ค่าสัมประสิทธิ์การแผ่รังสี (Emissivity) ให้ตรงกับพื้นผิวที่เราต้องการจะวัด เพื่อความถูกต้องแม่นยำในการอ่านค่า เพราะลักษณะพื้นผิวที่แตกต่างกันจะมีค่าสัมประสิทธิ์การสะท้อนรังสีของผิววัตถุต่างกัน ดังรูปการแสดงค่า Emissivity (E)

การใช้งานเครื่องมือวัด IR Thermometer ที่ผิดวิธี

การใช้งานที่ผิดวิธีที่พบบ่อยคือผู้ใช้งานมักไม่ได้เลือก/ตั้งค่า Emissivityให้ตรงกับลักษณะพื้นผิวที่ต้องการจะวัด ทำให้ค่าที่อ่านได้จะผิดเพี้ยนไปบ้างไม่ควรนำเครื่องวัดอุณหภูมิภาคอุตสาหกรรม มาใช้ในการวัดอุณหภูมิร่างกาย เนื่องจากมีวัตถุประสงค์การใช้งานที่แตกต่างกัน อาจทำให้การคัดกรองผู้ป่วย จากการวัดไข้หรือวัดอุณหภูมิร่างกาย เกิดความผิดพลาดได้ และเพื่อป้องกันความผิดพลาดในอีกด้านหนึ่งคือ ต้องนำเครื่องมือวัดอุณหภูมิส่งสอบเทียบเสมอ

ผู้เขียน JIB VIP

 

ขอใบเสนอราคา  ติดต่อเรา   

บริการสอบเทียบด้านอุณหภูมิและความชื้น

การทำงาน (Function) ของ RTDs (Resistance temperature detectors)

Resistance thermometers ถูกสร้างขึ้นในหลากหลายรูปแบบซึ่งให้ความเสถียรและความถูกต้องแม่นยำในการวัดที่สูงกว่าเซ็นเซอร์วัดอุณหภูมิอีกชนิดที่เรียกว่า เทอร์โมคัปเปิล (Thermocouples) บางตัว เพราะในขณะที่ Thermocouples อาศัยปรากฏการณ์ซีแบ็ค ( Seeback effect ) ในการสร้างความต่างศักย์ไฟฟ้า Resistance thermometers กลับทำงานโดยอาศัยความต้านทานไฟฟ้าและต้องการแหล่งจ่ายไฟภายนอก ซึ่งค่าความต้านทานจะสัมพันธ์กับอุณหภูมิเป็นเส้นตรงตามสมการ Callendar-Van Dusen ลวดแพลทินัมที่ใช้ในการวัดอุณหภูมิจะต้องไม่ปนเปื้อนเพื่อรักษาสภาพความเสถียร และต้องอยู่ในวัสดุที่มีสัมประสิทธิ์การขยายตัวคือมีการขยายตัวเมื่อได้รับอุณหภูมิที่สัมพันธ์กัน เพื่อให้ค่า Differential expansion และความเครียดเกิดขึ้นน้อยที่สุด

นอกจากนี้อาร์ทีดียังสามารถประกอบจากเหล็กหรือทองแดงได้ตามความเหมาะสมของการใช้งานแพลทินัมเกรดอุตสาหกรรมจะมีค่าสัมประสิทธิ์อุณหภูมิของความต้านทานไฟฟ้าอยู่ที่ 0.00385 ต่อองศาเซลเซียส (0.385%/องศาเซลเซียส) ตามมาตรฐานสหภาพยุโรป และมีความต้านทานไฟฟ้าอยู่ที่ 100 โอห์ม ที่อุณหภูมิ 0 องศาเซลเซียสตามมาตรฐานที่ BS EN 60751:1996
(ปรับจากมาตรฐาน IEC 60751:1995) สำหรับมาตรฐานประเทศสหรัฐอเมริกาจะมีสัมประสิทธิ์อุณหภูมิของความต้านทานไฟฟ้าอยู่ที่ 0.00392/องศาเซลเซียส

นอกจากนั้นแล้วความต้านทานของลวดตะกั่วที่เชื่อม RTDs นับก็นับเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ส่งผลต่อความแม่นยำในการวัด การเชื่อมต่อโดยการต่อแบบ 3 สาย หรือ 4 สาย แทนการต่อเพียง 2 สาย จะช่วยกำจัดปัญหาที่จะเกิดขึ้นจากความต้านทานไฟฟ้าที่เป็นผลมาจากกระบวนการวัดอุณหภูมิที่เกิดขึ้น โดยทั่วไปในอุตสาหกรรมทั่วโลกมักใช้การเชื่อมต่อแบบ 3 สายเนื่องจากมีประสิทธิภาพเพียงพอและเหมาะสม ในขณะที่การเชื่อมต่อแบบ 4 สายจะใช้ในกรณีที่ต้องการความแม่นยำสูงอีกด้วย

บริษัทแคลิเบรชั่น แลบอราทอรีผู้นำด้านการสอบเทียบเครื่องมือวัดอุตสาหกรรมในประเทศไทย
เรามีบริการสอบเทียบแบบครบวงจร
ดูบริการสอบเทียบทั้งหมดของเราได้ที่  Calibration Services