คลังเก็บป้ายกำกับ: Torque’ Article

การดูแลรักษาเครื่องมือวัดแรงบิด (Torque Gauge) และการสอบเทียบทำอย่างไร

Torque (แรงบิด) คืออะไร

Torque (แรงบิด) คือ แรงที่กระทำต่อวัตถุ ส่งผลให้วัตถุหมุนบิดไปตามทิศทางที่โดนกระทำ (แรง x ระยะทางที่วัดห่างจากจุดหมุนในแนวตั้งฉาก) แรง Torque มีหน่วยอังกฤษเป็น ปอนด์-นิ้ว หรือ ปอนด์-ฟุต แต่ในทางวิศวกรรมมักนิยมใช้ในหน่วย SI คือ Nm

Torque (แรงบิด) ที่นิยมวัดก็มี 3 แบบคือ

  • ฟุตปอนด์ (ft×lb): โดยตัวเลขที่บอกจะเป็นความยาวของรัศมีการหมุนที่มีแรงผลัก 1 ปอนด์
  • นิวตันเมตร (N×m):โดยตัวเลขที่บอกจะเป็นแรงผลักในหน่วยนิวตันที่รัศมีการหมุน 1 เมตร
  • กิโลกรัมเมตร (kgf×m): โดยตัวเลขที่บอกจะเป็นแรงผลักใบหน่วยกิโลกรัมที่รัศมีการหมุน 1 เมตร

Torque Gauge

เครื่องมือวัดแรงบิด (Torque) เป็นเครื่องมือที่ใช้ในการวัดและการบันทึกแรงบิดในระบบหมุนต่างๆ เช่น เครื่องยนต์, เพลาข้อเหวี่ยง, เกียร์, ใบพัด, จักรยาน เหวี่ยงหรือฝาครอบเครื่องทดสอบแรงบิด แรงบิดคงที่ค่อนข้างวัดได้ง่าย หรือใช้วัดแรงบิดแบบไดนามิกในมืออื่นๆ ตามค่าแรงบิดที่กำหนด เครื่องมือวัดแรงบิดนี้ ในปัจจุบันมีทั้งแบบ mechanical และแบบดิจิตอล เป็นเครื่องมือวัดที่ใช้ในงานควบคุมคุณภาพสินค้า (QC) หลายประเภท โดยเฉพาะอุตสาหกรรมยานยนต์ ซึ่งมีการใช้ในการประกอบชิ้นส่วนของผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับอุปกรณ์ยานยนต์ ดังนั้นจึงต้องมั่นใจในค่าของแรงบิดที่ประกอบชิ้นงานว่าถูกต้องเหมาะสม


วิธีการวัดแรงบิด คือ การวัดมุมบิดหรือขั้นตอนการวัดการเปลี่ยนแปลงโดยมุมบิดที่เกิดจากแรงบิดที่ใช้เป็นวัดโดยใช้เซ็นเซอร์ตำแหน่งเชิงมุมสองและการวัดมุมเฟสระหว่างสิ่งนั้นออกมาเป็นค่าแรงบิดในรูปหน่วยวัด (นิวตันต่อเมตร, กิโลกรัม.ฟอดน์ต่อเซนติเมตร หรือ ปอนด์ต่อนิ้ว) และยังสามารถตรวจสอบแรงบิดได้ทั้งด้าน CW (ลักษณะการหมุนแบบตามเข็มนาฬิกา) CCW (การหมุนทวนเข็มนาฬิกา)

การดูแลรักษา เครื่องมือวัดแรงบิด

ส่วนประกอบหลักของ Torque Gauge คือสปริงและลูกปืนหรือบล็อกยึด ซึ่งสปริงจะมีอายุการใช้งานของแต่ละอันที่แตกต่างกัน โดยที่สปริงอาจสูญเสียความยืดหยุ่นได้ถ้าหากถูกยืดหรือบีบอัดมากไป ส่วนลูกปืนหรือบล็อกยึดนั้นหากมีการอยู่ผิดที่นานๆอาจเกิดการสึกหรอ หรืออาจเคลื่อนไปอยู่ผิดตำแหน่งทำให้ค่า Torque ไม่ตรงได้

  • ควรจัดเก็บให้แยกจากเครื่องมือช่างทั่วไปและห้ามขว้าง ห้ามโยนเครื่องมือวัด
  • ควรเก็บ Torque Gauge ไว้ในกล่องทุกครั้ง หลังจากการเลิกใช้งาน และวางห่างจากบริเวณที่มีความชื้น
  • ก่อนเก็บเครื่องมือวัดควรตั้งค่า Torque ให้กลับมาที่จุดต่ำสุดเพื่อเป็นการคลายสปริง (แต่ไม่ควรตั้งค่าไว้ต่ำกว่าค่าต่ำสุด)
  • ระมัดระวังไม่ให้ทำเครื่องมือวัดตก เพราะการตกอาจเกิดแรงกระแทกที่ทำให้ค่า Torque คลาดเคลื่อนได้ทันที
  • ไม่ควรแกะ หรือรื้อชิ้นส่วน Torque Gauge เพื่อทำการซ่อมแซมด้วยตนเอง ควรส่งให้ช่างผู้ชำนาญการเป็นผู้ซ่อม เนื่องจากหลังผ่านการซ่อมแซมเครื่องมือวัดควรมีการตรวจสอบค่าทอร์คใหม่ทุกครั้ง
  • การ สอบเทียบเครื่องมือวัด จำเป็นต้องทำอย่างสม่ำเสมอ และเป็นความรับผิดชอบของเจ้าของเครื่องมือ แนะนำให้มีการสอบเทียบอย่างน้อยที่สุด 1 ปีหรือระยะเวลสั้นกว่านั้น ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ สภาพแวดล้อม และการดูแลรักษา
  • การสอบเทียบประแจปอนด์ ควรส่งสอบเทียบกับห้องปฏิบัติการที่ได้มาตรฐาน ISO/IEC 17025 เท่านั้น

การ สอบเทียบเครื่องมือวัด ที่เกี่ยวข้องกับแรงบิด Torque Gauge ปัจจุบันเทคโนโลยีของ เครื่องวัดแรงบิด (Torque Tester) นั้นสามารถเลือกทิศทางในการวัดได้ทั้งด้าน CW (ลักษณะการหมุนแบบตามเข็มนาฬิกา) CCW (การหมุนทวนเข็มนาฬิกา) อีกทั้งยังสามารถแสดงหน่วยการวัดได้หลากหลาย (in: oz, in×lb, ft×lb, N×m, cN×m, kgf / cm, gf×cm) ตามการใช้งาน ซึ่งทาง CLC หรือ Calibration Laboratory มีให้บริการในส่วนนี้ โดยสามารถสอบเทียบได้ตั้งแต่ 0-2000 Nm เลยทีเดียว

โดย Standard ที่ใช้ในการสอบเทียบเป็น Torque Transducer, Torque Calibrator, Torque Indicator ตามแต่ละย่านการใช้งาน และยังได้รับการรับรองมาตรฐาน ISO/IEC 17025:2017 จากสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม(สมอ.) และ ISO/IEC 17025:2017 จากหน่วยงาน ANSI National Accreditation Board (ANAB)

มาตรฐาน ISO/IEC 17025:2017 จากสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม(สมอ.)

มาตรฐาน ISO/IEC 17025:2017 จากหน่วยงาน ANSI National Accreditation Board (ANAB)

ผู้เขียน Pamiie Little

 

 

ไขควงทอร์คแตกต่างจากไขควงธรรมดาทั่วไปอย่างไร

ขอใบเสนอราคา    ติดต่อเรา

ซื้อเครื่องมือด้านแรงบิดและแรง   บริการสอบเทียบด้านแรงบิดและแรง

เครื่อง UTM หรือเครื่องทดสอบแรงดึงมีหลักการทำงานอย่างไร ทำไมต้องสอบเทียบ

Universal Testing Machineรูปที่ 1 เครื่อง Universal Testing Machine

Universal Testing Machine (UTM) เครื่องทดสอบแรงอเนกประสงค์ หรือที่นิยมเรียกกันในอีกหลายๆชื่อเช่น  เครื่องทดสอบวัสดุทางกล เครื่องทดสอบแรงกด-แรงดึง เครื่องทดสอบแรงดึง เป็นต้น เป็นเครื่องมือที่ใช้ทดสอบคุณสมบัติเชิงกลของวัสดุต่างๆ ซึ่งโดยส่วนใหญ่แล้วจะเป็นการทดสอบแบบทำลาย  ปัจจุบันมักนิยมใช้กันอย่างแพร่หลายเพราะสามารถใช้ทดสอบผลิตภัณฑ์ต่างๆได้อย่างหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น ยาง, เส้นใย, พลาสติก, ฟิล์ม, คอมโพสิต, บรรจุภัณฑ์ที่ยืดหยุ่น, กาวสติกเกอร์, อุปกรณ์ทางการแพทย์, ฟอยล์โลหะ, กระดาษและผลิตภัณฑ์อื่นๆ คนส่วนใหญ่มักติดปากเรียกเครื่องมือวัดนี้ว่า เครื่องวัดแรงดึง (Tensile) เป็นไปตามลักษณะของการทดสอบแบบดึงยืดชิ้นงาน ซึ่งในความเป็นจริงนั้นเครื่องมือวัดนี้ยังมีความสามารถทำได้นอกเหนือจากดังกล่าว ไม่ว่าจะเป็นการทดสอบการวัดแบบกดอัดชิ้นงาน การทดสอบการทนทานต่อการฉีกขาด การทดสอบความแข็งแรงของรอยเชื่อมหรือกาว การทดสอบการดัดโค้งชิ้นงาน  การลอก การเปลี่ยนรูป การยึดเกาะ แรงเจาะ แรงเปิด แรงคลายความเร็วต่ำ แรงดึงออก และการทดสอบประสิทธิภาพอื่นๆ โดยขึ้นอยู่กับอุปกรณ์ส่วนควบคุมของเครื่องมือวัดรุ่นนั้นๆว่ารองรับหรือไม่  เช่น ขนาดของตัวเครื่องและโหลดเซลล์ หัวจับหรือแท่นวางชิ้นงานทดสอบ เป็นต้น

Universal Testing Machine ลักษณะโดยทั่วไปสามารถแบ่งได้ดังนี้

  1. เครื่องวัดแรงดึง แบบเสาเดี่ยว (Single Column)

  2. เครื่องวัดแรงดึงแบบเสาคู่ (Double Column)

หลักการทำงานเครื่องทดสอบแรงอเนกประสงค์

โดยทั่วไปเครื่องมือนี้สามารถอ่านค่าได้หลายหน่วย เช่น นิวตัน (N) , กิโลนิวตัน (kN),  กิโลกรัม (kg), กรัม (g), ปอนด์ (lb) หลักการทำงานของเครื่องมือนี้ก็คือ การเก็บข้อมูลความสัมพันธ์ระหว่างการวัดแรงต้านในการเปลี่ยนแปลงรูปร่างของวัสดุโดยอาศัยอุปกรณ์วัดแรงหรือโหลดเซลล์ (Load cell) และการวัดระยะที่เปลี่ยนแปลงไปของชิ้นงานโดยอาศัยอุปกรณ์วัดระยะ ได้แก่ Extension of Crosshead, Extensometer เป็นต้น เมื่อนำข้อมูลที่ได้มาสร้างกราฟจะได้กราฟความสัมพันธ์ระหว่างแรง และระยะที่เปลี่ยนแปลงไป (Extension, Elongation, Deformation) และหากนำขนาดหรือมิติของชิ้นงานทดสอบมาคำนวณด้วยก็จะได้กราฟความสัมพันธ์ระหว่าง Stress และ Strain ทำให้ได้สมบัติเชิงกลต่างๆของชิ้นงานทดสอบนั้น เช่น ความแข็งแกร่งของวัสดุ (Modulus) ความแข็งแรงของวัสดุ (Strength) ความสามารถในการยืดของวัสดุ (Elongation) เป็นต้น

ทำไมต้องสอบเทียบเครื่องทดสอบวัสดุทางกล

การสอบเทียบมีความสำคัญอย่างมาก เพราะเป็นสิ่งที่จะยืนยันว่าเครื่อง Universal Testing Machine (UTM) ของเราสามารถทดสอบวัสดุได้ตามค่าที่เราต้องการหรือตามที่มาตรฐานกำหนดหรือไม่  ค่าที่วัดออกมามีความเที่ยงตรงมากน้อยเพียงใด  ดังนั้นเครื่อง Universal Testing Machine (UTM) ที่เราจะใช้ทดสอบวัสดุจะต้องมั่นใจได้ว่าเครื่องมือนั้นยังคงมีความเที่ยงตรงหรือยังอยู่ในSpec จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องสอบเทียบเครื่องมือดังกล่าวเพื่อไม่ให้ชิ้นงานที่ได้วัดค่าออกมาแล้วเกิดการErrorจนกระทั้งตก Spec

ความสามารถของห้องปฏิบัติการ CLC (Calibration Laboratory)

            ทางห้องปฏิบัติการของเรา (CLC) สามารถทำการสอบเทียบเครื่อง Universal Testing Machine (UTM) ได้  ในส่วนของแรงกด (Compression) ที่ Range 0 to 220 kN, แรงดึง (Tension) ที่ Range 0 to 449 kN โดยการนำโหลดเซลล์ (Load Cell )ซึ่งทางห้องปฏิบัติการมีหลายRangeและหลายชนิด โดยจะเลือกใช้ขึ้นอยู่กับความเหมาะสม ดังภาพตัวอย่างที่1 Standard เข้าไปติดตั้งกับตัวเครื่อง UTM ของลูกค้า ดังภาพตัวอย่างที่ 2  จากนั้นจึงทำการทดสอบค่าแรงดึง และแรงกดแล้วบันทึกค่า โดยได้รับการรับรอง ISO/IEC 17025:2017 อีกด้วย อีกทั้งยังสามารถสอบเทียบ Displacement, Extensometer, Speed ได้อีกด้วย

ภาพตัวอย่างที่ 1 หัว Load Cell Standard ของบริษัท แคลิเบรชั่น แลบอราทอรี จำกัด

ภาพตัวอย่างที่ 2
ลักษณะการติดตั้ง Load Cell Standard เพื่อสอบเทียบ Universal Testing Machine ให้กับลูกค้าของบริษัท แคลิเบรชั่น แลบอราทอรี จำกัด

วิธีการดูแลรักษาเครื่องทดสอบแรงกด-แรงดึง 

  1. เมื่อเครื่องมือวัดหยุดการทดสอบหรือทำการทดสอบงานเสร็จสิ้นแล้ว ควรตั้งค่าเครื่องกลับไปประจำตำแหน่งที่ได้ทำการตั้งค่าไว้ (Return Position)
  2. ควรตั้งค่าระดับ Crosses ให้อยู่ในตำแหน่งที่เหมาะสม โดยการกดสวิทช์ Speed Up หรือ Speed Down
  3. เมื่อเลิกใช้งานให้กดปุ่ม Stop ที่ Control Panel
  4. ภายหลังการทดสอบงานเสร็จสิ้น ให้ทำการปลดอุปกรณ์ทุกชนิด (Universal joint, Compression joint หรือ Grip) ออกจาก Load Cell แล้วทำการกด Power Off เพื่อให้ระบบไฟฟ้าภายในเครื่องหยุดการทำงาน
  5. ควรตรวจเช็ค และทำความสะอาดเครื่องมือวัดหลังทดสอบ
  6. ใช้ผ้าหรือผ้ายางคลุมเครื่องทดสอบ เพื่อป้องกันน้ำหรือฝุ่นละอองจับที่ตัวเครื่องและเป็นการช่วยยืดอายุการใช้งานเครื่อง UTM

หมายเหตุ : ผู้ใช้งานควรได้รับการฝึกอบรมและมีความรู้การใช้งานพื้นฐานเครื่องมือวัด

การบำรุงรักษาเครื่อง UTM

1.การทำความสะอาดตัวเครื่องมือวัด

  • ให้ทำการถอดปลั๊กไฟออกจากเต้าเสียบ
  • ทำความสะอาดตัวเครื่องด้วยผ้าหรือฟองน้ำที่อ่อนนุ่มด้วยนำยาทำความสะอาดที่เป็นกลาง
  • ทำความสะอาดชิ้นส่วนและอุปกรณ์ประกอบด้วยฟองน้ำหรือผ้าชุบด้วยน้ำสะอาดบิดหมาด
  • เช็ดสะอาดผ้าแห้งอีกครั้ง
  • ไม่ควรใช้สารเคมีไวไฟหรือสารระเหย เช่น เบนซิน แอลกอฮอล์ทำความสะอาด

2. การหล่อลื่น

  • ให้ทำการถอดปลั๊กไฟออกจากเต้าเสียบ
  • ทำความสะอาด บอลล์สกรู ด้วยผ้าหรือฟองน้ำที่อ่อนนุ่มด้วยน้ำยาทำความสะอาดที่เป็นกลาง
  • ตรวจสอบและทำความสะอาด เช็ดด้วยน้ำมันเพื่อป้องกันการเกิดสนิม
  • ไม่ควรใช้สารเคมีไวไฟหรือสารระเหยเช่น เบนซิน แอลกอฮอล์ในการทำความสะอาด
  • เพิ่มจาระบี (grease) ที่บอลล์สกรู อย่างพอเหมาะตามระยะเวลาที่เหมาะสม
  • ตรวจสอบความผิดปกติที่อาจเกิดขึ้นเช่นความร้อน, เสียงการสั่นสะเทือนก่อนและหลังการใช้

3. การทำความสะอาดชิ้นส่วนที่เป็นไฟฟ้า

  • ทำความสะอาดด้วยผ้าที่แห้งหรือปัดฝุ่นทั่วไป

4. เมื่อไม่ได้ใช้เครื่องมือเป็นเวลานาน

  • ให้ถอดปลั๊กไฟฟ้าออกจากเต้าเสียบ
  • ทำความสะอาดด้วยผ้านุ่ม
  • จัดเก็บเครื่องมือวัดและอุปกรณ์ด้วยวิธีการที่เหมาะสมและเก็บในที่ที่ปลอดภัย
  • ใช้ผ้าหรือผายางคลุมเพื่อป้องกันฝุ่น เครื่องทดสอบแรงดึง

ข้อควรระวังในการทำความสะอาดเครื่องมือวัด

  • ไม่ควรใช้สารเคมีไวไฟหรือสารระเหยเช่น เบนซิน แอลกอฮอล์ทำความสะอาดอุปกรณ์เพราะจะทำให้อุปกรณ์เกิดความเสียหายได้
  • อุปกรณ์ไม่ได้ถูกออกแบบหรือผลิตขึ้นมาเพื่อป้องกันการระเบิดจึงไม่ควรวางวัสดุไวไฟสูงหรือวัสดุที่เกิด การระเบิดภายในห้องซึ่งอาจทำให้เกิดการระเบิดหรือไฟไหม้ได้

ผู้เขียน Katai

 

 

 

ไขควงทอร์คแตกต่างจากไขควงธรรมดาทั่วไปอย่างไร

ขอใบเสนอราคา     ติดต่อเรา

ซื้อเครื่องมือด้านแรงบิดและแรง   บริการสอบเทียบด้านแรงบิดและแรง

Digital Torque Screwdriver มีดีกว่า Torque Screwdriver แบบธรรมดายังไงนะ (TONE DBDT3S)

TONE DBDT3S มีดีอะไร ใช้งานง่ายไหมนะ?

สวัสดีค่ะ วันนี้จะมาพูดถึง Digitorqon DBDT Series (Digital) มีขายกันทั่วไปในท้องตลาด หลายคนอาจจะเคยได้ยินมาแค่ Torque Screwdriver  สำหรับ Digital Torque Screwdriver  อาจไม่ค่อยมีคนรู้จักกันมากนัก จะมีรู้จักแค่คนที่อยู่ในวงการงานทวนสอบหรืองานสอบเทียบเท่านั้น ยี่ห้อที่มักพบกันโดยทั่วไปได้แก่ ยี่ห้อ TONE, TOHNICHI, KANON เป็นต้น ในบทความนี้เราจะมาพูดถึง Digitorqon DBDT Series (Digital Torque Screwdriver)   Brand TONE รุ่น DBDT3S (30-300 cN.m) กันนะคะ ในการใช้งานนั้น จะใช้ในงานทวนสอบหรือขันใช้งาน ในรุ่น DBDT3S นี้  มีแรงค่อนข้างต่ำ ส่วนใหญ่เหมาะกับงานประเภทชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ หรือใช้กับชิ้นงานขนาดเล็กๆ ที่ต้องการแรงบิดไม่มากนัก ผู้หญิงเช่นเราๆ ก็สามารถใช้ได้สบายๆ

รูปภาพ Digitorqon DBDT-Series Model : DBDT3S

 

วิธีการใช้งาน Torque Screwdriver

สำหรับการใช้งานของรุ่น DBDT3S นี้ใช้งานไม่ยากเลยค่ะ สามารถใช้ขันได้ 2 ทิศทาง คือตามเข็มนาฬิกา (CW) และทวนเข็มนาฬิกา (CCW) และรุ่น DBDT3S นี้สามารถใช้งานได้ 2 Mode คือ

  1. Peak mode (แสดงค่าแรงสูงสุดที่วัดได้ ค่าที่ได้จะค้างที่หน้าจอ)
  2. Track Mode (ค่าที่ได้ขึ้นลง Real Time ตามแรงจริง Set Zero อัตโนมัติ)

ในส่วนของตัวเครื่องที่สำคัญเลยคือ สามารถตั้งค่า Tolerance ได้ตั้งแต่ 5% – 50% (95% –  50% ของแรงบิดเป้าหมาย) เมื่อขันถึง Torque เป้าหมายที่เราตั้งค่าไว้ จะมีเสียงและแสงไฟเตือนเกิดขึ้นค่ะ ดังนั้นต้องขันใช้งานอย่างระมัดระวัง ไม่ให้เกินค่า Torque เป้าหมาย วิธีการขันที่ต้องคำนึงถึงอยู่เสมอโดยขันทำมุมให้ได้ 90° เพื่อความแม่นยำที่เกิดขึ้น สำหรับในการปิดเครื่องนะคะ หากเราไม่มีการใช้งานแค่วางทิ้งไว้ประมาณ 180 วินาที่เครื่องจะทำการปิดอัตโนมัติค่ะ (ไฟจุดสีแดงที่หน้าจอเครื่องจะหายไป)  ส่วนในเรื่องของแหล่งจ่ายพลังงาน จะใช้พลังงานจากถ่าน Alkaline AAA  2 ก้อนค่ะ ง่ายและสะดวกต่อการพกพามาก แถมรุ่น DBDT3S นี้นะคะยังมีไอคอนแสดงการเตือนระดับ Battery ด้วยค่ะ กรณี Battery ต่ำเหลือ 30% ไอคอนจะแสดงที่มุมด้านซ้ายสุดของจอแสดงผลค่ะ ดีมากขอบอกต่อเลยนะคะ

รูปภาพ : การใช้งาน Digitorqon DBDT-Series Model : DBDT3S

 

ข้อควรระวังและการเก็บรักษา

  • Digitorqon DBDT Series รุ่น DBDT3S จาก TONE จากประเทศญี่ปุ่นนี้ มีแรงบิดค่อนข้างต่ำนะคะ ดังนั้นจึงต้องระมัดระวังในการใช้งานเป็นอย่างมากค่ะ หากนำไปใช้ขันชิ้นงานที่มีขนาดแรงบิดมากกว่าเครื่องมือรับได้ จะทำให้เครื่องมือเกิดการ  Overload ทำให้เครื่องมือวัดมีโอกาสเสียหายได้ค่ะ ในด้านการดูแลรักษานะคะมีข้อควรปฏิบัติตามนี้
  • ควรทำคู่มือการใช้งานให้ผู้ใช้งานได้ทำการทำความรู้ ความเข้าใจ ก่อนใช้งาน เพื่อป้องกันเครื่องมือเสียหายจากการใช้งานที่ผิดวิธีค่ะ
  • เมื่อใช้งานเสร็จแล้ว ควรถอด Battery AAA ออก เพื่อป้องกันการเกิดขี้เกลือที่รางถ่าน ส่งผลให้เครื่องมือเสียหาย
  • ควรเก็บในพื้นที่ ที่มีอุณภูมิเหมาะสม ไม่ร้อนหรือชื้นจนเกินไปค่ะ เพราะจะทำให้เกิดสนิมได้
  • ควรเก็บในกล่อง หรือ ตู้เก็บเครื่องมือ เพื่อป้องกันการตกหล่นของเครื่องมือวัด
  • ควรมีการส่งสอบเทียบ เครื่องมือวัดประเภทนี้ ซึ่งจำเป็นต้องส่งสอบอย่างน้อยทุกๆ 1 ปี โดยสอบเทียบกับห้องปฏิบัติการสอบเทียบที่ได้รับการรับรอง ACCREDIT ISO/IEC 17025:2017 เพื่อเพิ่มความเชื่อมั่นว่าเครื่องมือ Digitorqon DBDT Series รุ่น DBDT3S ยังอยู่ใน Spec ค่ะ

รูปภาพ : เครื่องมือพร้อมกล่อง Digitorqon DBDT-Series Model : DBDT3S

เป็นอย่างไรกันบ้างคะเพื่อนๆ หวังว่าบทความนี้จะมีประโยชน์ให้กับเพื่อนๆอยู่บ้าง ติดตามตอนต่อไปนะคะเรามีเครื่องมือวัดตัวอื่นที่น่าสนใจอีกหลายตัวที่จะมาเล่าให้เพื่อนได้ฟังได้อ่านกันอีก โปรดรอติดตามและให้กำลังใจกันด้วยนะคะ ขอบคุณค่ะ

Suphanun BDS

 

 

 

ไขควงทอร์คแตกต่างจากไขควงธรรมดาทั่วไปอย่างไร

ขอใบเสนอราคา    ติดต่อเรา

ซื้อเครื่องมือด้านแรงบิดและแรง   บริการสอบเทียบด้านแรงบิดและแรง

ไขควงทอร์คแตกต่างจากไขควงธรรมดาทั่วไปอย่างไร

TORQUE DRIVER

                                                                         

Torque Driver หรือ ไขควงทอร์ค คือเครื่องมือช่างประเภทหนึ่งที่ทำหน้าที่เหมือนประแจปอนด์ (Torque Wrench) หรือ ประแจทอร์ค ใช้สำหรับขันน็อตหรือสกรูให้ได้ค่าความแน่นตามที่ต้องการ ไขควงทอร์คจะมีดอกไขควงขนาดต่างๆตามแต่ลักษณะการใช้งานเป็นตัวขัน มีลักษณะหน้าตาเหมือนไขควงเปลี่ยนหัวได้ทั่วๆไป แต่จะมีสเกลวัดค่าแรงบิดที่ตัวเอาไว้ตั้งค่าแรงและอ่านค่าแรงที่ขัน

วิธีใช้ไขควงทอร์ค (Torque Driver)

  1. ใส่ดอกไขควงขนาดที่ต้องการใช้งาน โดยดันเข้าไปให้ลูกปืนล็อค (จะมีเสียงดังกริ๊ก) ในขั้นตอนนี้ถ้าคนที่ยังไม่เคยใช้ไขควงลักษณะที่เป็นตัวล็อคดอกไขควงแบบ Spring Bit Retainer จะรู้สึกใส่ยาก ยิ่งถ้าเป็นไขควงทอร์คตัวใหม่ที่เพิ่งนำออกมาใช้งาน สปริงจะมีความแข็งอยู่ต้องออกแรงดันมากกว่าปกติถึงจะเข้าล็อค เวลาจะถอดดอกไขควงออกก็เช่นกันต้องออกแรงกระชากมากกว่าปกติ ดอกไขควงถึงจะหลุดออก
  2. ตั้งค่าแรงบิดที่ตัวไขควงทอร์ค โดยให้ดันแหวนปลดล็อคด้ามทอร์คค้างไว้เพื่อหมุนปรับสเกล หลักการคือหมุนซ้ายเพื่อลดค่าทอร์ค หมุนขวาเพื่อเพิ่มค่าทอร์ค 1 สเกลที่เราหมุนจะขยับตามค่า Resolution โดยเน้นดูขีดกลางเป็นหลัก
  3. เมื่อเราตั้งค่าแรงทอร์คตามที่ต้องการแล้ว ก็นำไปไขน็อตสกรูตามปกติ เมื่อถึงค่าที่ตั้งไว้ จะมีเสียงลั่นของสปริงดังแกร๊กแปลว่าหมุนแรงถึงตามที่ตั้งค่าทอร์คไว้แล้ว

มีหน่วยวัดอะไรบ้าง

Torque Driver เป็นเครื่องมือที่ใช้ขันแรงและวัดค่าแรงบิดของน็อต ดังนั้นหน่วยในการวัดค่าแรงจะมีได้หลายหน่วย เช่น Newton Meter (N·m), kilogram-force centimeter (kgf·cm), pound-force foot (lbf·ft) เป็นต้น ซึ่งทางบริษัทแคลิเบรชั่น แลบอราทอรี จำกัด สามารถสอบเทียบได้ทุกหน่วยการวัดของเครื่องมือเพื่อรองรับการใช้งานที่หลากหลายของลูกค้า

บริษัทแคลิเบรชั่น แลบอราทอรี จำกัด สามารถสอบเทียบได้ครอบคลุมทุกหน่วยการวัดที่กล่าวมาข้างต้นและได้รับการรับรอง มาตรฐานห้องปฏิบัติการ ISO/IEC 17025:2017 จากสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมของประเทศไทย (TISI) และจาก  ANSI National Accreditation Board (ANAB) ประเทศสหรัฐอเมริกา เพื่อตอบสนองการใช้งานที่หลากหลายของลูกค้าในทุกภาคอุตสาหกรรม โดยขอบข่ายการวัดสามารถ สอบเทียบเครื่องมือวัด ได้ด้วยวิธีการ Comparison with Torque Standard โดยจุดสอบเทียบที่ได้รับการรับรอง ดังแสดงในรูปด้านล่าง

ISO/IEC 17025:2017 จากสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมของประเทศไทย (TISI)

ACCREDIT 17025 จาก ANSI National Accredit Board (ANAB)

รูปตัวอย่างการ สอบเทียบเครื่องมือวัด ของ CLC โดยใช้วิธีการ Comparison (DUC) with Torque Standard (STD)

การดูแลรักษาไขควงทอร์ค

ส่วนประกอบหลักของไขควงทอร์คก็คือสปริง และลูกปืนหรือบล็อคยึด (Block/Pawl) สปริงจะมีอายุการใช้งานของมัน สปริงอาจสูญเสียความยืดหยุ่นได้หากถูกยืดหรือบีบอัดมากไป ส่วนลูกปืน หรือบล็อคยึดหากอยู่ผิดที่นานๆก็อาจสึก หรืออาจเคลื่อนไปอยู่ผิดที่ ทำให้ค่าทอร์คไม่ตรง

การดูแลรักษาทำได้ง่ายๆดังนี้

  1. แบ่งการไขเป็น 2 จังหวะ ครั้งแรกไขแน่นครึ่งเดียว แล้วค่อยใช้ไขควงทอร์คไขตอนสุดท้ายอีกครั้งหนึ่ง
  2. ทำความสะอาดน็อต และโบล์ทให้สะอาดก่อนไข
  3. ก่อนเก็บไขควงทอร์ค หรือ ประแจทอร์ค ให้ตั้งค่าทอร์คให้กลับมาที่จุดต่ำสุดเพื่อคลายสปริง (ห้ามตั้งต่ำกว่าค่าต่ำสุด)
  4. ห้ามเอาไขควงทอร์คไปไขคลายน็อต เนื่องจากแรงในการไขอาจให้ค่าเกินค่าทอร์คของไขควงทอร์คได้
  5. ห้ามทำไขควงทอร์คตก การตกครั้งหนึ่งอาจทำให้ค่าทอร์คคลาดเคลื่อนได้ทันที

ผู้เขียน Keaw VIP

 

Digital Torque Screwdriver มีดีกว่า Torque Screwdriver แบบธรรมดายังไงนะ (TONE DBDT3S) 

ขอใบเสนอราคา     ติดต่อเรา

ซื้อเครื่องมือด้านแรงบิดและแรง   บริการสอบเทียบด้านแรงบิดและแรง

Load Cell แต่ละแบบใช้งานยังไง แบบไหนเหมาะสมกับงานของเรา

 Load Cell เป็นอีกเครื่องมือวัด หรือ อุปกรณ์ ที่มีบทบาทสำคัญกับอุตสาหกรรมต่างๆ มีให้เลือกใช้มากมายหลายแบบ บางท่านอาจจะงงว่า เจ้าเครื่องมือวัด Load Cell ที่เห็นตามโรงงานต่างๆ หรือ ตามอินเตอร์เน็ตนั้นแต่ละแบบใช้งานยังไง แบบไหนเหมาะสมกับงานของเรา วันนี้เรามาดูกันครับว่า โหลดเซลล์ ชนิดต่างๆมีหน้าตาและคุณสมบัติอย่างไรบ้าง

ในการเลือกใช้ Load Cell แต่ละชนิดต้องคำนึงถึงปัจจัยต่างๆประกอบด้วย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องทิศทางของแรง Force (Tension , Compression), Range ของตัว Load Cell, รูปทรง และ Accuracy เป็นต้น เรามาดูกันครับว่า ถ้าแยกปัจจัยที่ต้องคำนึงถึงในการเลือกใช้ Load Cell แยกไปเป็นข้อๆ จะเป็นอย่างไรกันบ้าง เช่น

  • เรื่องทิศทางของแรง Force (Tension, Compression) ต้องดูหน้างานที่ต้องการใช้งานว่าต้องการ Load Cell ใช้งานในทิศทางไหน (Tension, Compression) แล้วค่อยเลือก Load Cell ที่มีคุณสมบัติที่ต้องการ เช่น หน้างานต้องการวัดค่าทิศทางของแรง(Force) ด้านกด (Compression) ก็ควรเลือก Load Cell ที่ตรงกับทิศทางของแรง(Force) ที่ต้องการ เพราะถ้าเลือก Load Cell มาผิด อาจทำให้ได้รับความเสียหายได้
  • Range ที่ต้องการใช้งาน ควรเลือกหา Load Cell มาใช้งานให้ครอบคลุมกับน้ำหนัก หรือ แรง ที่ต้องการวัด เพื่อการใช้งานที่ถูกต้องและมีประสิทธิภาพและปลอดภัยต่อ Load Cell แต่ก็ไม่ควรเผื่อ Range ของตัว Load Cell ให้มากกว่างานที่จะวัดมากจนเกินไป เพราะจะมีผลกับเรื่องค่าความถูกต้องและแม่นยำ (Accuracy)ในการใช้งานได้(เลือกให้ตรงกับย่านที่ใช้)
  • ลักษณะของสัญญาณ Output สัญญาณดังกล่าวมีให้เลือกอยู่สองชนิด คือ แบบ Digital และ Analog สัญญาณ Digital ที่ใช้กันอย่างแพร่หลายจะเป็น Modbus Protocol  และส่วนสัญญาณแบบ  Analog ที่พบเห็นได้บ่อย จะเป็น 2mV/V และ 3mV/V เป็นต้น
  • วัสดุของ Load Cell มาว่ากันเรื่องของวัสดุของตัว Load Cell กันบ้าง โหลดเซลล์ จะทำมาจากวัสดุเช่น Aluminum, Stainless Steel, Steel เป็นต้น ซึ่งวัสดุแต่ละประเภทมีข้อดีข้อเสียแตกต่างกันไป ขึ้นอยู่
    กับความเหมาะสมของแต่ละหน้างาน แต่ที่พบเจอกันบ่อยจะเป็น Steel มากกว่า แต่ก็มีอุตสาหกรรมหรือหน้างานบางที่นิยมใช้ Load Cell ที่ทำมาจากวัสดุ Stainless Steel เพราะหน้างานอาจจะเจอความชื้นค่อนข้างสูง เสี่ยงต่อการเกิดสนิม ส่วนวัสดุประเภท Aluminum มีน้ำหนักที่เบากว่าทั้ง Steel และ Stainless Steel พอสมควร จึงเหมาะกับงานที่ต้องการลดน้ำหนักรวมของเครื่องจักรหรือในจุดที่ติดตั้งได้

รูปทรงของ Load Cell ชนิดต่างๆ

  1. Bending Beam Load Cell: รองรับน้ำหนักได้สูงสุดไม่เกิน 500 Kg. ส่วนใหญ่นิยมใช้ติดตั้งกับเครื่องชั่ง (ทิศทางของแรงด้านกด)

  1. Canister Load Cell: รองรับน้ำหนักได้ค่อนข้างสูง บางตัวได้สูงถึง 20 Ton ส่วนใหญ่จะถูกติดตั้งเข้ากับเครื่องชั่งขนาดใหญ่เช่น ชั่งรถบรรทุก (ทิศทางของแรงด้านกด)

  1. Pancake Load Cell: รองรับน้ำหนักได้สูงมาก ได้สูงสุดถึง 500 Ton (ทิศทางของแรงด้านกดและดึง)

  1. S-beam load cell: รองรับน้ำหนักได้สูงสุดประมาณ 5000 Kg. (ทิศทางของแรงด้านกดและดึง)

  1. Shear beam load cell: รองรับน้ำหนักได้สูงสุดประมาณ 10 Ton พบได้บ่อยกับอุตสาหกรรมที่มีถังผสมวัถุดิบ เช่น Silo, Hopper Scale (ทิศทางของแรงด้านกด)

Accuracy ค่าความถูกต้อง ค่าความถูกต้องของ Load Cell ต้องหาข้อมูลจากผู้ผลิตรายนั้นๆ จะมาในรูปแบบ เช่นค่า Linearity, Hysteresis โดยจะแสดงเป็น % F.S. (% of full scale) หรือบางผู้ผลิตใช้เป็น % R.O.(% Rate Output) เป็นต้น

การดูแลรักษาและยืดอายุการใช้งาน Load Cell

  • ควรหมั่นตรวจเช็ค Load Cell ให้อยู่ในสภาพสมบูรณ์ พร้อมใช้งานอยู่เสมอ
  • ไม่ควรใช้งาน Load Cell ที่สภาพไม่สมบูรณ์ เพราะจะทำให้เกิดอันตรายทั้งต่อผู้ปฎิบัติงานและตัว Load Cell
  • ไม่ควรใช้งาน Load Cell จน Over Range เพราะจะทำให้ Load Cell ได้รับความเสียหาย
  • ควรหลีกเลี่ยงการใช้งาน Load Cell วัสดุที่ทำมาจาก Steel บริเวณหน้างานที่มีความชื้นสูงหรือมีละอองน้ำ เพราะจะทำให้ Load Cell เกิดสนิม
  • ต้องแน่ใจว่าติดตั้ง Load Cell ตรงกับทิศทางของแรง (Force) ที่ต้องการวัดจริงๆ (Tension หรือ Compression) ไม่อย่างนั้นอาจเกิดความเสียหายได้
  • ไม่ควรแก้ไขดัดแปลง Load Cell และอุปการณ์ที่เกี่ยวข้องด้วยตนเอง ควรดำเนินการโดยผู้ชำนาญการโดยตรง จะถูกต้องและปลอดภัยกว่า
  • และที่สำคัญควรหมั่นส่ง Load Cell มาสอบเทียบกับห้องปฎิบัติการที่ได้รับมาตรฐาน หรือให้ทางห้องปฎิบัติการเข้าไปสอบเทียบ Onsite ก็ทำได้ตามความเหมาะสม

 

รูปตัวอย่าง : หัว Load Cell Standard ของบริษัท แคลิเบรชั่น แลบอราทอรี จำกัด

     ทางบริษัท Calibration Laboratory จำกัด (CLC) ของเรา มีบริการ สอบเทียบ Load Cell  Range ที่ได้รับรอง Accredit 17025 ( ANAB) ตั้งแต่ 0.05 to 220 kN (Tension) และ 0.05 to 500 kN (Compression) ในรูปแบบ In Lab และ On site   ทางห้องปฎิบัติการยินดีให้คำปรึกษาเกี่ยวกับเรื่อง Load Cell โดยเจ้าหน้าที่ที่มีประสบการณ์และความชำนาญเรื่องนี้โดยเฉพาะ ลองติดต่อสอบถามเข้ามากันได้ตามช่องทางติดต่อต่างๆของเรา หรือ จะติดต่อเซลล์ประจำพื้นที่ก็ได้เช่นกัน ทางเรายินดีบริการทุกท่านครับ

หวังว่าบทความเกี่ยวกับ Load Cell (พอสังเขป) ในครั้งนี้จะเป็นประโยชน์ต่อท่านผู้ที่สนใจไม่มากก็น้อย ผิดพลาดประการใดก็ต้องกราบขออภัยกันไว้ด้วย แล้วพบกันใหม่ในบทความครั้งต่อไป ส่วนจะเป็นเรื่องอะไรนั้น..ต้องคอยติดตามครับ ขอบคุณครับ

ผู้เขียน CHOK_AM

 

 

ขอใบเสนอราคา     ติดต่อเรา

ซื้อเครื่องมือด้านแรงบิดและแรง   บริการสอบเทียบด้านแรงบิดและแรง

Torque Wrench Checker เครื่องมือวัดค่าอะไร รุ่น TTC-60 ดีอย่างไร

เพื่อนๆ รู้จัก Torque Wrench Checker กันหรือไม่คะ ว่าเครื่องมือวัดชนิดนี้คืออะไร แล้ว Torque Wrench Checker ทำงานยังไง สามารถนำไปใช้กับอะไรได้บ้าง Calibration Laboratory (CLC) จะมาพูดถึงตัว Torque Wrench Checker กันสักรุ่นหนึ่งให้รู้จักกันเบื้องต้นนะคะ และสำหรับเครื่องมือที่เราจะพูดถึงวันนี้คือ TORQUE WRENCH CHECKER, TTC-SERIES  จากยี่ห้อTONE รุ่น TTC-60 ค่ะ

รูป Torque Wrench Checker รุ่น TTC-60

เครื่องตรวจสอบค่าแรงบิด (Torque Wrench Checker) เป็นเครื่องมือวัดที่มีความสำคัญมากสำหรับโรงงานที่ผลิตหรือประกอบชิ้นงานต่างๆ ที่มีการใช้ประแจปอนด์(ประแจทอร์ค) Torque Wrench ในการทำงานค่ะ ในท้องตลาดโดยส่วนใหญ่แล้วเครื่องมือวัด Torque Wrench Checker  ที่ได้ยินกันคุ้นหู ได้แก่ ยี่ห้อ TONE, TOHNICHI, CEDAR, HIOS, SUNDO, NEXTECH  เป็นต้น ซึ่งเราจะมาพูดถึงการใช้งาน Torque Wrench Checker TTC-Series ยี่ห้อ TONE รุ่น TTC-60 กันค่ะ

Torque Wrench Checker TTC-Series ยี่ห้อ TONE รุ่น TTC-60 นี้มีช่วงการใช้งานเริ่มที่ 2 – 60 N.m ค่ะ สามารถขันใช้งานได้ในทิศทางตามเข็มนาฬิกาเท่านั้น (CW) มีค่า Accuracy ± 1%RD  ซึ่งเหมาะสมที่จะนำมาเช็คค่า ประแจปอนด์ Torque Wrench เป็นอย่างมากเพราะมีความแม่นยำสูงมากค่ะ  สำหรับการใช้งานคือใช้สำหรับเช็คค่า ประแจทอร์ค เบื้องต้นก่อนนำไปขันใช้งานในโรงงาน ว่าเครื่องมือยังอยู่ใน Spec  หรือไม่ หากตรวจสอบค่าแล้วพบว่าไม่อยู่ใน Spec แล้ว ควรส่งเข้าห้องปฏิบัติการเพื่อทำการสอบเทียบเครื่องมือวัดทันที เพื่อปรับค่าให้อยู่ใน Spec หรือทำการส่งซ่อมกับผู้ผลิตค่ะ

Torque Wrench Checker TTC-Series ยี่ห้อ TONE รุ่น TTC-60 จะเหมาะกับการใช้งานกับ ประแจปอนด์ Torque Wrench ขนาดเล็กประเภท Manual ค่ะ ที่มีขนาดแรงบิดไม่มากนัก ยกตัวอย่างเช่น รุ่น TTC-60 นี้ก็จะเช็คได้ในช่วง 2 – 60 N.m เท่านั้น หากแรงบิดมากว่านั้นต้องใช้ในรุ่นที่มีขนาดสูงเท่านั้น หากแรงบิดมากว่านั้นต้องใช้ในรุ่นที่มีขนาดสูงขึ้น ซึ่งเราจะมาเล่าให้ฟังอีกในครั้งหน้าค่ะ

รูป Torque Wrench Checker รุ่น TTC-60 พร้อมอุปกรณ์

สำหรับวิธีการใช้งานนั้นมีขั้นตอนการใช้งานไม่ยุ่งยาก ใช้ง่ายแม้ว่าจะเป็นผู้หญิง เพราะออกแรงไม่มาก ใช้แรงค่อนข้างน้อย ไม่เหมือนเครื่องมือวัดที่เป็นรุ่นใหญ่จะใช้การออกแรงมาก โดยการใช้งานมีขั้นตอนไม่มากนัก ดังนี้ค่ะ

ขั้นตอนที่ 1 เริ่มต้นจากการนำเครื่องมือวัด เครื่องตรวจสอบค่าแรงบิด (Torque Wrench Checker) รุ่น TTC-60 นำมายึดด้วยน็อตทั้ง 4 มุม ดังรูปที่ 1 เพื่อไม่ให้เครื่องมือเคลื่อนที่ขณะขัน ซึ่งจะมีอุปกรณ์ที่มีมาให้ในกล่องดังนี้ค่ะ

Accessories

  • Adapter: concave 6.35 mm x 12.7 mm, convex concave 9.5 mm x convex 12.7 mm
  • Convex Hexagon adapter: convex 19 mm x 12.7 mm, convex convex 27 mm x 12.7 mm convex
  • AC adapter: 100 ~ 240 V, 50 – 60 Hz
  • Fixing bolt:M10×40 cap bolts, including washers, nuts, 4

ขั้นตอนที่ 2  การเลือกโหมด ซึ่ง มีให้เลือก 3 Mode ค่ะ ดังนี้

  • Track mode  คือ ให้ค่า Real Time ตามแรงที่ Apply
  • Peak mode   คือ สามารถตั้งค่าให้แสดงที่หน้าจอได้นาน 2-8 วินาที แล้วตัวเครื่องจะกลับมา Set zero เอง
  • Peak hold     คือ ตัวเครื่องจะแสดงค่าค้างไว้ที่หน้าจอ ถ้าจะ Apply แรงใหม่ต้องกด Set zero ทุกครั้ง

ขั้นตอนที่ 3  นำ Torque Wrench ที่ต้องการ Check ค่า ใส่กับ Adaptor ที่มากับเครื่อง ( ต้องแน่นพอดี ห้ามหลวม) พร้อมปรับค่าแรงที่ Torque Wrench ที่ต้องการเช็คค่ะ เช่น ต้องการเช็คที่ 10 m ก็ให้ปรับตั้งค่าไปที่ 10 N.m หรือตามที่ต้องการเช็คได้ตามใจเลยค่ะ แต่ต้องตั้งค่าไม่เกิน 60 N.m เพราะเครื่องมือรุ่นนี้สามารถเช็คได้แค่แรงเท่านี้ค่ะ

ขั้นตอนที่ 4  เสียบหัว Torque Wrench  เข้ากับตัวเครื่อง TTC-60  แล้วให้แรง ตามเข็มนาฬิกา เท่านั้นนะคะ (ห้ามทวนเข็มนาฬิกา) เพราะเครื่องอาจเสียหายได้ค่ะ

ขั้นตอนที่ 5  ทำการอ่านค่าที่หน้าจอแสดงผล ว่าค่าที่ตรวจสอบได้อยู่ในเกณฑ์การยอมรับ (MPE) ได้หรือไม่ โดยควรทำการตรวจสอบซ้ำ 2-3 ครั้งหรือมากกว่าค่ะ หากทำซ้ำแล้วค่าที่ตรวจสอบไม่มีการเปลี่ยนแปลง แสดงว่า Torque Wrench มีค่าจริง (DUC) ตามนั้น หากค่านั้นมีการ Out spec ควรส่งซ่อมเพื่อปรับตั้งค่าให้ตรง แล้วนำมาทวนสอบใหม่อีกครั้งค่ะ

ส่วนในเรื่องของข้อควรระวังในการใช้เครื่องมือวัด Torque Wrench Checker TTC-Series ยี่ห้อ TONE รุ่น TTC-60 นี้ จะเป็นเครื่องมือใช้สำหรับตรวจเช็คค่า ประแจทอร์ค Torque Wrench ที่เป็นประเภทแบบ Manual เท่านั้น   ห้ามนำ Torque ไฟฟ้า หรือ Toruqe ลม นำมาขันเช็คค่าเด็ดขาด เนื่องจากเครื่องมือ Torque Wrench Checker  ไม่มี Spring เพื่อรับแรงกระแทกในการใช้งาน และไม่ได้ถูกออกแบบมาให้ใช้งานกับ Torque ไฟฟ้า หรือ Toruqe ลมนะคะ  เพราะจะทำให้เครื่องมือ Torque Wrench Checker เสียหายได้ค่ะ ต้องระวังในส่วนนี้กันด้วยนะคะ

และสุดท้ายนี้ในเรื่องของการเก็บรักษานั้น

  • ไม่ควรเก็บในที่ชื้นหรืออากาศร้อนจนเกินไป เพราะอาจจะทำให้เครื่องมือเสื่อมสภาพได้ง่ายค่ะ
  • ควรมีกล่องเก็บอุปกรณ์ หรือตู้เก็บอุปกรณ์ในการจัดเก็บ
  • มีคู่มือการใช้งานให้ผู้ใช้งานได้อ่านศึกษาทำความเข้าใจก่อนใช้งาน เนื่องจาก Torque Wrench Checker เป็นเครื่องมือระดับ Standard  มีราคาค่อนข้างสูง จึงควรใช้งานให้ถูกต้องเพื่อป้องกันเครื่องมือเสียหายได้ค่ะ

ส่วนการส่งสอบเทียบเครื่องมือวัดประเภทนี้ ควรส่งสอบอย่างน้อยทุกๆ 1 ปี โดยส่งสอบเทียบกับห้องปฏิบัติการสอบเทียบที่ได้รับการรับรอง ACCREDIT ISO/IEC 17025:2017 เพื่อเพิ่มความเชื่อมั่นว่าเครื่องมือ Torque Wrench Checker ยังอยู่ใน Spec

เป็นอย่างไรกันบ้างคะ ตามที่ได้กล่าวมาข้างต้น หวังว่าเพื่อนๆทุกคนจะเข้าใจการในการทำงานการใช้งานเครื่องมือวัดประเภท Torque Wrench Checker  และสามารถนำไปใช้ประโยชน์กันได้บ้างนะคะ  หรือหากสนใจ ซื้อเครื่องมือวัด Torque Wrench Checker รุ่น TTC-500 สามารถคลิกที่นี่ได้เลยค่ะ ครั้งหน้าจะมีรุ่นที่เป็นรุ่นของ เครื่องตรวจสอบค่าแรงบิด  รุ่น TTC-500 ที่มีช่วงการใช้งานขนาดกลางมาเล่าให้ฟังอีกนะคะ ฝากติดตามกันด้วยนะคะกับบทความต่อไป แล้วเจอกันอีกครั้งค่ะ ขอบคุณมากค่ะ

 

 

 

ผู้เขียน Suphanun BDS

 

 

 

ขอใบเสนอราคา    ติดต่อเรา

  ซื้อเครื่องมือด้านแรงบิดและแรง   บริการสอบเทียบด้านแรงบิดและแรง

—————

VDO l รีวิวการทดลองใช้งาน l Torque Wrench Checker แบรนด์ TONE [รุ่น TTC-60]

VDO l รีวิววิธีการใช้ Torque Wrench [ แบรนด์ TONE ] l ใช้สำหรับชิ้นงานทั่วไปและ หัวประแจปากเลื่อน

รีวิวครบ! ประแจปอนด์ (Digital torque wrench) ละเอียดทุกจุด

Digital Torque Wrench TDT-Series ยี่ห้อ TONE

      หากพูดถึงเครื่องมือวัดประเภทประแจปอนด์ หรือประแจทอร์ค (Torque Wrench) อาจรู้จักกันในเฉพาะบางกลุ่มที่มีการใช้งานเครื่องมือวัดประเภทนี้ หรือเป็นคนที่ทำงานอยู่ในวงการที่เกี่ยวข้องเท่านั้น เพราะส่วนใหญ่แล้วเป็นการใช้งานที่ค่อนข้างเฉพาะทาง มีหลายท่านมีคำถามว่า ประแจปอนด์ยี่ห้อไหนดี ในตลาดเองก็มีอยู่หลากหลายยี่ห้อทั้ง ประแจปอนด์ tohnichi ประแจปอนด์ TONE และอีกหลากหลายยี่ห้อ หลากหลายรุ่น ทาง Calibration Laboratory (CLC)จะมาพูดถึง เครื่องมือวัด ประแจปอนด์ (Torque Wrench) จากแบรนด์ TONE รุ่น TDT-Series จากประเทศญี่ปุ่น ที่เป็นประแจทอร์คคุณภาพสูงจากญี่ปุ่น และจำเป็นต้องมีการส่ง สอบเทียบเครื่องมือวัด เพื่อป้องกันความผิดพลาดที่อาจเกิดขึ้นได้กันนะคะ

Digital Torque Wrench TDT-Series เป็น Digital Torque Wrench  ที่ใช้สำหรับการขันแน่นหรือยึดน็อตกับชิ้นงานเข้าด้วยกัน โดยผู้ใช้งานสามารถกำหนดแรงบิดเป้าหมายได้เองตามต้องการ  Digital Torque Wrench TDT-Series นี้  มีคุณสมบัติที่สามารถใช้งานได้ 2 ทิศทาง คือได้ทั้งการขันเข้าและขันออก (CW, CCW)  มีค่าความแม่นยำ (Accuracy)  ± 3% of Reading, โดย Digital Torque Wrench TDT-Series นี้ส่วนใหญ่แล้วจะใช้งานโดยการขันชิ้นงานเข้าออก หรือใช้สำหรับทวนสอบค่าของชิ้นงานต่างๆ เช่น ใช้ในงานอุตสาหกรรมประเภท  Automotive(ยานยนต์), Construction(ก่อสร้าง), ท่อก๊าซอุตสาหกรรม, ทางรถไฟ, แผงโซล่าเซลล์, Condensing Unit (คอมแอร์) และงานอื่นๆ ที่มีการขันให้แรงบิด เป็นต้น  

รูปหน้างาน Construction (ก่อสร้าง)

สำหรับขั้นตอนการใช้งาน Digital Torque Wrench TDT-Series นี้ ใช้ง่ายไม่ยุ่งยากเลยค่ะ  เนื่องจากมีหน้าจอแสดงผลเป็นแบบ Digital ที่มีตัวเลขบอกชัดเจน ผู้ใช้งานสามารถตั้งค่าแรงบิดเป้าหมายและค่า % Tolerance ที่หน้าจอได้ด้วยตัวเองเลยค่ะ  เมื่อผู้ใช้งานทำการให้แรงบิดไปแล้วจะมีเสียงเตือนและมีไฟแสดงผลที่หน้าจอ 2 สีเกิดขึ้น ได้แก่ ไฟสีเขียวและสีแดง ซึ่งจะแสดงที่หน้าจอแสดงผล  เพื่อบ่งบอกถึง ค่า % Tolerance ว่าค่าที่ได้อยู่ในเกณฑ์การยอมรับของผู้ใช้งาน (MPE) ตั้งไว้หรือไม่ ยกตัวอย่าง การแสดงสีไฟที่หน้าจอค่ะ 

จะแบ่งออกเป็น 3 แบบดังนี้ 

แบบที่ 1 ถ้าขันให้ แรงไม่ถึงค่า Target Torque ที่ตั้งไว้ ไฟสีเขียวจะขึ้นตาม%ของแรงที่ได้ เช่น 

  • 1.1 ที่แรง 80%ไฟเขียวขึ้น 1 ดวง
  • 1.2 ที่แรง 85%ไฟเขียวขึ้น 2 ดวง
  • 1.3 ที่แรง 90%ไฟเขียวขึ้น 3ดวง 
  • 1.4 ที่แรง 95%ไฟเขียวขึ้น 4 ดวง
  • 1.5 ที่แรง 97.5%ไฟเขียวขึ้น 5ดวง (ตามรูปประกอบ1.1)

แบบที่ 2 ถ้าขันประแจปอนด์ให้ แรงพอดีถึงค่า Target Torque ที่ตั้งไว้ ไฟสีแดงและสีเขียวจะขึ้นทั้งหมด

แบบที่ 3 ถ้าขันให้ แรงเกินค่า Target Torque ที่ตั้งไว้ ไฟสีแดงจะขึ้น1ดวง

รูป1.1 สีไฟที่หน้าจอแสดงผล

     Digital Torque Wrench TDT-Series TONE จากประเทศญี่ปุ่นนี้ ยังสามารถบันทึกข้อมูลได้ 250 ค่าที่ตัวเครื่องค่ะ ซึ่งผู้ใช้งานสามารถกดเพื่อดูค่าที่บันทึกไว้ และสามารถลบค่าที่บันทึกได้  หากต้องการข้อมูลเพื่อส่งหัวหน้างานก็สามารถกดถ่ายโอนข้อมูลจากตัวเครื่องลงคอมพิวเตอร์ได้เลยค่ะ ซึ่งไฟล์ที่ได้จะอยู่ในรูปแบบเอกสาร เท่านี้ทางผู้ใช้งานก็มี Report ส่งหัวหน้างานได้ทันเวลาค่ะ และไม่ต้องเสียเวลาในการจดบันทึกใส่กระดาษอีกต่อไป 

รูปแสดงอุปกรณ์ที่มีมาให้ในกล่อง

ข้อควรระวังการใช้งาน เครื่องมือวัด

Digital Torque Wrench TDT-Series นี้คือ เนื่องจากใช้ถ่าน Alkaline เป็นแหล่งให้พลังงาน หากมีการใช้งานไปซักเวลาหนึ่งให้ลองสังเกตสัญลักษณ์ถ่านที่หน้าจอว่าแบตเตอรี่ของประแจนั้นเหลือจำนวนกี่ขีดนะคะ เพราะ Battery อาจจะหมดได้ขณะใช้งาน ในส่วนการให้แรงบิด Digital Torque Wrench TDT-Series นี้ สามารถให้แรงบิดได้อย่างต่อเนื่อง หากผู้ใช้งานให้แรงบิดไปแล้วเมื่อถึงแรงบิดเป้าหมาย มีเสียงและสีไฟแสดงที่หน้าจอครบแล้ว ควรหยุดให้แรงทันทีเพื่อป้องกันชิ้นงานเสียหายเพราะการให้แรง Digital Torque Wrench TDT-Series ที่มากเกินไปอาจทำให้ขันทำลาย เกิดความเสียหายได้ค่ะ 

การดูแลและการบำรุงรักษา

ประแจวัดแรงบิด Digital Torque Wrench TDT-Series คือ ควรเก็บในที่ไม่ชื้นหรือร้อนจนเกินไป ควรเก็บในอุณหภูมิห้อง  มีกล่องหรือตู้เก็บเครื่องมือใส่อย่างดี ระมัดระวังการทำตกหล่น และควรมีการทำคู่มือการใช้งานหรือมีการอบรมการใช้งานอย่างละเอียดก่อนใช้งานค่ะ เพื่อให้ผู้ใช้งานศึกษาทำความรู้ความเข้าใจก่อนใช้งาน เป็นการป้องกันเครื่องมือเสียหาย อย่างไรก็ตามถึงแม้ว่าสินค้าจะได้  

Certificate มาจากผู้ผลิต ทางผู้ใช้งานควรมีการสอบเทียบเครื่องมือทุกๆ 6 เดือน หรืออย่างน้อย 1 ปีค่ะ หรือส่ง สอบเทียบเครื่องมือวัด กับห้องปฎิบัติการสอบเทียบที่ได้รับรอง ISO/IEC 17025:2017  เป็นอย่างไรกันบ้างคะ สำหรับการใช้งานประแจปอนด์ยี่ห้อคุณภาพ Digital Torque Wrench TDT-Series จาก TONE จากญี่ปุ่นที่กล่าวมาในเบื้องต้นนี้ หากมีสินค้าใหม่ๆที่น่าสนใจจะมาแนะนำกันในครั้งต่อไปนะคะ  ขอบคุณค่ะ

 

ผู้เขียน  Suphanun BDS

 

 

รีวิว VDO วิธีการใช้ Torque Wrench [ แบรนด์ TONE ] l ใช้สำหรับชิ้นงานทั่วไปและ หัวประแจปากเลื่อน

สอบเทียบเครื่องมือด้าน Torque&Force    สินค้าด้าน Torque&Force

ขอใบเสนอราคา  ติดต่อเรา