คลังเก็บป้ายกำกับ: Dimension’s Article

มีใครรู้ข้อเสีย เครื่อง CNC บ้าง? แล้วเครื่อง CNC นี้คืออะไร

สวัสดีท่านผู้อ่านทุกท่านนะคะ ทุกท่านคงทราบดีว่าในปัจจุบันนั้นการตัดแต่งและการขึ้นรูปชิ้นงานถือเป็นอุตสาหกรรมที่มีความสำคัญไม่น้อยเลยทีเดียว ดังนั้นเครื่องมือหรือเครื่องจักรที่จะใช้ในการขึ้นรูปจึงถือว่าสำคัญไม่แพ้กันนะคะ และที่สำคัญคือทุกเครื่องมือวัดหรือเครื่องจักรนั้นจำเป็นต้อง สอบเทียบเครื่องมือ อยู่เสมอแล้วเครื่องจักรแบบไหนกันที่มักนิยมนำมาใช้เพื่อขึ้นรูปชิ้นงานด้วยความรวดเร็ววันนี้เรามีคำตอบมาให้ลองไปศึกษาดูกันเลยค่ะ

 

เครื่อง CNC (Computer Numerical Control)

คือ เครื่องจักรกลแบบอัตโนมัติที่ออกแบบมาให้ใช้งานได้หลายภาษา สามารถทำงานได้โดยการป้อนคำสั่งผ่านระบบของโปรแกรมคอมพิวเตอร์ ตัวเครื่องก็จะทำงานตามแบบที่เราใส่โปรแกรมการทำงานเข้าไป โดยส่วนใหญ่แล้วเครื่องจักรประเภทนี้จะเหมาะกับงานที่เป็นโลหะที่ต้องการความละเอียด, แม่นยำ และมีความซับซ้อนสูง เช่น งานกลึง หรือ งานมิลลิ่ง ต่างๆ เครื่อง CNC สามารถทำงานในรูปแบบที่มีความยากได้ดีกว่าเครื่องกลึงแบบ manual ที่ยังต้องใช้เจ้าหน้าที่ที่มีความชำนาญในการใช้เครื่องเป็นผู้ทำ ซึ่งนี่ก็ถือเป็นเรื่องสำคัญสำหรับผู้ประกอบการเพราะผู้ชำนาญในงานกลึง, งานมิลลิ่ง (Milling) มีจำนวนไม่มาก อีกทั้งค่าแรงก็สูง ประกอบกับความต้องการที่จะผลิตชิ้นงานให้ได้จำนวนมากๆและรวดเร็ว

ประเภทของเครื่อง CNC ที่นิยมใช้ทั่วไป

จะมี 2 ประเภทหลักดังนี้คือ

  1. เครื่อง CNC สำหรับงานมิลลิ่ง  (CNC Milling Machine)

เครื่อง CNC ประเภทนี้จะประกอบด้วย 3 แกนหลักๆหรืออาจจะมีแกนอื่นๆเพิ่มได้ตามความต้องการและความยากง่ายของงาน ซึ่งแต่ละแกนจะทำหน้าที่ในการเคลื่อนที่ไปในทิศทางต่างๆ เช่น

  • แกน X ทำหน้าที่ขยับโต๊ะงานไปทางซ้ายหรือขวา
  • แกน Y ทำหน้าที่ขยับโต๊ะงานไปทางด้านหน้าหรือด้านหลัง
  • แกน Z ทำหน้าที่เคลื่อนหัวจับดอกกัดไปด้านบนหรือด้านล่าง

เครื่อง CNC จะทำงานโดยการเปิดให้หัวจับดอกสว่านหมุนตามความเร็วรอบที่ผู้ใช้สั่งในระบบควบคุม จากนั้นจึงเคลื่อนที่แกนต่างๆไปยังตำแหน่งที่ต้องการกัดของชิ้นงาน เครื่อง CNC จะเคลื่อนแกนต่างๆและกัดงานตามแบบที่ผู้ใช้งานเขียนขึ้นจนครบ

  1. เครื่อง CNC สำหรับงานกลึง

เครื่อง CNC สำหรับงานกลึงจะประกอบไปด้วย 2 แกนหลัก ซึ่งจะมีการเดินเพียง 2 ทิศทาง แบ่งเป็น

  • แกน X สำหรับแกนสั้น
  • แกน Z สำหรับแกนยาว

เครื่องกลึง CNC นั้นจะทำงานโดยการสั่งการผ่านระบบคอมพิวเตอร์หรือระบบ CNC controller สำหรับควบคุมเครื่อง CNC และมีมอเตอร์สำหรับหมุนชิ้นงานบนหัวกลึงและใช้มีดกลึงเคลื่อนที่ตามแบบงานของผู้ใช้ หากเป็นเครื่องกลึง CNC ที่มีขนาดใหญ่อาจจะมีระบบเปลี่ยนมีดอัตโนมัติร่วมด้วยเพื่อการกลึงงานที่หลากหลายมากขึ้น

แต่ในการใช้งานจริงๆแล้วนั้นเจ้าเครื่อง CNC นั้นสามารถนำไปใช้กับงานได้อีกหลากหลายประเภทมากกว่านี้อีกคะ เพราะชื่อที่เรียกกันว่า เครื่อง CNC  คือ เป็นระบบควบคุมที่ใช้ตัวเลขในการควบคุม ดังนั้นจึงสามารถนำระบบ CNC นี้ไปใช้กับงานใดๆ ก็ได้ที่จำเป็นต้องใช้มอเตอร์ หรือมีตำแหน่งในการควบคุม หรือมีความเร็วในการควบคุม ไม่จำเป็นต้องเป็นเครื่อง CNC สำหรับงานกลึงหรือมิลลิ่ง (Milling) เท่านั้นค่ะ

เครื่อง Computer Numerical Control นิยมใช้กับงานใดได้บ้าง

  1. งานในอุตสาหกรรมที่เกี่ยวกับโลหะ เช่นเฟอร์นิเจอร์
  2. งานสร้างแม่แบบชิ้นงานสำหรับการหล่อต่างๆ (Mold)
  3. งานในอุตสาหกรรมยานยนต์การสร้างอะไหล่รถยนต์
  4. งานสร้างชิ้นงานตามสั่งลูกค้า (Made to order)
  5. งานผลิตชิ้นส่วนเครื่องจักร
  6. งานผลิตอัญมณี
  7. งานหล่อพระ, พระพิมพ์ หรืองานประติมากรรมต่าง ๆ

ข้อดีของการใช้เครื่อง CNC

  1. ได้งานที่มีความละเอียดและมีประสิทธิภาพ
  2. งานที่ผลิตออกมาได้มาตรฐานและคุณภาพ ชิ้นงานที่ผลิตออกมาเท่ากันเสมอ
  3. สามารถผลิตชิ้นงานออกมาได้อย่างรวดเร็ว
  4. ทำงานได้ดีแม้ว่าชิ้นงานจะมีความยากและซับซ้อนสูง
  5. ช่วยลดเวลาการตรวจสอบคุณภาพของชิ้นงานลง และลดแรงงานในการผลิต

ข้อเสียของการใช้เครื่อง Computer Numerical Control

  1. เนื่องจากเป็นเครื่องจักรที่มีความซับซ้อนในการออกแบบและการผลิต ต้องนำเข้าจากต่างประเทศ ทำให้เครื่อง CNC มีราคาสูง อีกทั้งยังต้องมีค่าบำรุงรักษาเครื่องจักรประจำปี
  2. ต้องใช้งานเครื่อง CNC เป็นประจำ เพราะถ้าใช้น้อยก็จะทำให้เครื่องCNCเสื่อมสภาพได้
  3. เหมาะกับการผลิตงานจำนวนมากๆ หากผลิตน้อยชิ้นจะไม่คุ้ม
  4. ค่าซ่อมเครื่องมีราคาสูงมากและต้องใช้ผู้ที่มีความเชี่ยวชาญเท่านั้น
  5. มีระบบควบคุมเป็นภาษาอังกฤษ ผู้ใช้และผู้เขียนโปรแกรมจำเป็นต้องมีความเชี่ยวชาญด้านภาษาเป็นอย่างดี

เห็นไหมคะว่าเจ้าเครื่อง CNC มีความสำคัญเพียงใด ทั้งนี้หากลูกค้าที่มีการใช้งานเครื่อง CNC อยู่แล้วและสนใจที่จะ สอบเทียบเครื่องมือวัด กับทาง บริษัท แคลิเบรชั่นแลบอราทอรี จำกัด ของเราก็มีให้ บริการ สอบเทียบเครื่องมือวัด เครื่อง CNC โดยใช้ Standard เป็น Laser Interferometer (LSI) สอบเทียบแบบ Comparison ให้เครื่องมือลูกค้าได้ทุกแกนครอบคลุมตั้งแต่ระยะ 0 – 2000 mm โดยได้รับการรับรอง ISO/IEC 17025:2017 ทั้ง สมอ. และ ANAB อีกด้วยนะคะ ซึ่งสามารถสอบเทียบสูงสุดได้ถึง 15000 mm หากลูกค้าท่านไหนสนใจสามารถติดต่อสอบถามได้ทุกช่องทางการติดต่อเลยนะคะ

 

 

 

 

ผู้เขียน Katai

 

ขอใบเสนอราคา    ติดต่อเรา

พูดคุยกับเรา

ถอดรหัส Tubular inside Micrometer ไมโครมิเตอร์อีก 1 ชนิดที่ต้องรู้

Tubular inside Micrometer

หรือ ไมโครมิเตอร์วัดใน เป็นเครื่องมือวัดที่จัดอยู่ในกลุ่ม “ไมโครมิเตอร์” มีอยู่หลากหลายชนิดขึ้นอยู่กับการเลือกนำมาใช้งานให้ถูกประเภทตามความเหมาะสม โดย “ไมโคมิเตอร์” หลักๆแล้วที่ใช้งานกันอยู่ในปัจจุบัน จะมีอยู่ 3 ประเภท เช่น

ไมโครมิเตอร์ภายนอก (Outside Micrometer) : ออกแบบมาสำหรับวัดด้านนอกของวัตถุ – เส้นผ่านศูนย์กลางภายนอก           

ไมโครมิเตอร์ภายใน (Inside Micrometer) : วัดด้านในหรือเส้นผ่านศูนย์กลางภายใน

ไมโครมิเตอร์ความลึก (Depth Micrometer) : วัดความลึกของรูช่องหรือช่อง

“Tubular inside Micrometer” หรือ “ไมโครมิเตอร์วัดใน” จะมีทั้ง ดิจิตอลที่ทำการอ่านค่าหลังจากการวัดเป็นแบบตัวเลข และ อนาล็อก จะอ่านค่าจากสเกล แต่ “ไมโคมิเตอร์” ที่จะพูดถึงในบทความนี้จะเป็น  “Tubular Inside Micrometer” เป็น “ไมโคมิเตอร์” ประเภทแบบวัดในลักษณะของตัวเครื่องมือ มีลักษณะเป็นแบบแท่งตรงแล้วสามารถนำเอามาต่อด้ามเพื่อเพิ่มระยะความยาวในการใช้งานที่มีขนาดแตกต่างกันออกไปและตรงส่วนปลายสัมผัสเป็น “คาร์ไบด์” สามารถหมุนปลอกเพื่อตั้งค่าระยะตามที่ต้องการได้ เป็นเครื่องมือวัดที่มีระยะการวัดกว้างเพราะสามารถนำแกนหลายๆขนาดมาต่อกันได้หลังจากเลือกขนาดของแกนด้านที่จะนำมาต่อให้ได้ตามขนาดที่จะวัดแล้ว เมื่อต้องการหมุนเพื่อใช้งานควรหมุนไปให้ถูกด้านเพื่อให้ปลาย “คาร์ไบด์” แตะสัมผัสผิวชิ้นงานอย่างสนิท และตัว ROD ที่มีอยู่ภายใน SET ของ “Tubular inside Micrometer” ยังสามารถที่จะนำมาเช็คค่าเพื่อทำการออกใบ CER ได้อีกด้วย เพราะ แท่ง ROD สามารถนำเอามาต่อกับตัวหัวเครื่องมือวัด “Tubular inside Micrometer” เพื่อเพิ่มระยะในการวัดชิ้นงานได้และสามารถนำค่าที่เช็ค ROD ไปใช้ได้จริงว่าสอบเทียบเครื่องมือวัดเช็คค่าออกมาแล้วได้ค่าที่ชัดเจนแต่ละ ROD อยู่ที่เท่าไหร่

ข้อควรระวังในการใช้งาน

1.ควรตรวจสอบผิวสัมผัสแกนวัดอยู่เสมอ

2.ก่อนที่แกนวัดจะสัมผัสชิ้นงาน ควรหมุนแกนเครื่องมือวัดเลื่อนช้าๆเพื่อให้หัวแตะสัมผัสเบาๆ

 3.อย่านำตัว Tubular inside Micrometer ไปวัดชิ้นงานที่ร้อนเพราะจำทำให้ค่าวัดผิดพลาดและเครื่องมือชำรุดได้

4.อย่าเก็บไมโคมิเตอร์รวมไว้กับเครื่องมืออื่นแล้ววางทับกันเพราะอาจทำให้ตัวเครื่องมือชำรุดได้

การดูแลรักษา ไมโครมิเตอร์วัดใน

1.ควรลองเช็คหมุนแกนของตัว Tubular inside Micrometer อย่างสม่ำเสมอ ระวังอย่าทำตก

2.เช็ดทำความสะอาดเช็ดฝุ่นและคราบน้ำมันที่มาจากการวัดชิ้นงานหลังจากใช้งานทุกครั้ง

3.เก็บใส่กล่องให้เรียบร้อยใส่สารดูดความชื้นในกล่องเพื่อลดความชื้นเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดสนิม

 

ขอบข่ายในการออก ACCREDITED ของ บริษัท แคลิเบรชั่น แลบอราทอรี จำกัด ( CLC ) การส่ง สอบเทียบเครื่องมือวัด สามารถออก ACCREDITED ได้การรับรองมาตรฐาน ISO/IEC17025:2017

จาก สมอ (ประเทศไทย) และ ANAB (ประเทศสหรัฐอเมริกา)

 

สิ่งที่ผู้เขียนอยากให้ผู้อ่านได้นึกถึงความสำคัญของการ สอบเทียบเครื่องมือวัด

การส่งเครื่องมือสอบเทียบเพื่อตรวจสอบ เช็คค่า เพื่อให้แน่ใจว่าเครื่องมือที่เราใช้งานอยู่นั้นยังสามารถที่จะใช้งานได้ ต้องสอบเทียบแล้วยังได้ค่าที่เที่ยงตรง แม่นยำ ถูกต้องอยู่ เครื่องมือวัดอุตสหกรรมในโรงงานส่วนมากก็จะมีการส่งตรวจสอบ และ สอบเทียบเครื่องมือวัด โดยต้องให้มีความถูกต้องอยู่ในช่วงความคลาดเคลื่อนที่ยอมรับได้ (MPE) ที่ทางลูกค้าได้กำหนดไว้ เพื่อให้ได้มาตรฐาน

ผู้ใช้งานควรมีการกำหนดช่วงระยะเวลาในการดูแลบำรุงรักษาเครื่องมือแต่ละประเภทที่ผู้ใช้งานใช้งานอยู่ ระยะเวลาในการกำหนดขึ้นอยู่กับการใช้งานของทางผู้ใช้งานด้วย ถ้าใช้บ่อยก็ควรส่งสอบเทียบเพื่อดูค่าความคลาดเคลื่อนของตัวเครื่องมือบ่อยตาม ความหมายก็คือ กำหนด Due date กำหนดวันส่งเครื่องมือเข้าสอบเทียบ เช่น 3 เดือน/ครั้ง , 6 เดือน/ครั้ง , 1ปี/ครั้ง ควรสอบเทียบเครื่องมือก่อนนำมาใช้งาน ควรเลือกใช้บริการห้องการสอบเทียบที่ได้มาตราฐานและได้รับการรับรองความสามารถ Accredit
ตามมาตรฐาน ISO/IEC 17025:2017 การสอบเทียบเครื่องมือวัดมีความสำคัญต่อทุกๆโรงงานอุตสาหกรรมที่ยื่นทำระบบคุณภาพควรต้องมีระบบมาตรฐานคุณภาพที่ชัดเจนเพื่อสร้างความมั่นใจให้กับโรงงานสร้างประสิทธิภาพการผลิตและยกระดับมาตรฐานของผลิตภัณฑ์ ที่ได้ทำการผลิตออกไป

 

รูปแบบของ Tubular inside Micrometer ไมโครมิเตอร์วัดใน

ผู้เขียน Kaem Yui  

 

ประเภท ข้อควรระวัง และการสอบเทียบไมโครมิเตอร์วัดภายนอก (Outside micrometer)

 

บริการสอบเทียบด้านมิติ ดูสินค้าด้าน Dimension

ขอใบเสนอราคา    ติดต่อเรา

พูดคุยกับเรา

 

ห้ามพลาด ความรู้เรื่อง Pin Gauge แบบจุกๆ

Pin Gauge(พินเกจ)  สวัสดีครับ วันนี้เราจะแนะนำเครื่องมือวัดประเภทที่ใช้งานด้าน Dimension ที่หลายๆท่านเห็นและผ่านหูผ่านตาและเคยใช้งานมาอย่างแน่นอน และมีการใช้งานกันอย่างแพร่ในภาคอุตสาหกรรม เครื่องมือวัดชนิดนี้ พินเกจ คือ เครื่องมือวัดที่มีลักษณะเป็นรูปทรงที่มีรูปแบบเป็นแท่งเหมือนหมุดที่ถูกผลิตออกมาเป็นขนาดที่จำเพาะ และใช้วัสดุในการผลิตตัวเครื่องมือที่มีความทนทานเพื่อรับประกันถึงค่าความแน่นอนและยากต่อการคลาดเคลื่อน จุดประสงค์หลักของการใช้งาน เครื่องมือวัด พินเกจ คือ การใช้ตรวจสอบและใช้วัดเส้นผ่านศูนย์กลางของขนาดของรูและความกว้างของรูที่มีขนาดเล็กของชิ้นงานต่างๆว่าอยู่ในมาตรฐานการผลิตหรือไม่ และยังสามารถนำไปใช้งานสำหรับการวัดค่าเบี่ยงเบนทางเรขาคณิตของชิ้นงานต่างๆได้อีกด้วย

นอกจากนี้ พินเกจ ยังมีวัสดุหลากชนิดที่ใช้ในการผลิตให้ผู้ใช้งานได้เลือกใช้ตามการใช้งานตามความเหมาะสมของงานและชิ้นงานประเภทงานต่างๆได้ เช่น เหล็ก เซรามิก และ คาไบด์

คุณสมบัติของพินเกจ

ของวัสดุที่ผลิตแต่ล่ะประเภทมีดังนี้

  1. Steel คือพินเกจที่ใช้โลหะในการผลิตเครื่องมือแบบยุคต้นซึ่งจะเป็นวัสดุที่มีความแข็งแรงทนทานค่อนข้างสูง และเสียหายสึกหรอค่อนข้างยากมาก แต่ก็จะมีข้อเสียคือสามารถเกิดคราบสนิมง่ายจึงทำให้เกิดความเคลื่อนของเครื่องได้เช่นกัน
  2. Carbide คือพินเกจที่ใช้คาไบด์ในการผลิต ซึ่งคาไบด์จะมีความต้านทานการกัดกร่อนที่ยอดเยี่ยมและ อายุการใช้งาน นานกว่า เหล็กกล้า ประมาณ 20 ถึง 30 เท่า
  3. Ceramic คือพินเกจที่ใช้เซรามิกในการผลิต วัสดุชนิดนี้มีความสามารถทนต่อการขัดสีได้สูงมาก มากกว่าพินเกจที่ทําด้วยเหล็กถึง 10 เท่า การดูแลรักษาก็ง่ายไม่จําเป็นต้องมีการเคลือบสารป้องกัน สนิมหลังใช้งาน

วิธีการใช้งาน และการดูและรักษา Pin gauge

เบื้องต้นดังนี้

1.ควรใส่ถุงมือก่อนใช้งานเครื่องมือทุกครั้ง หลีกเลี่ยงการสัมผัส เครื่องมือวัด ด้วยมือเปล่า เพราะความชื้นจากผิวสัมผัสจากมืออาจจะทำให้เครื่องเกิดสนิม และทำให้ค่ามาตรฐานของเครื่องมือผิดเพี้ยนไปได้

2.ในขณะที่ใช้งานเครื่องมือวัด หากขนาดรูที่ต้องการวัดค่าไม่สามารถนำเครื่องมือใส่เข้าไปได้ ไม่ควรฝืนกดเครื่องมือลงไปเพื่อวัดหาค่า เพราะอาจทำให้ตัวเครื่องมือและชิ้นงานเกิดความเสียหายได้

3.หลังจากการใช้งานเครื่องมือแล้วเสร็จทุกครั้ง ควรทำความสะอาดและเคลือบด้วยสารน้ำยากันสนิมและเก็บเครื่องมือเข้ากล่องทุกครั้งเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดคราบสนิมและการสูญหายของเครื่องมือได้

4.เนื่องจากเครื่องมือชนิดนี้มีความสำคัญต่อการวัดชิ้นงานต่างๆค่อนข้างมากจึงมีความจำเป็นที่ต้องมีการสอบเทียบ (Calibration) อย่างสม่ำเสมอ เพื่อความแม่นยำในการวัดชิ้นงานให้ได้ตามมาตรฐานการผลิตของทางผู้ใช้งานเอง เพื่อทางผู้ใช้งานจะได้สามารถรู้ค่าความแม่นยำความถูกต้อง ว่าค่าที่วัดได้นั้นมีความถูกต้องตรงตามสเปคหรือไม่ หรือหากผิดเพี้ยนไปจากสเปคที่ทางผู้ใช้งานใช้วัดชิ้นงานนั้นทางผู้ใช้งานจะได้มีการแก้ไขก่อนที่จะนำไปใช้วัดกับตัวชิ้น เพื่อลดความเสียและผิดพลาดของทางผู้ใช้งาน

 

โดยทาง บริษัท แคลิเบรชั่น แลบอราทอรีจำกัด (CLC) มีให้บริการ สอบเทียบเครื่องมือวัด (Calibration) ด้านมิติหลากหลายประเภท รวมถึงพินเกจ ซึ่งทางบริษัทฯ ให้บริการ สอบเทียบเครื่องมือวัด (Calibration) ได้การรับการรับรอง ISO/IEC 17025:2017 จากสถาบัน สมอ. และ ANAB พร้อมทั้งยังมีบริการ รับส่งเครื่องมือวัด ฟรีอีกด้วย

 

THM_MELO

 

 

ประเภท ข้อควรระวัง และการสอบเทียบไมโครมิเตอร์วัดภายนอก (Outside micrometer)

 

บริการสอบเทียบด้านมิติ ดูสินค้าด้าน Dimension

ขอใบเสนอราคา    ติดต่อเรา

พูดคุยกับเรา

มัดรวมมาให้ครบ! Test Sieve ตะแกรงร่อน อุตสาหกรรม เข้าใจจบในบทเดียว

ตะแกรงร่อนคืออะไร?

ตะแกรงร่อน อุตสาหกรรม เป็นเครื่องมือวัดชนิดหนึ่งที่ใช้ในการกรองอนุภาคและคัดแยกวัตถุดิบขนาดต่างๆ โดยมีช่องเปิดที่มีขนาดรูและรูปร่างสม่ำเสมอ ติดตั้งบนโครงเหล็กสแตนเลสที่มีความแข็งแรงทนทาน ตะแกรงทดสอบประกอบด้วยลวดตะแกรงที่ยึดไว้ในโครงโลหะทรงกลมและมีหลายขนาด ตะแกรงร่อนส่วนมากใช้ในภาคอุตสาหกรรมเกือบทุกประเภทเพื่อทำการวิเคราะห์อนุภาคเช่น พลาสติก, วัสดุก่อสร้าง, วิศวกรรม, การเกษตร, ชีววิทยา, เคมี, เภสัชกรรม, ยา, อิเล็กทรอนิกส์, สิ่งแวดล้อม, การรีไซเคิล, อาหาร, ธรณีวิทยา, เซรามิก, เหมืองแร่และแก้ว เป็นต้น

ตะแกรงร่อนใช้สำหรับอะไร

ตะแกรงร่อนใช้สำหรับการแยกสารหรือวัตถุต่างชนิดออกจากกัน  เพื่อวิเคราะห์ขนาดของอนุภาคของแข็งหรือความละเอียด (fineness) โดยการร่อนผ่านของแข็งที่ทราบน้ำหนักไปบนชุดตะแกรงทดสอบ ซึ่งมีช่องขนาดต่างๆ กัน โดยจัดเรียงตะแกรงตามลำดับช่องที่ต้องการ ตะแกรงเหล่านี้อาจติดอยู่กับที่หรือเคลื่อนไหวได้

หน่วยการวัด จะใช้เป็นหน่วย mm (มิลลิเมตร) และ µm (ไมครอน)

ลักษณะและประเภทของตะแกรงร่อน (Test Sieve)

มาตราฐานของช่องตะแกรง (sieve) มี 2 ประเภทคือ

1.ตะแกรงแบบลวดสานมือ เกิดจากการนำลวดขนาดต่างๆ มาสานกันเป็นช่อง โครงรอบตะแกรงทำด้วยแสตนเลส หรือทองเหลือง โดยเส้นลวดที่ใช้สานนั้นทำมาจากแสตนเลส ความกว้างของช่องตะแกรงเรียกว่าเมช (mesh) ซึ่งหมายถึงจำนวนช่องของตะแกรงที่มีอยู่ในความยาว 1 นิ้ว เช่น ตะแกรงขนาด 10 เมช ในความยาว 1 นิ้ว จะมีช่องอยู่ 10 ช่อง และช่องหนึ่งจะมีความยาวกว้าง 0.1 นิ้ว หักออกด้วยขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางของเส้นลวด ดังนั้น เมชขนาดเดียวกัน อาจแตกต่างกัน ถ้าทำจากเส้นลวดที่ต่างกันจึงต้องบอกขนาดช่องหรือ Aperture Size ควบคู่กับขนาดเมชของตะแกรงด้วย

 

2. ตะแกรงแบบเจาะรูด้วยเครื่องจักร ช่องของตะแกรงมีลักษณะถูกเจาะรูผ่านโดยใช้เครื่องจักรเจาะซึ่งมีหลายขนาดและรูปทรง เช่นแบบรูกลม, กลมรีและสี่เหลี่ยม เป็นต้น
ตะแกรงร่อนประเภทนี้ ผลิตมาเพื่อใช้กับงานเฉพาะทาง ที่ต้องการอนุภาคได้ขนาดตามรูผ่าน โดยทั่วไปแล้ว อนุภาคที่มีเป็นรูปทรงหลายมิติ จะผ่านรูร่อนสี่เหลี่ยมได้ดี แต่ถ้าเป็นรูกลม 2 มิติ อนุภาคที่แตกย่อยหรือไม่กลมจะไม่สามารถร่อนผ่านได้ รูปทรงกลมรีหรือ 2 มิติเท่านั้นจึงจะร่อนผ่านได้ เช่น เมล็ดข้าวสารหอมมะลิ ถ้าเป็นเม็ดที่สมบูรณ์ สวยงาม

วัสดุที่ใช้ในการทดสอบ (Feed Materials)

  1. ผง (Powders) เช่นแป้ง ผงปูน ผงสี ทราย น้ำตาลเป็นต้น
  2. วัสดุปริมาณมวล (Bulk Material) หรือวัสดุที่มีขนาดเล็กชิ้นย่อยที่รวมกันเป็นปริมาณมากๆ เช่น หิน เมล็ดกาเฟ
  3. สารแขวนลอย (Suspension) หรือสารเนื้อผสมที่ประกอบด้วยอนุภาคเล็ก ๆ ของของแข็งซึ่งกระจายอยู่ในของเหลวหรือแก๊ส

วิธีการใช้งานและขั้นตอนการทดสอบตะแกรงร่อน

  1. ทำความสะอาดตะแกรงร่อนก่อนใช้งานทุกครั้งโดยใช้เครื่องเป่าลมเป่าไปที่ตะแกรง เพื่อนำเศษวัสดุต่างๆที่ติดอยู่หลุดออกไป
  2. จัดชุดตะแกรงโดยนำตะแกรงที่มีรูขนาดใหญ่สุดอยู่ด้านบนสุด ไล่ตามลำดับลงไปจนถึงขนาดเล็กสุดอยู่ด้านล่าง พร้อมชั่งน้ำหนักตะแกรงทั้งหมด
  3. นำตัวอย่างวัตถุดิบที่ต้องการทดสอบ เทลงในตะแกรงด้านบนสุด
  4. นำตะแกรงทั้งหมดไปติดตั้งบนเครื่องเขย่า
  5. เปิดเครื่องโดยใช้เวลาเขย่าอย่างน้อยประมาณ 10 นาที ของแข็งที่มีขนาดใหญ่เกินขนาด (Oversize) จะค้างอยู่บนตะแกรง ส่วนของแข็งที่เล็กเกินขนาด (undersize) จะลอดผ่านช่องตะแกรงไปได้
  6. เสร็จแล้วนำตัวอย่างที่ได้ไปชั่งน้ำหนัก
  7. จดบันทึกค่าผลลัพธ์ที่ได้

การวิเคราะห์ขนาดมวล (Sieve Analysis) ทำได้ 2 วิธี คือ

  1. แบบแห้ง (Dry)
  2. แบบใช้น้ำช่วย (Wet) ซึ่งจะเติมน้ำลงไปเพื่อช่วยให้ของแข็งที่มีขนาดเล็กลอดผ่านช่องตะแกรงได้ดีกว่าแบบแห้ง

 

ข้อควรระวังและคำแนะนำในการใช้งาน

  1. การใช้เครื่องเขย่า (Sieve Shaker) ทำให้ตะแกรงเคลื่อนไหวหรือสั่น จะช่วยให้การร่อนตัวอย่างมีประสิทธิภาพดียิ่งขึ้น และใช้เวลาที่น้อยลง
  2. ไม่ควรใช้ตัวอย่างมากจนเกินไปในการทดสอบในแต่ละครั้ง เพราะจะทำให้ร่อนยากและเป็นสาเหตุให้อุดตันตามรูช่อง และของแข็งรวมตัวเป็นก้อนทำให้ผลลัพท์ที่ได้ผิดเพี้ยนไป
  3. ตัวอย่างที่ใช้ทดสอบไม่ควรมีความชื้น
  4. ถ้าตัวอย่างจับกันเป็นก้อน ใช้ค้อนยางทุบให้แตกออกจากกัน ก่อนนำไปทดสอบ
  5. ทำความสะอากตะแกรงร่อนทุกครั้งหลังจากใช้งานแล้ว
  6. ควรนำเครื่องมือตะแกรงร่อนไปสอบเทียบประจำปี เพื่อตรวจสอบค่าความถูกต้องของเครื่องมือโดยทางห้องปฏิบัติการสอบเทียบ CLC สามารถสอบเทียบได้และได้รับการรับรอง Accredited 17025:2017

วิธีการ สอบเทียบเครื่องมือวัด และ Scope ที่ได้รับการรับรอง (Accredited 17025)

 ทางบริษัท แคริเบรชั่น แลบอราทอรี จำกัด สามารถสอบเทียบตะแกรงร่อนได้โดยใช้วิธีการสอบเทียบแบบ Direct measurement with Vision Auto measuring และได้รับการรับรอง Accredited ISO/IEC 17025:2017 ของ Scope ภายในประเทศจาก สมอ. และต่างประเทศ ANAB จากอเมริกา Range ที่ได้รับการรับรองมีดังนี้

Accredited TISI (สมอ.) หน้าที่ 17

Accredited ANAB หน้าที่ 22

ภาพตัวอย่างเครื่อง Vision Auto Measuring Machine ที่บริษัทฯ ใช้สอบเทียบ Test Sieve

Credited by Timnorton

 

 

การแบ่งประเภทและการดูแลรักษาไมโครมิเตอร์ทำอย่างไร

 

ขอใบเสนอราคา    ติดต่อเรา

บริการสอบเทียบด้านมิติ ดูสินค้าด้าน Dimension

เคล็ดลับ วิธีการดูแลรักษาตลับเมตร (​ Steel Tape )

ถ้าพูดถึงตลับเมตรหรือ Steel Tape แทบไม่มีใครที่ไม่รู้จักเครื่องมือวัดชนิดนี้ มีใช้กันเกือบทุกอุตสาหกรรมและยิ่งในวงการของการวัดระยะ ยิ่งต้องรู้จักกันเป็นอย่างดีเพราะใช้วัดเพื่อบอกระยะในการทำงาน ซึ่งมีหลากหลายแบบตั้งแต่ตลับเมตรแบบธรรมดา ตลับเมตรดิจิตอล ไปจนถึงตลับเมตรเลเซอร์ ตัวตลับเมตรนี้มีจำหน่ายตามท้องตลาดทั่วไปไม่ว่าจะเป็น ร้านขายวัสดุก่อสร้างทั่วไป ร้านโฮมโปร ร้านไทยวัสดุ ในออฟฟิศเมท หรือจะหาซื้อตามร้านค้าออนไลน์ทั่วไปก็มีขายเช่นกัน มีหลากหลายแบรนด์ให้เลือก เช่น แบรนด์ Stanley และ Milwaukee เป็นผลิตภัณฑ์นำเข้ามาจากประเทศจากประเทศ USA ส่วนแบรนด์ Makita เป็นผลิตภัณฑ์นำเข้ามาจากประเทศมาเลเซีย และแบรนด์ของ SHINWA, SK, KDS, TAJIMA, PROMART และแบรนด์ TRUSCO ล้วนเป็นผลิตภัณฑ์นำเข้ามาจากประเทศญี่ปุ่นทั้งนั้น และวันนี้เราจะมาแนะนำตลับเมตรให้เพื่อนๆได้รู้จักเพิ่มมากขึ้นอีกสักนิดหนึ่งนะคะ ตามไปอ่านกันเลยค่ะ

ตลับเมตรที่เราจะนำมาพูดถึงในวันนี้เป็นตลับเมตรแบบธรรมดา เป็น เครื่องมือวัด ที่ใช้สำหรับในการวัดบอกระยะและขนาดของชิ้นงานนั้นๆ  เช่น ความกว้าง ความยาว ความสูง หรือแม้แต่ความหนาของชิ้นงานหรือวัสดุต่างๆ โดยตลับเมตรเป็นเครื่องมือวัดแบบพกพาที่มีลักษณะเป็นตลับทรงกลมหรือโค้งมน บางทีอาจเป็นลักษณะทรงสี่เหลี่ยม ภายในของตลับเมตรบรรจุสายวัดหรือเทปโลหะไว้อย่างดี โดยเทปวัดสามารถม้วนกลับเข้าตลับเมตรเองได้ เนื่องจากภายในมีกลไกสปริงในตัวที่สามารถดึงเทปกลับเข้ามาในตลับได้ทันที ส่วนปลายเทปเป็นตะขอเกี่ยวยื่นออกมาจากตลับที่ใช้สำหรับดึงและเกี่ยวยึดวัตถุหรือชิ้นงานได้ทันที ซึ่งลักษณะของตลับเมตรก็จะแตกต่างกันไปตามประเภทและรูปร่างของตลับเมตรนั้นๆ ตลับเมตรมีหน่วยการวัดเป็นหน่วยมิลลิเมตร (mm), เซนติเมตร(cm), เมตร(m) , นิ้ว(“) และฟุต (ft) กำกับไว้ ตลับเมตรที่มีจำหน่ายทั่วไป มีขนาดบรรจุสายวัดได้ความยาวไว้หลายขนาด เช่น ตลับเมตร 3 เมตร 5 เมตร 8 เมตร 10 เมตร ตัวตลับทำด้วยโลหะหรือพลาสติก  ส่วนแถบวัดทำด้วยเหล็กบางเคลือบสี ปลายของแถบวัดมีขอเกี่ยวเล็กๆ ติดอยู่ทำให้สะดวกในการนำติดตัวไปใช้งานในสถานที่ต่างๆ ตัวอย่างการใช้งานที่เหมาะกับตลับเมตรแต่ละขนาดก็เช่น สำหรับงานวัดเฟอร์นิเจอร์ โต๊ะ เก้าอี้ หรือตู้ที่มีขนาดเล็กต่างๆ เหมาะสมกับตลับเมตรขนาด 3 เมตร ที่เป็นตลับเมตรขนาดเล็กสามารถใช้วัดระยะได้แบบสั้นๆ มีขนาดที่เล็กกะทัดรัด น้ำหนักเบา สามารถพกพาใส่กระเป๋ากางเกงได้อย่างสะดวก ส่วนสำหรับการวัดเฟอร์นิเจอร์ ประตู หน้าต่าง หรือเฟอร์นิเจอร์ขนาดใหญ่มากขึ้นอีกนิด จะใช้ตลับเมตรขนาด 5 เมตร ซึ่งเป็นขนาดที่นิยมนำมาใช้งานมากที่สุดด้วยความยาวของตลับเมตรที่ไม่มากและไม่น้อยจนเกินไปทำให้หยิบจับใช้สอยง่าย ส่วนตลับเมตร 8 เมตร เป็นตลับเมตรที่ถูกออกแบบมาเพื่อใช้งานวัดระยะสำหรับงานขนาดใหญ่ งานก่อสร้างหรืองานช่างต่างๆ ด้วยความยาว 8 เมตรทำให้สามารถวัดระยะต่างๆได้อย่างสะดวก อีกทั้งยังมีขนาดที่เล็กกะทัดรัด ตัวตลับเมตรก็ถูกออกแบบมาให้มีสามารถพกพาได้ง่ายและสะดวกอีกด้วย

                                                         

วิธีการใช้งานตลับเมตร Steel Tape 

  1. ทำการดึงปลายสายวัดออกจากตลับ
  2. ให้นำส่วนที่เป็นตะขอไปเกี่ยวกับชิ้นงานที่ต้องการวัดขนาด
  3. เมื่อเกี่ยวตะขอเรียบร้อยแล้วก็ทำการยืดสายวัดออกไปให้เท่ากับระยะที่ต้องการ หลังจากนั้นก็ให้ทำเครื่องหมายเพื่อง่ายต่อการอ่านค่าหรือการกำหนดตำแหน่งสำหรับใช้งานต่อไป
  4. เมื่อต้องการวัดขนาดซ้ำอีกให้ทำการยืดสายวัดด้วยการเลื่อนปุ่มล็อกบนตลับเมตรเพื่อล็อคสายวัดไว้ก็จะง่ายและสะดวกต่อการวัดหลายๆครั้งเพราะไม่ต้องดึงสายวัดเข้าออกอีกหลายรอบ
  5. หลังใช้งานเสร็จแล้วให้ปลดล็อกและจัดเก็บสายวัดเข้าตลับให้เรียบร้อย การเก็บสายวัดให้ผ่อนแรงค่อยๆเก็บไม่ให้ดึงกลับเข้าตลับเร็วเกินไปเพื่อป้องกันการชำรุดเสียหาย

วิธีการดูแลรักษาตลับเมตร

  1. ก่อนและหลังการใช้งานต้องตรวจสภาพตลับเมตรทุกครั้งว่ามีสามารถใช้งานได้ปกติหรือไม่มีความเสียหายอะไรอยู่บนสายวัดไหม ถ้ามีความเสียหาย เช่น บิดเบี้ยว ขาด ตัวเลขเลือนขาดหาย ก็ไม่ควรนำมาวัดชิ้นงานเพราะจะทำให้ค่าคลาดเคลื่อนได้
  2. เมื่อใช้งานตลับเมตรเสร็จแล้วให้เช็ดทำความสะอาดและชโลมน้ำมันตรงชิ้นส่วนที่เป็นโลหะ เพื่อป้องกันการเกิดสนิมจะได้ใช้งานได้นาน
  3. หลีกเลี่ยงการใช้งานผิดวิธีและระมัดระวังของแข็งหรือของมีคมขูดบนหน่วยวัด เพราะอาจทำให้หน่วยวัดเลือนหายและส่งผลให้ค่าการวัดผิดพลาดได้
  4. การจัดเก็บตลับเมตรควรเก็บให้ไม่อยู่สภาพอุณหภูมิที่มีความร้อนสูง เพราะอาจทำให้เสื่อมสภาพเร็วขึ้นและอายุการใช้งานลดลงได้

เป็นอย่างไรกันบ้างคะสำหรับเรื่องตลับเมตร หรือ Steel Tape พอจะรู้จักกันบ้างแล้วนะคะ ถ้าเพื่อนๆ ท่านไหนสนใจอยากได้ไปใช้บ้างทาง บริษัท แคลิเบรชั่น แลบอราทอรี จำกัด ก็มีจำหน่ายด้วยนะคะ มาพร้อมกับใบรับรอง CERTIFICATE ACCREDIT ISO/IEC 17025:2017 สามารถติตต่อถามมาที่ฝ่ายขายของเราได้เลยค่ะ ครั้งหน้าจะพาเพื่อนๆ ไปรู้จักกับเครื่องมือตัวไหนรอติดตามกันได้เลยนะคะ แล้วเจอกันอีกในบทความครั้งต่อไป ขอบคุณค่ะ

ผู้เขียน Bew JJ.

 

 

 

จัดเต็ม THREAD PLUG GAUGE พร้อมความต่างระหว่าง PLUG GAUGE และ THREAD PLUG GAUGE

บริการสอบเทียบด้านมิติ ดูสินค้าด้าน Dimension

ขอใบเสนอราคา    ติดต่อเรา

พูดคุยกับเรา

 

วิธีใช้เครื่องวัดระดับน้ำเลือกใช้อย่างไรให้ถูกต้อง

จัดเต็ม THREAD PLUG GAUGE พร้อมความต่างระหว่าง PLUG GAUGE และ THREAD PLUG GAUGE

เกจวัดเกลียวใน (Thread Plug Gauge)

THREAD PLUG GAUGE เป็นเครื่องมือวัดที่ใช้สำหรับวัดขนาดรูและระยะพิตช์ของเกลียวด้านในรู

ลักษณะของตัวเกจวัดเกลียวใน จะมี 2 ฝั่ง คือ

  1. ฝั่ง GO หรือ ฝั่ง GP (GO PLUG)
  2. ฝั่ง NOGO หรือ ฝั่ง NP ( NOGO PLUG)

ส่วนมากจะนำไปวัดขนาดของเกลียวโดยที่ตัว เกจวัดเกลียวในจะมีปลายเกลียวอยู่ 2 ด้าน เพื่อเอาไว้ตรวจสอบว่าเกลียวของตัวชิ้นงานนั้นยังอยู่ใน SPEC หรือไม่ โดยลักษณะของตัว เกจวัดเกลียวใน ด้านที่มีเกลียวยาวจะเป็นด้าน GO คือ ผ่าน และในส่วนของปลายด้านเกลียวสั้นนั้นจะเป็นด้าน NO GO  คือ ไม่ผ่าน

วิธีการใช้งานของเกจวัดเกลียวใน 

โดยทั่วไปเมื่อหมุน เกจวัดเกลียวในฝั่งทางด้าน GO เข้าไปแล้ว มันจะสามารถหมุนได้ตลอดความยาวของเกลียวแต่ เมื่อหมุนเกจวัดเกลียวในฝั่งทางด้าน NOGO จะสามารถหมุนได้ไม่เกิน 2 รอบของเกลียว สำหรับทุกครั้งที่มีการใช้งานควรตรวจสอบเกลียวในของชิ้นงานก่อนเสมอ เทคนิคง่ายๆในการสังเกต คือ ฝั่ง GO มันจะสามารถหมุนได้ตลอดความยาว (OK) และ ทางด้าน ฝั่ง NOGO มันจะสามารถหมุนได้ไม่เกิน 2 รอบ (OK) และโดยหลักสิ่งที่ควรดูและสังเกต คือ มุมเกลียว และ ระยะเกลียว

ข้อควรระวังในการใช้งาน เกจวัดเกลียวใน 

  • ไม่ควรนำตัวเกจวัดเกลียวในไปใช้งานผิดประเภท เช่น นำเอาเกจวัดเกลียวในฝั่ง GO หรือ NO GO ใช้งานสลับด้านกันเพราะอาจทำให้ตัวเกลียวของเกจเกิดการชำรุดเสียหายได้ และตัวชิ้นงานก็อาจจะเสียหายได้เหมือนกัน
  • ก่อนจะนำตัวเกจวัดเกลียวหมุนเข้าไปในตัวชิ้นงานควรตรวจเช็คและทำความสะอาดตัวชิ้นงานและตัวเกจก่อนทุกครั้งเพื่อกันไม่ให้ชิ้นงานสัมผัสกับสิ่งสกปรกที่อยู่ภายในนั้น เพราะในขณะที่หมุนเกลียวเข้าไปอาจจะทำให้เกจและตัวชิ้นงานเสียหาย
  • ในการใช้งานทุกครั้งในเวลาที่ใช้งานยังไม่เสร็จ ควรวาง เกจวัดเกลียวใน  อย่างระมัดระวัง เพราะถ้าเกิดการหล่นลงพื้น จะทำให้เกลียวบิ่นและไม่สามารถนำมาใช้งานได้อีก

การดูแลรักษาเกจวัดเกลียวใน

  • เช็ดทำความสะอาดเช็ดฝุ่นและคราบน้ำมันที่มาจากการวัดชิ้นงานหลังจากใช้งานทุกครั้ง
  • ไม่ควรวาง เกจวัดเกลียวทับกันเพราะจะทำให้เกลียวบิ่นสึกหรอ
  • ควรมีน้ำมันกันสนิมเคลือบบางๆที่เกลียวของเกจวัดเกลียวในก่อนเก็บเข้ากล่อง (ไม่ควรใช้สารเคมีที่มีฤทธิ์เป็นกรดและด่างทำความสะอาดตัวเกจวัดเกลียวใน)

PLUG GAUGE และ THREAD PLUG GAUGE

คือ เครื่องมือวัดที่มีลักษณะคล้ายกันมาก ความแตกต่างที่เป็นจุดเด่นและสามารถสังเกตได้ และสามารถแบ่งแยกได้ถูกต้อ คือ ตัว PLUG GAUGE จะไม่มีเกลียวที่ปลายด้ามของเครื่องมือวัด ส่วนเกจวัดเกลียวในนั้นลักษณะตรงปลายด้ามของเครื่องมือวัดจะมีเกลียวอยู่รอบปลาย ตามภาพตัวอย่างด้านล่างค่ะ และทั้ง 2 เครื่องมือวัดนี้จำเป็นต้องมีการส่ง สอบเทียบเครื่องมือวัด เป็นประจำ เพื่อไม่ให้เกิดความผิดพลาดจากการใช้งานเครื่องมือวัดมานานจนเครื่องมือเริ่มเสื่อมสภาพ ส่งผลเสียหายต่อการผลิต การตรวจสอบชิ้นส่วนได้

 

 

ผู้เขียน Kaem Yui 

บริการสอบเทียบด้านมิติ ดูสินค้าด้าน Dimension

ขอใบเสนอราคา    ติดต่อเรา

พูดคุยกับเรา

 

วิธีใช้เครื่องวัดระดับน้ำเลือกใช้อย่างไรให้ถูกต้อง

 

วิธีใช้เครื่องวัดระดับน้ำเลือกใช้อย่างไรให้ถูกต้อง

เครื่องมือวัดระดับน้ำที่ใช้กันทั่วไปในงานอุตสาหกรรมมีกี่แบบ?

     เครื่องมือวัดระดับน้ำ ถือเป็นอีกหนึ่งเครื่องมือที่ต้องทำการส่งมา สอบเทียบเครื่องมือวัด อย่างสม่ำเสมอ เพราะหากชำรุดแล้วอาจส่งผลให้ชิ้นงานที่ผลิตเกิดความคลาดเคลื่อนได้ เพื่อให้มีความถูกต้องแม่นยำในการใช้งาน และการใช้งานของ เครื่องมือวัด แต่ละงานแต่ละประเภทมีการเลือกใช้อย่างไร และ มี เครื่องวัดระดับน้ำ แบบไหนบ้าง เรามาดูประเภทของเครื่องมือกันว่ามีแบบไหนบ้าง

เครื่องมือวัดระดับน้ำ (Spirit Level)

  • ระดับน้ำ (Spirit Level) คือ อุปกรณ์ที่ใช้ในการวัดระดับความเอียงในแนวราบ (Horizontal) และแนวดิ่ง (Vertical)

ระดับน้ำความเที่ยงตรงสูง (Precision Spirit Level)

  • ในปัจจุบันนี้ ระดับน้ำที่มีความเที่ยงตรงสูง (Precision Spirit Level) นั้นมีมากมายหลากหลายแบบให้เลือกใช้งาน

 

ส่วนประกอบเครื่องวัดระดับน้ำเป็นอย่างไร ประกอบด้วยอะไรบ้าง

                                 

 

การเลือกใช้เครื่องมือวัดประเภทระดับน้ำ

ควรเลือกพิจารณาวิธีใช้จากลักษณะการใช้งานดังต่อไปนี้

1) ระดับน้ำเป็นอุปกรณ์ที่ช่างใช้ในการวัดความลาดเอียงของพื้นที่ โดยสามารถวัดระดับได้ทั้งในแนวราบ และแนวดิ่ง

2) เมื่อผู้ใช้งานต้องการวัดความลาดเอียงของพื้นที่ ให้นำระดับน้ำวางลงบนพื้นที่ที่ต้องการตรวจสอบ และสังเกตที่ฟองอากาศภายในหลอดแก้ว ถ้าหากพื้นที่นั้นไม่มีความลาดเอียง ฟองอากาศจะอยู่ตรงกลางระหว่างเส้น 2 เส้นบนหลอดแก้ว

3) ทดลองหมุนระดับน้ำ 180 องศาบนพื้นที่ แล้วสังเกตฟองอากาศภายในหลอดแก้วต้องอยู่ตรงจุดกึ่งกลางตลอด ผู้ใช้งานจึงจะแน่ใจได้ว่าพื้นที่ที่ตรวจสอบอยู่นั้นไม่มีความเอียงจริงๆ

บริษัท แคลิเบรชั่น แลบอราทอรี จำกัด (Calibration Laboratory CO.,LTD หรือ CLC) มีบริการ สอบเทียบเครื่องมือวัด

  1. Inclinometer Set [ Electronic Level Meter ] Brand Wyler AG Model BlueLEVEL 016F150-122-001,
  2. BlueLEVEL 016F150-243-001, BlueMETER 016F004-001 S/N.O0091,O0092,N

Reference Standard, Method, and/or Equipment

In house method: CLC-CPDA-05 based on JIS B 7510: 1993 by Engineer-Set 20 (Electronic Level)

ช่วงการ สอบเทียบเครื่องมือวัด ที่บริษัท แคลิเบรชั่น แลบอราทอรี จำกัด (Calibration Laboratory CO.,LTD หรือ CLC)

Precision Level

0.01 mm/m 2.5 μm/m
0.02 mm/m 3.3 μm/m
0.05 mm/m 6.5 μm/m
0.10 mm/m 13 μm/m
0.30 mm/m 35 μm/m

Level of Theodolite

Up to 50 mm/m 5 μm/m

 

 

การบำรุงรักษาและข้อควรระวัง เครื่องวัดระดับน้ำ

  1. หลังจากการใช้งานแล้วทำการตรวจสอบผิวหน้าทั้งสองด้านของระดับน้ำว่ามีรอยขีดข่วนหรือไม่
  2. เมื่อเลิกใช้งานระดับน้ำแล้ว ต้องทำความสะอาดระดับน้ำโดยใช้แอลกอฮอล์และกระดาษทิษชู่ไร้ฝุ่นเช็ดให้แห้ง

ซึ่งทางบริษัท Calibration Laboratory มีการสอบเทียบ (Calibrate) เครื่องมือวัด และจำหน่าย เครื่องวัดระดับน้ำ พร้อมทั้งงาน สอบเทียบเครื่องมือวัด สามารถติดต่อมาที่ sale@cal-laboratory.com ได้เลยค่ะ

การสอบเทียบระดับน้ำ มีหลายวิธีที่จะสอบเทียบระดับน้ำ แต่โดยหลักการแล้วจะ คล้ายๆกัน กล่าวคือ ใช้อุปกรณ์ที่สามารถปรับระดับความเอียง ได้ เช่น เครื่องสร้างมุมแบบละเอียด หรือคานยกระดับพร้อมทั้งเรายังมี เครื่องมือมาตรฐาน เช่น ระดับน้ำแบบอิเล็กทรอนิกส์ หรือ กล้องวัดมุมแบบรวมแสงอัตโนมัติ ที่ใช้เปรียบเทียบค่ากับระดับ น้ำ วิธีการ สอบเทียบเครื่องวัดระดับน้ำ คือ ตั้งระดับน้ำและเครื่องมาตรฐานที่ระดับ อ้างอิง (Reference Position) แล้วเริ่มปรับระดับความเอียงโดย หมุนหัวปรับเครื่องสร้างมุมแบบละเอียด หรือคานยกระดับไป ตามตำแหน่งที่ต้องการสอบเทียบ บันทึกค่าระดับน้ำและเครื่องมาตรฐาน

ผู้เขียน  Apple (million)

 

 

ประเภท ข้อควรระวัง และการสอบเทียบไมโครมิเตอร์วัดภายนอก (Outside micrometer)

 

บริการสอบเทียบด้านมิติ ดูสินค้าด้าน Dimension

ขอใบเสนอราคา    ติดต่อเรา

พูดคุยกับเรา

 

การแบ่งประเภทและการดูแลรักษาไมโครมิเตอร์ทำอย่างไร

ไมโครมิเตอร์ (Micrometer) คืออะไร

ไมโครมิเตอร์ (Micrometer) คือ เครื่องมือวัด ความละเอียดที่ถูกใช้ในการวัดขนาดชิ้นงานได้ทั้งความกว้าง  ความยาว

ความหนา ความต่างระดับ ความลึก และเส้นผ่านศูนย์กลางของชิ้นงานนั้นๆ  ซึ่งนิยมนำมาใช้งานในกลุ่มอุตสาหกรรมต่างๆอย่างแพร่หลาย โดยเฉพาะอุตสาหกรรมยานยนต์ ชิ้นส่วนเครื่องจักร การตรวจสอบคุณภาพ QC  ถูกใช้งานสำหรับช่างเทคนิคและอื่นๆ เป็นต้น ซึ่งมีความแม่นยำในการวัดที่ละเอียดมาก มีทั้งแบบอนาล็อคและดิจิตอล ที่สามารถเลือกหน่วยการวัดได้ ซึ่งการใช้งานนั้นต้องคำนึงถึงการ สอบเทียบเครื่องมือวัด เพื่อการวัดที่ถูกต้องอีกด้วย

ในรุ่นเมตริก (หน่วยเป็นมิลลิเมตร) และรุ่นอิมพีเรียล (หน่วยการวัดเป็นนิ้ว) ในบางรุ่นที่เป็นแบบดิจิตอลสามารถเลือกการใช้งานได้ทั้งสองหน่วย

ไมโครมิเตอร์ (Micrometer) แบ่งออกเป็น 3 ชนิด คือ

  1. ไมโครมิเตอร์วัดนอก (Outside Micrometer) ใช้วัดความหนา ความกว้าง หรือเส้นผ่านศูนย์กลางของวัตถุ
  2. ไมโครมิเตอร์วัดใน (Inside Micrometer) ใช้วัดเส้นผ่านศูนย์กลางของรูเปิดและท่อ

    ไมโครมิเตอร์วัดลึก (Depth Micrometer)  ใช้วัดความลึกของช่องเปิด

การดูแลรักษาไมโครมิเตอร์

  1. ก่อนและหลังงานไมโครมิเตอร์ ใช้งานควรเช็ดเส้นรอบวงของแกนหมุนอย่างสม่ำเสมอทั้งสองหน้าวัด  เพื่อกำจัดฝุ่น คราบน้ำมันที่มาจากนิ้วมือรวมถึงทำความสะอาดของชิ้นงานที่จะทำการวัดด้วยผ้าแห้งที่ไม่มีขุย
  2. ควรเก็บเครื่องมือไว้ในกล่องหรือซองพลาสติกทุกครั้งหลังจากทำความสะอาดเสร็จและไว้ในที่ที่มีความชื้นต่ำ อากาศถ่ายเทได้สะดวก ไม่วางไว้ในที่แสงแดดส่องถึงโดยตรง
  3. เมื่อต้องการหมุนเข้าออกอย่างรวดเร็วให้เลื่อนกับฝ่ามือ ใช้หัวหมุนกระทบเลื่อนในการวัดชิ้นงานทุกครั้ง
  4. ก่อนที่แก่นวัดจะสัมผัสชิ้นงาน ควรหมุนหัวหมุนกระทบเลื่อนช้าๆ หมั่นตรวจสอบผิวสัมผัสแกนรับและแกนวัดอยู่เสมอ
  5. เมื่อจะต้องเก็บเครื่องมือเป็นเวลานานๆ ควรชโลมน้ำมันเพื่อป้องกันการกัดกร่อนเเละสนิม
  6. ระวังอย่าทำไมโครมิเตอร์ตกหล่น แต่หากคุณทำให้เครื่องมือเสียหายโดยไม่ได้ตั้งใจ ควรตรวจสอบความถูกต้องก่อนทำการวัด ผู้อ่านควรจะต้องทำการปรับเทียบใหม่เพื่อตรวจสอบความแม่นยำ  หากต้องการตรวจเช็คสภาพเครื่องมือวัดต่างๆ
  7. เพื่อความถูกต้องและความมั่นใจในการใช้วัดงาน ทางบริษัท แคลิเบรชั่น แลบอราทอรี จำกัด เรามีให้บริการ สอบเทียบ
  8. เครื่องมือวัด ทุกประเภท สนใจสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Line ID:@clccalibration ได้เลยนะคะ

ผู้เขียน Oranij S.

 

 

ประเภท ข้อควรระวัง และการสอบเทียบไมโครมิเตอร์วัดภายนอก (Outside micrometer)

 

ขอใบเสนอราคา    ติดต่อเรา

บริการสอบเทียบด้านมิติ ดูสินค้าด้าน Dimension

 

 

ประเภท ข้อควรระวัง และการสอบเทียบไมโครมิเตอร์วัดภายนอก (Outside micrometer)

ไมโครมิเตอร์วัดภายนอก (Outside micrometer)

Outside micrometer หรือ ไมโครมิเตอร์วัดภายนอก คือ เครื่องมือที่ใช้วัดด้านมิติ (Dimension) ภายนอกของสิ่งต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการวัดขนาด วัดความยาว วัดความหนา ของชิ้นงาน หรืออุปกรณ์ต่างๆที่ต้องการนำมาวัดรอบนอก โดยเครื่องมือวัดไมโครมิเตอร์วัดภายนอกนี้เป็นที่นิยมอย่างมากในการใช้งานในภาคอุตสาหกรรม ด้วยความที่ใช้งานง่าย ราคาไม่สูงมาก และให้ความแม่นยำที่ค่อนข้างดี ไมโครมิเตอร์วัดภายนอกจึงมีใช้งานกันแทบจะทุกโรงงานในภาคอุตสาหกรรม

ลักษณะของไมโครมิเตอร์วัดนอก (ตามรูป)

การแบ่งประเภทของไมโครมิเตอร์วัดภายนอก

ในที่นี้ผู้เขียนขอแบ่งตามลักษณะของปากวัด โดยที่พบมากจะแบ่งได้ดังนี้

  1. Outside Micrometer แบบปากเรียบปรกติ
  2. Blade micrometer
  3. V-anvil Micrometer
  4. Screw micrometer
  5. Disk micrometer
  6. Point micrometer

แต่ทั้ง 6 ประเภทที่กล่าวมา คือใช้วัดภายนอกของชิ้นงานทั้งสิ้น

การใช้งานเครื่องมือวัดOutside micrometer

  1. ตรวจดูการหมุนของสเกลว่าไม่ติดขัด สามารถใช้งานได้ปรกติหรือไม่
  2. ปรับสเกลไปให้ปากวัดทั้ง 2 ด้านแนบสนิทกัน
  3. กด Set zero ก่อนนำชิ้นงานมาวัด
  4. ปรับสเกลให้มีช่องว่างและนำชิ้นงานหรืออุปกรณ์ที่ต้องการวัดเข้ามาวัด
  5. ปรับสเกลให้ด้านทั้ง 2 ชนกับชิ้นงานทั้ง2 ด้าน
  6. อ่านค่าที่หน้าจอ/สเกล
  7. ปรับสเกลให้มีระยะห่างจากชิ้นงานเล็กน้อย เพื่อนำชิ้นงานออก

 

ข้อควรระวังในการใช้งานไมโครมิเตอร์วัดภายนอก

  1. ควรเก็บเครื่องมือวัดใส่กล่องหลังจากจากใช้งานเสร็จ เพื่อป้องกันปากวัด แตก หัก หรือบิ่น
  2. ควรทำความสะอาดเครื่องมือทุกครั้งหลังการใช้งาน แต่ไม่ควรใช้น้ำในการทำความสะอาดเพราะอาจทำให้สนิมเกาะที่ปากวัดได้
  3. ควรวัดชิ้นงานหรืออุปกรณ์ที่หยุดนิ่ง ไม่เคลื่อนที่ เพื่อป้องกันปากวัดชำรุด
  4. ควรเลือกใช้ไมโครมิเตอร์วัดภายนอกที่เหมาะสมกับชิ้นงาน ให้มีขนาดที่พอดีใกล้เคียงกัน
  5. หากสามารถใช้งานร่วมกับขาตั้งจะดียิ่งขึ้น เพราะจะทำให้จับไมโครมิเตอร์วัดภายนอกให้นิ่ง ค่าที่ออกมาก็จะแม่นยำ

ทำไมถึงต้องสอบเทียบเครื่องมือวัดOutside micrometer

เพราะไมโครมิเตอร์วัดภายนอกก็เป็นเครื่องมือวัดชนิดหนึ่งที่นิยมใช้วัดชิ้นงานในภาคอุตสาหกรรม จึงมีความจำเป็นที่จะต้องการันตีหรือยืนยันว่าค่าที่แสดงผลของไมโครมิเตอร์วัดภายนอกนั้นเที่ยงตรงและให้ค่าที่ถูกต้องอยู่ การสอบเทียบเครื่องมือนี่เองที่จะเป็นตัวยืนยันผลได้

ทาง CLC สามารถสอบเทียบเครื่องมือวัด ไมโครมิเตอร์วัดภายนอก ได้โดยได้รับการรับรอง ISO/IEC 17025:2017 ทั้งของ TISI และต่างประเทศอย่าง ANAB (จากประเทศสหรัฐอเมริกา)

ทั้งนี้ Standard ที่ทาง CLC ใช้ในการสอบเทียบคือ Standard Gauge block set

ตัวอย่าง Standard Gauge block set ของบริษัทแคลิเบรชั่นแลบอราทอรี จำกัด

โดยทาง CLC จะสอบเทียบระยะ Move ของตัว Micrometer ซึ่งมีระยะ 25 mm

โดยแบ่งจุดสอบเทียบให้ 10 ตำแหน่งตามรูป

 

ตัวอย่างการรายงานผลของบริษัท แคลิเบรชั่น แลบอราทอรี จำกัด

ทั้งนี้นอกจากเครื่องมือไมโครมิเตอร์วัดภายนอกแล้ว ทางCLC ยังสามารถสอบเทียบเครื่องมือ Standard Rod ที่อยู่ในกล่องของไมโครมิเตอร์วัดภายนอกได้ด้วยนะคะ และได้รับการรับรอง ISO/IEC 17025:2017 เช่นกันค่ะ

ผู้เขียน จุ๊บจิ๊บ วีไอพี

 

 

วิธีเลือกซื้อเกจบล็อก (Gauge block) ชนิดของเกจบล็อกและเลือกซื้อเกจบล็อกยังไงให้ตรงกับงาน

บริการสอบเทียบด้านมิติ ดูสินค้าด้าน Dimension

ขอใบเสนอราคา    ติดต่อเรา

พูดคุยกับเรา

Calibration Tester เครื่องมือวัดด้านมิติ (Dimension) ที่เป็น Standard ที่นิยมใช้กันมีชนิดไหนกันบ้าง

          วันนี้เรามาพูดถึงเรื่อง เครื่องมือวัด ด้านมิติ (Dimension) ที่เป็นระดับ Standard หรือเครื่องมือที่ใช้ สอบเทียบเครื่องมือวัด Calibration Tester ที่ใช้ในการสอบเทียบเครื่องมือวัดจำพวก Dial Gauge, Dial Test Indicator และ Digimatic Indicator นั่นก็คือ Calibration Tester นั่นเอง มาดูกันครับว่าที่นิยมใช้กันอยู่ตามห้องปฎิบัติการ หรือ โรงงานอุตสาหกรรมนั้น มีชนิดไหนกันบ้าง

  1. Calibration Tester หรือ Dial Gauge Tester

เครื่องมือวัด Calibration Tester หรือ  Dial Gauge Tester ลักษณะนี้ ส่วนใหญ่จะมี Range อยู่ที่ 0-25 mm. และมีความละเอียด (Resolution) อยูที่ 0.001 mm. หรือ 1 micron นั่นเอง และมี Accuracy ± 0.002 mm.(2 micron)  Calibration Tester ลักษณะนี้เหมาะในการใช้สอบเทียบเครื่องมือวัด Dial Gauge, Dial Test Indicator, Digimatic Indicator ที่มี Range ไม่เกิน 0-25 mm. และความละเอียดอยู่ที่ 0.01 mm. ( 10 micron)  ตามตัวอย่างรูปที่ 1

รูปที่ 1  

  1. Calibration Tester

    อีกแบบที่บางห้องปฎิบัติการสอบเทียบหรือบางโรงงานเรียกว่า “ลูกหมู” (ดูคล้ายลูกหมูเหมือนกันนะ)

Calibration Tester ลักษณะนี้ ก็เป็นอีกชนิดที่นิยมใช้กัน เท่าที่เจอมาจะแบ่งย่อยไปอีก 2 แบบ คือ

     2.1 Calibration Tester Range 0-5 mm.

มีค่าความละเอียด (Resolution) อยู่ที่ 0.0002 mm. (0.2 micron) และมี Accuracy± 0.0008 mm. (0.8 micron) ตามตัวอย่างรูปที่ 2

รูปที่ 2

  2.2 Calibration Tester Range 0-1 mm.

มีค่าความละเอียด (Resolution) อยู่ที่ 0.0002 mm.(0.2 micron) แต่มี Accuracy± 0.0002 mm.(0.2 micron) เลยทีเดียว  ตามตัวอย่างรูปที่ 3

รูปที่ 3

Note: แบบ 2.1 และ 2.2 หน้าตาเหมือนกัน ต่างกันที่ Range และ Accuracy

  1. Dial Gauge Testing Machine

    เครื่องมือชนิดสุดท้ายนี้จะไม่ค่อยเจอในภาคอุตสาหกรรมเท่าไหร่ แต่สำหรับห้องปฎิบัติการสอบเทียบถือว่าได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก โดย CLC เองก็เลือกใช้เครื่องมือวัดชนิดนี้เป็น Standard โดยมี Range 0-100 mm. Resolution 0.1 micron (0.0001 mm.)และมี Accuracy±0.3 micron(0.0003 mm.) ใช้สอบเทียบเครื่องมือวัดที่มี Range สูงได้ถึง 100 mm. ตามตัวอย่างรูปที่ 4

รูปที่ 4 รูปเครื่องมือStandardของบริษัทแคลิเบรชั่น แลบอราทอรี จำกัด

ข้อดี – ข้อเสียของ Calibration Tester ทั้ง 3 แบบ

แบบที่ 1

ข้อดี คือ

  • ราคาถูกกว่า เมื่อเทียบกับแบบที่ 2 และ 3
  • เคลื่อนย้ายสะดวก / น้ำหนักเบา
  • ดูแลรักษาง่าย

ข้อเสีย คือ

  • Accuracy ไม่ดีเท่าแบบที่ 2 และ 3
  • สอบเทียบเครื่องมือที่มีความละเอียดสูงเช่น 1 หรือ 2 micron ไม่ได้

แบบที่ 2

ข้อดี คือ

  • Accuracy ดีกว่าแบบที่ 1 เยอะ
  • สอบเทียบเครื่องมือที่มีความละเอียดสูง1 หรือ 2 micron ได้
  • เคลื่อนย้ายสะดวก

ข้อเสีย คือ

  • ราคาสูงกว่าแบบที่ 1 พอสมควร
  • ใช้งานได้ไม่เกิน 5 mm.

 

แบบที่ 3

ข้อดี คือ

  • สามารถสอบเทียบได้ถึง 100 mm.
  • Accuracy ดีประมาณ ± 3 micron
  • Input data เข้าระบบ Computer ได้ทันที (ช่วยลด Human Error)

ข้อเสีย คือ

  • ราคาสูงกว่าแบบที่ 1 และ 2 มาก
  • ต้องใช้ร่วมกับโปรแกรมเฉพาะของรุ่น
  • เคลื่อนย้ายลำบาก

 

     ส่วนการบำรุงรักษาจะเหมือนกันทั้ง 3 แบบ สิ่งที่สำคัญที่สุดเลยคือ ก่อนและหลังใช้งาน ควรทำความสะอาดบริเวณผิวสัมผัสกับ Probe ของ Dial Gauge ด้วยผ้าสะอาดชุบแอลกอฮอล์และเช็ดให้แห้ง และหลังจากใช้งานเสร็จแล้วควรใช้สารเคลือบผิวเครื่องมือวัดบริเวณหน้าสัมผัสกับ Probe ของ Dial Gauge เพื่อเป็นการรักษาและป้องกันสนิม เพื่อยืดอายุการใช้งานให้กับเครื่องมือระดับ Standard ให้อยู่กับเราไปนานๆ

    …ฝากไว้ให้คิด… การเลือกซื้อหาเจ้าเครื่อง Calibration Tester มาใช้งานนั้น ทางผู้ใช้งานต้องคำนึงถึงปัจจัยที่สำคัญที่สุดเลยคือ เรื่องราคาและความคุ้มค่า เพราะแน่นอนว่า Calibration Tester แต่ละแบบที่กล่าวมาทั้งหมดนี้ ล้วนแล้วแต่มีราคาค่อนข้างสูงเอาเรื่องเลยทีเดียว ถ้าหากเครื่องมือ Dial Gauge, Dial Test Indicatorและ Digimatic Indicator ที่มีครอบครองอยู่มีจำนวนไม่มาก อาจจะไม่คุ้มค่าหากต้องมาเสียเงินซื้อเครื่องมือระดับ Standard มาใช้งาน เพราะนอกจากต้นทุนของเครื่องมือ Standard แล้ว ทุกๆปียังต้องส่งเครื่องมือ Standard ไปสอบเทียบกับห้องปฎิบัติการสอบเทียบภายนอกอีกด้วย..

     สุดท้ายแต่ไม่ท้ายสุด ตอนนี้ทางบริษัท Calibration Laboratory Co.,Ltd. หรือ CLC ของเรา เป็นตัวแทนจำหน่าย Calibration Tester ทุกรุ่นที่ได้กล่าวมา และยังมีบริการ สอบเทียบเครื่องมือวัด  Calibration Tester, Dial Gauge Tester, Dial Gauge Testing Machine ในรูปแบบการรับรอง Accredit 17025 ( ทั้ง สมอ. และ ANAB ท่านสามารถติดต่อเข้ามาปรึกษาหรือขอรับบริการได้ตามทุกช่องทางการติดต่อ  ทาง CLC มีบุคลากรที่มีความรู้และประสบการณ์สูงคอยให้คำปรึกษาทุกท่านเลยครับ

   สุดท้ายและท้ายสุด ขอขอบคุณทุกท่านที่อ่านมาถึงตรงนี้ครับ หวังว่าบทความที่นำมาฝากกันในครั้งนี้ จะเป็นประโยชน์กับท่าน และจะเป็นประโยชน์ยิ่งๆขึ้น หากท่านช่วยแชร์ให้ผู้ที่สนใจรอบข้างด้วย แล้วพบกันใหม่..ขอบคุณครับ

ผู้เขียน CHOK_AM

 

 

 

วิธีเลือกซื้อเกจบล็อก (Gauge block) ชนิดของเกจบล็อกและเลือกซื้อเกจบล็อกยังไงให้ตรงกับงาน

 

ขอใบเสนอราคา    ติดต่อเรา

บริการสอบเทียบด้านมิติ