คลังเก็บหมวดหมู่: บทความ

วิธีอ่านค่าใบ Calibration Certificate

สวัสดีครับ หลังจากการ สอบเทียบเครื่องมือวัด Calibration Laboratory จะทำการออก Calibration Certificate เพื่อเป็นการรับรองเครื่องมือวัดตามมาตรฐาน ISO/IEC 17025 จากสมอ.หรือ ANAB ว่า เครื่องมือวัดยังสามารถใช้งานได้ตามมาตรฐานหรือไม่ ซึ่งในบทความนี้ Super Cal ขอหยิบเรื่อง วิธีอ่านค่าใบ Calibration Certificate มาฝากกันครับ

วิธีอ่านค่าใบ Calibration Certificate

สาระของใบรับรองผลการสอบเทียบตาม ISO/IEC 17025

ข้อกำหนดISO/IEC 17025 ข้อ 5.10

        “ผลการวัด ที่ออกโดยห้องปฏิบัติการจะต้องรายงานอย่างถูกต้อง  ชัดเจน ไม่คลุมเครือ เป็นไปตามคำแนะนำ ที่ให้ไว้ในวิธีการสอบเทียบ ผลการวัดจะต้องบรรจุไว้ในใบรับรองการสอบเทียบ (Calibration Certificate or Calibration report or Test report)”

  • หลักฐานที่แสดงได้ว่าเครื่องมือวัดได้รับการสอบเทียบ (สอบเทียบเครื่องมือ) และสามารถสอบกลับได้ไปยังมาตรฐานการวัดแห่งชาติ (Traceability)

  • ต้องแสดงผลการสอบเทียบที่สามารถสอบกลับได้ (Traceability) ไปยังหน่วยวัด SI (International System of Units)

  • ค่าที่รายงาน : ผลการวัด และความไม่แน่นอนของการวัด (Measurement Uncertainty)

สาระของใบรับรองผลการสอบเทียบตาม ISO/IEC 17025

  1. หัวเรื่อง ( เช่น ”ใบรับรองผลการสอบเทียบ” )

  2. ชื่อและที่อยู่ห้องปฏิบัติการ

  3. สิ่งบ่งชี้เฉพาะใบรายงานผลการทดสอบหรือการสอบเทียบ

  4. ชื่อและที่อยู่ของลูกค้า

  5. ระบุวิธีการที่ใช้

  6. รายละเอียด เงื่อนไข และการบ่งชี้ตัวอย่าง

  7. วันที่รับตัวอย่าง (ในกรณีที่วิกฤติต่อการยอมรับได้อย่างเป็นทางการ และการใช้ประโยชน์ของผลการสอบเทียบ) และวันที่ทำการสอบเทียบ

  8. ผลการสอบเทียบพร้อมกับหน่วยของการวัด

  9. ชื่อ ตำแหน่ง และลายมือชื่อ หรือระบุบุคคลที่เทียบเท่าที่มีอำนาจลงนาม

  10. มีข้อความว่าผลที่ได้นั้นรายงานเฉพาะตัวอย่างที่ทำการทดสอบหรือสอบเทียบเท่านั้น แล้วแต่กรณี

       หมายเหตุ

  1. ใบรับรองการสอบเทียบฉบับที่เป็นเอกสาร ควรจะรวมหมายเลขหน้า และจำนวนหน้าของทั้งหมดด้วย

  2. มีข้อแนะนำว่าห้องปฏิบัติการควรจะรวมประโยคที่ระบุว่า “รายงานผลการทดสอบหรือรายงานผลการสอบเทียบ จะต้องไม่นำไปคัดถ่ายเพียงบางส่วน ยกเว้นฉบับสมบูรณ์ โดยมิได้รับอนุมัติจากห้องปฏิบัติการ”

ในกรณีที่จำเป็นต้องตีความผลการสอบเทียบ ใบรับรองการสอบเทียบจะต้องประกอบด้วยสิ่งต่อไปนี้

  1. เงื่อนไข ( เช่น สภาวะแวดล้อม ) การสอบเทียบที่กระทำ ที่จะส่งผลกระทบต่อผลการวัด

  2. ความไม่แน่นอนของการวัด และ/หรือข้อความที่แสดงความเป็นไปตามข้อกำหนดจำเพาะทางมาตรวิทยา

  3. หลักฐานที่แสดงว่าผลการวัดมีความสามารถสอบกลับได้

ตัวอย่าง

วิธีการอ่านใบ Certificate ของบริษัท แคลิเบรชั่น แลบอราทอรี จำกัด
 

 

CERTIFICATE OF CALIBRATION

For

NOMENCLATURE : ชื่อเครื่องมือที่ถูกสอบเทียบ

MANUFACTURER : ชื่อผู้ผลิตเครื่องมือ

MODEL / TYPE : ชนิด / รุ่น / แบบ ของเครื่องมือที่ถูกสอบเทียบ

SERIAL NO. : หมายเลขเครื่องมือ (หมายเลข Code ควบคุมภายในลูกค้า)

CLID NO. : หมายเลขควบคุมเครื่องมือของ CLC

JOB CONTROL NO. : หมายเลขควบคุมของงาน CLC

CUSTOMER : ชื่อ ที่อยู่ ของลูกค้า

DATE OF RECEIVED : วัน / เดือน / ที่รับเครื่องมือเข้ามาในระบบ

DATE OF ISSUED : วัน / เดือน / ปี ที่ออกรายงานผลการสอบเทียบ

The report of calibration shall not be reproduced except in full without approval of the calibration Laboratory Co.,Ltd. : รายงานผลต้องไม่ถูกใช้เฉพาะเพียงบางส่วน ยกเว้นใช้ทั้งฉบับโดยต้องได้รับความยืนยันจากห้องปฏิบัติการ

Calibrated By : XXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXX : (Calibration Engineer)

ชื่อผู้สอบเทียบ  : XXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXX : (ตำแหน่ง)

Approved By : ชื่อตำแหน่งและลายมือชื่อของผู้ที่มีอำนาจลงนามของห้องปฎิบัติการ (Authorized Signatory) วัน / เดือน / ปี

This Calibration Certificate Documents the traceability to national standard, which realize the units of measurement according to the international System of Units (SI) : รายงานผลการสอบเทียยสามารถสอบเทียบย้อนกลับไปยังมาตรฐานระดับนานาชาติ ซึ่งหย่ายของการวัดสอดคล้องกับระบบการวัด SI Units

Certificate No. XXXXXXXXXXXXXX : เลขที่ใบรายงานผลการสอบเทียบ

Page 1 of 3 : การบ่งชี้ลำดับหน้า / จำนวนหน้าทั้งหมดของใบรายงานผลการสอบเทียบฉบับนี้

 

REPORT OF CALIBRATION

 

For

NOMENCLATURE : ชื่อเครื่องมือที่ถูกสอบเทียบ

MANUFACTURER : ชื่อผู้ผลิตเครื่องมือ

MODEL / TYPE : ชนิด / รุ่น / แบบ ของเครื่องมือที่ถูกสอบเทียบ

SERIAL NO. : หมายเลขเครื่องมือ (หมายเลข Code ควบคุมภายในลูกค้า)

DATE OF CALIBRATION : วัน / เดือน / ปี ที่ถูกสอบเทียบ

ENVIRONMENT CONDITIONS : เงื่อนไขสภาวะแวดล้อมที่ทำการสอบเทียบของห้องปฏิบัติการ

PROCEDURE USED : รายละเอียดวิธีการสอบเทียบ

REFERENCE STANDARD USED : อ้างถึง ”ตัวเครื่องมือมาตรฐานที่ใช้ในการสอบเทียบ”

  1. รายชื่อเครื่องมือมาตรฐานที่ใช้ในการสอบเทียบที่ระบุเฉพาะตัว (ตัวที่ 1)

  2. รายชื่อเครื่องมือมาตรฐานที่ใช้ในการสอบเทียบที่ระบุเฉพาะตัว (ตัวที่ 2)

  3. รายชื่อเครื่องมือมาตรฐานที่ใช้ในการสอบเทียบที่ระบุเฉพาะตัว (ตัวที่ 3)

TRACEABILITY : อ้างถึง “ความสามารถสอบกลับได้ของการสอบเทียบ”

  1. ชื่อห้องปฏิบัติการที่สอบเทียบเครื่องมือมาตรฐาน,หมายเลข Certificate ของเครื่องมือมาตรฐาน, วันครบกำหนดสอบเทียบของเครื่องมาตรฐาน (ตัวที่ 1)

  2. ชื่อห้องปฏิบัติการที่สอบเทียบเครื่องมือมาตรฐาน,หมายเลข Certificate ของเครื่องมือมาตรฐาน, วันครบกำหนดสอบเทียบของเครื่องมาตรฐาน (ตัวที่ 2)

  3. ชื่อห้องปฏิบัติการที่สอบเทียบเครื่องมือมาตรฐาน,หมายเลข Certificate ของเครื่องมือมาตรฐาน, วันครบกำหนดสอบเทียบของเครื่องมาตรฐาน (ตัวที่ 3)

UNCERTAINTY : อ้างถึง “มาตรฐานที่ใช้ในการประเมินความไม่แน่นอนของการสอบเทียบ”

Certificate No. XXXXXXXXXXXXXX : เลขที่ใบรายงานผลการสอบเทียบ

 

 

 

CONDITION OF CALIBRATION ITEM : GOOD : สภาพสถานะของเครื่องมือที่สอบเทียบ

MEASUREMENT RESULTS : (X) without adjustment  ( ) adjustment : รายงานผลการสอบเทียบ

ตารางแสดงข้อมูลผลการสอบเทียบ

Uncertainty of measurement result ± …  : ความไม่แน่นอนของการสอบเทียบ

This report is valid for the above stated instrument/s only. : แสดงข้อความที่ระบุว่า “รายงานนี้มีผลเฉพาะเครื่องมือที่นำมาสอบเทียบเท่านั้น”

End of Certificate ### : ใบรายงานผลการสอบเทียบระบุหน้าสุดท้ายอย่างชัดเจน

หากคุณยังไม่ได้อ่านบทความหลักเกี่ยวกับ “การสอบเทียบเครื่องมือวัดคืออะไร” สามารถกลับไปศึกษาข้อมูลเบื้องต้นได้ที่: การสอบเทียบเครื่องมือวัดคืออะไร

สอบเทียบเครื่องมือวัด คืออะไร

เจาะลึก Granite Surface Plate รู้จักทุกส่วนและเคล็ดลับการดูแลให้ใช้งานยาวนาน

Granite Surface Plate

       หากจะกล่าวถึงเครื่องมือวัดอีกชนิดที่ชื่อ โต๊ะระดับหินแกรนิต, โต๊ะหินแกรนิต หรือ โต๊ะระดับหิน  คงจะไม่มีใครที่อยู่ในสายงานประเภทห้องปฎิบัติการสอบเทียบ หรือ โรงงานอุตสาหกรรมไม่รู้จัก วันนี้เรามาทำความรู้จักกับเจ้า โต๊ะระดับหินแกรนิต กันให้มากยิ่งขึ้นไปอีกสักหน่อย หลังจากที่เคยพูดถึง Grade ของโต๊ะระดับหินกันมาแล้ว ทบทวนกันซักหน่อย..เจ้าเครื่องมือชนิดนี้มีไว้สำหรับวางชิ้นงาน, เครื่องมือวัด หรือ แม่พิมพ์ เพื่อใช้เป็นระนาบอ้างอิงของสิ่งที่จะนำมาวัด เพราะฉะนั้น Granite Surface Plate ที่นำมาใช้งาน จึงจำเป็นต้องให้ความสำคัญกับเรื่องความเรียบผิว (Flatness) เป็นอย่างมากที่สุด

Surface Plate ที่นิยมใช้งาน จะทำจากวัสดุอยู่ 2 ชนิด

  1. Cast iron (เหล็กหล่อ)

  2. Black Granite (หินแกรนิตสีดำ)

โต๊ะระดับเหล็กหล่อ จะพบเห็นได้บ่อยในโรงงานอุตสาหกรรมเกี่ยวกับแม่พิมพ์ และชิ้นงานที่มีขนาดใหญ่และน้ำหนักมาก เนื่องจากเหล็กหล่อที่นำมาใช้ทำแผ่นพื้นผิวเเป็นเหล็กที่มีคุณภาพสูง รับน้ำหนักได้มาก ราคาจะถูกว่าแบบที่ทำด้วย Granite (เทียบขนาดและเกรดเท่ากัน) แต่ก็มีข้อเสียคือ โต๊ะระดับเหล็กหล่อ Cast iron หากมีสิ่งของหรือชิ้นงานตกกระแทกแรงๆ จะทำให้เกิดรอยนูนขึ้นมาบริเวณที่ตกกระทบ มากหรือน้อยขึ้นอยู่กับแรง,ขนาด และน้ำหนักที่มากระทบ และเกรดของเหล็กที่นำมาใช้  ข้อเสียอีกอย่างคือ ดูแลรักษายาก เพราะมันเกิดสนิมได้ง่าย ถ้าไม่ดูแลให้ถูกวิธี

 

โต๊ะระดับหินแกรนิตสีดำ จะพบเห็นได้บ่อยกว่า โต๊ะระดับเหล็กหล่อ แท่นระดับหินแกรนิตนั้น เก็บรักษาได้ง่ายกว่า หากดูแลอย่างถูกวิธี จะมีอายุการใช้งานที่ยาวนานกว่าและแน่นอนไม่เกิดสนิม แต่ราคาค่าตัวก็อาจจะสูงกว่า Cast iron (เทียบขนาดและเกรดเดียวกัน) ข้อเสียคือ หากมีสิ่งของ ชิ้นงาน ตกกระแทก จะทำให้เกิดจุดยุบตัว หรือเกิดรอยแตก แต่รอยที่แตกจะไม่นูนขึ้นมาเหมือนเหล็ก กล่าวคือ ถ้ารอยแตกนั้นไม่ใหญ่ ผิวของแกรนิตโดยรวมก็ยังคงความระนาบและความเรียบตามเกรดของมันอยู่

ตัวอย่าง ตารางเทียบเกรด Granite Surface Plate ของ Mitutoyo

อีกส่วนหนึ่งที่มีความสำคัญไม่น้อยคือ ขาตั้งและฐานรองของโต๊ะระดับ นอกจากจะต้องมีความมั่นคงแข็งแรงแล้ว ก็ควรเลือกขาตั้งที่มีจุดรับ 3 จุด ตามตำแหน่งที่ผู้ผลิตได้กำหนดไว้ เพื่อการปรับตั้งระดับที่ง่ายและปลอดภัย ส่วนจุดรับที่มีมากกว่า 3 มีไว้เพื่อความมั่นคงแข็งแรง แต่จุดที่ใช้ในการปรับตั้งจะอยู่ใน 3 จุด เท่านั้น ดังตัวอย่างตามรูปด้านล่าง

พื้นที่ในการวาง เครื่องมือวัด โต๊ะระดับหินแกรนิต หรือ Cast Iron Surface Plate นั้น พื้นต้องมีความมั่นคง ไม่สั่นสะเทือน ถ้าเป็นห้องที่ควบคุมอุณหภูมิและความชื้น ตัวอย่างเช่น ห้อง QC จะดีมากและควรติดตั้งให้สามารถเดินใช้งานได้รอบๆโต๊ะ เพื่อความสะดวกในการใช้งานและเพื่อกระจายจุดใช้งานให้ทั่ว การใช้งานแค่จุดใดจุดนึงเป็นเวลานานๆจะทำให้จุดนั้นเกิดการสึกหรอมากกว่าจุดอื่น ส่งผลให้ค่าความเรียบผิวอาจไม่เป็นไปตามมาตรฐาน

ข้อควรระวังและการดูแลรักษา

  • ก่อนและหลังใช้งาน ควรทำควมสะอาดพื้นผิวของ Surface Plate ด้วยผ้าสะอาด กับแอลกอฮอล์ เช็ดไปในทิศทางเดียวกัน เพื่อป้องกันรอยจากการเช็ดถู
  • ก่อนนำเครื่องมือ หรือ ชิ้นงานขึ้นมาบนโต๊ะระดับ ควรทำความสะอาดก่อน เพื่อป้องกันสิ่งสกปรกติดขึ้นมาบนโต๊ะระดับ
  • การนำเครื่องมือ หรือ ชิ้นงานขึ้นมาบนโต๊ะระดับ ต้องคำนึงถึงเรื่องน้ำหนัก และ ความเสียหายของพื้นผิวของโต๊ะระดับให้ดี
  • หลังจากใช้งานแล้ว ไม่ควรวางสิ่งของหรือแม้กระทั้งเครื่องมือและชิ้นงานบนโต๊ะระดับ
  • หลังจากใช้งานเสร็จในแต่ละวัน ถ้าเป็นไปได้ ให้หาผ้าคลุมไว้ก็จะยิ่งดี เพื่อป้องกันสิ่งสกปรก
  • หมั่นตรวจสอบความมั่นคงของขาตั้ง และสอบเทียบ Surface Plate อย่างสม่ำเสมอ

(ตรวจสอบความมั่นคงของขาตั้งก่อนใช้งาน, สอบเทียบ Surface Plate อย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง)

สุดท้ายนี้ก็ขอฝากไว้ครับ ทางบริษัท Calibration Laboratory Co.,Ltd. หรือ CLC มี บริการสอบเทียบเครื่องมือวัด แผ่นพื้นผิว Granite/Cast Iron  ในรูปแบบ Accredit ISO/IEC 17025:2017 ได้ทุกขนาด และยังเป็นตัวแทนจำหน่ายอีกด้วย ลองติดต่อสอบถามกันเข้ามาได้เลยครับ แล้วพบกันใหม่ครั้งหน้าครับ…ขอบคุณครับ

MKS

 

 

ขอใบเสนอราคา   ติดต่อเรา 

บริการสอบเทียบ Dimension

ไขความลับ Pressure Switch (สวิตช์ความดัน) ลักษณะเด่นและวิธีการสอบเทียบ

Pressure Switch

                การทำงานของ Pressure Switch (สวิตช์ความดัน) จะมีลักษณะการทำงานที่คล้ายคลึงกับ Switch เปิด-ปิด ของ Pressure กล่าวคือ เมื่อตัวสวิตช์ความดัน วัดค่าของ Pressure ได้ถึงค่าที่กำหนด จะมีการส่งสัญญาณออกมา โดยที่สัญญาณที่ส่งออกจากสวิตช์ความดัน จะเป็นค่าของความต้านทานที่เปลี่ยนแปลงไป เนื่องจากมีการทำงานของ Switch หรือ Relay ภายในตัวสวิตช์ความดัน ตามภาพตัวอย่างด้านล่าง

จากในรูป เป็นตัวอย่างการทำงานของสวิตช์ความดัน มีค่าที่ Set ไว้ที่ 5 bar โดยที่ในขณะที่สวิตช์ความดัน วัดค่าของ Pressure ที่ยังมีค่าน้อยกว่า < 5 bar สามารถสังเกตได้ว่าเครื่องมือมีสถานะของสวิตช์อยู่ที่ NC หรือ ปกติปิด (Normal Close) แต่ถ้ากรณีที่สวิตช์ความดัน วัดค่าของ Pressure ได้มากกว่า >5 bar จะทำให้สวิตช์ความดันมีสถานะของสวิตช์อยู่ที่ NO หรือ ปกติเปิด (Normal Open)

สวิตช์ความดัน มักจะถูกใช้ในลักษณะงานที่ต้อง Setting ค่าของ Pressure ที่ต้องการเพื่อให้มีการส่งสัญญาณ Output ออกไปยังอุปกรณ์อื่น ที่รับสัญญาณไปใช้งานหรือนำไปประมวลผลต่อไป ยกตัวอย่างการใช้งาน เช่น

  • ใช้วัดค่า Pressure ของน้ำในท่อส่งน้ำเข้า Line ผลิต เมื่อน้ำในท่อมี Pressure ตามระดับที่ต้องการ ให้สวิตช์ความดันส่งสัญญาณ ให้ Pump เริ่มทำงานสูบน้ำเข้าระบบการผลิด
  • ใช้วัดค่า Pressure ของไอน้ำ Steam ในเตาอบชิ้นงาน เมื่อแรงดัน Pressure ของไอน้ำ Steam มีค่า Pressure ถึงระดับที่กำหนดแล้ว ให้สวิตช์ความดันส่งสัญญาณ ให้วาล์วเริ่มปล่อยแรงดัน Pressure ของไอน้ำ Steam ออกจากเตาอบชิ้นงาน

 

สวิตช์ความดันในงานอุตสาหกรรม

จะมีแบบที่พบได้ทั่วไปในงานอุตสาหกรรม อยู่ 3 แบบ คือ

  1. แบบที่มี Scale บอกค่าของ Pressure
  2. แบบไม่มี Scale แสดงค่าของ Pressure ที่ Set ไว้เพื่อใช้งาน
  3. มีลักษณะเป็น Pressure Gauge หรือ Digital Pressure Gauge

1. สวิตช์ความดัน แบบ มี Scale บอกค่าของ Pressure ที่ตัวเครื่องของสวิตช์ความดัน ต้องทำการ Set ค่าเอาไว้

การสอบเทียบ สามารถกำหนดจุดสอบเทียบตาม Point ที่ Set มากับตัวเครื่อง 1 Point
เกณท์การยอมรับ (MPE) สามารถดูที่คู่มือแต่ละรุ่น ขึ้นอยู่กับบริษัทผู้ผลิตกำหนด โดยส่วนมาก ผู้ผลิตจะกำหนดค่าเป็นค่า Set Point Repeatability

2.สวิตช์ความดัน แบบ ไม่มี Scale แสดงค่าความดันที่ Set ไว้เพื่อใช้งาน ที่ตัวเครื่องของสวิตช์ความดัน ต้องทำการ Set ค่าเอาไว้

การสอบเทียบ สามารถกำหนดจุดสอบเทียบตาม Point ที่ set มากับตัวเครื่อง 1 Point
เกณท์การยอมรับ (MPE)  สามาถดูที่คู่มือแต่ละรุ่น ขึ้นอยู่กับบริษัทผู้ผลิตกำหนด โดยส่วนมาก ผู้ผลิตจะกำหนดค่าเป็นค่า Set Point Repeatability

การสอบเทียบ สามารถกำหนดจุดสอบเทียบตาม แบบเดียวกันกับ Pressure Gauge และ Digital Pressure Gauge
เกณท์การยอมรับ (MPE) สามารถใช้เกณท์การยอมรับเดียวกับ Pressure Gauge และ Digital Pressure Gauge  ดูที่คู่มือแต่ละรุ่น ขึ้นอยู่กับบริษัทผู้ผลิตกำหนด

 

ผู้เขียน L1 Pressure

 

 

 

 

ขอใบเสนอราคา  ติดต่อเรา

พูดคุยกับเรา

บริการสอบเทียบเครื่องมือวัด  ซื้อเครื่องมือวัด

 

ทำไมต้องใช้ประแจวัดแรงบิด TMNH-SERIES

ในโลกของงานซ่อมบำรุงและอุตสาหกรรมที่ต้องการความแม่นยำ การใช้งาน เครื่องมือวัด ที่สามารถวัดและควบคุมแรงบิดได้อย่างถูกต้องเป็นสิ่งสำคัญ เนื่องจาก ประแจวัดแรงบิดช่วยให้สามารถควบคุมแรงขันน็อตหรือสกรูได้อย่างแม่นยำตามค่าที่กำหนด ซึ่งจำเป็นในงานที่ต้องการมาตรฐานสูง ป้องกันความเสียหายจากการที่ขันน็อตหรือสกรูด้วยแรงที่มากเกินไปทำให้ชิ้นส่วนเกิดการแตกหักหรือเสียหาย และยังช่วยให้ช่างทำงานได้รวดเร็วและแม่นยำ และลดโอกาสที่ต้องแก้ไขงานที่ทำผิดพลาด ประแจวัดแรงบิด (Torque Wrench) เป็นนวัตกรรมที่ออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์การทำงานเหล่านี้ ด้วยคุณสมบัติที่ทันสมัยและความแม่นยำสูง ทำให้เป็นเครื่องมือที่ขาดไม่ได้ในงานที่ต้องการความละเอียดรอบคอบ

คุณสมบัติเด่นของประแจวัดแรงบิด TMNH-SERIES

1.หน้าจอแสดงค่าชัดเจน

ประแจชนิดนี้มาพร้อมหน้าจอที่แสดงค่าการตั้งแรงบิดในรูปแบบตัวเลขมองเห็นชัดเจน ทำให้ผู้ใช้งานสามารถตั้งค่าแรงบิดได้ตามความต้องการอย่างแม่นยำ เมื่อถึงค่าแรงบิดที่กำหนดไว้ ประแจจะส่งเสียง “คลิก” พร้อมให้แรงต้านเล็กน้อย เพื่อแจ้งให้ทราบว่าได้แรงบิดที่เหมาะสมแล้ว

2.ช่วงแรงบิดและความแม่นยำที่หลากหลาย

ประแจรุ่นต่าง ๆ มีช่วงแรงบิดและความแม่นยำให้เลือกใช้งาน ตัวอย่างเช่น:

    • T3MN20H: แรงบิด 4–20 นิวตันเมตร (N·m) น้ำหนักเบา เหมาะสำหรับงานที่ใช้แรงบิดต่ำ
    • T3MN50H: แรงบิด 10–50 นิวตันเมตร (N·m) ขนาดกระทัดรัด รองรับการยึดน็อต M10 และ M8
    • T4MN100H: แรงบิด 20–100 นิวตันเมตร (N·m) เหมาะกับการยึดน็อตขนาด M12–M14 ในงานที่ต้องการแรงบิดปานกลาง
    • T4MN200H: แรงบิด 40–200 นิวตันเมตร (N·m) รองรับการยึดน็อตขนาดใหญ่ เช่น M14–M16
    • T6MN300H: แรงบิด 40–300 นิวตันเมตร (N·m) รุ่นที่รองรับงานอุตสาหกรรมหนักและการใช้งานน็อตที่มีแรงดึงสูง
      Models Torque Range
      (N-m)
      Incre-ments Units Sq.dr A
      (mm)
      Dimensions (mm) Hand force at Max. torque
      (N)
      Suitable bolt Qty./ Carton Weight (kg) Case Dimensions
      B H T L Ordinary High strength
      T3MN20H 4∼20 0.2 N· m 9.5 24.0 21.4 10.4 253 110 M6∼M8 M5∼M6 1 0.30 355X97X75
      T3MN25H 5∼25 0.2 N· m 9.5 24.0 21.4 10.4 253 138 M6∼M8 M5∼M6 1 0.30 355X97X75
      T3MN50H 10∼50 0.5 N· m 9.5 36.0 26.3 14.0 308 227 M10 M8 1 0.52 355x97x75
      T4MN50H 10∼50 0.5 N· m 12.7 36.0 30.0 14.0 308 227 M10 M8 1 0.55 355 x 97 x 75
      T3MN100H 20∼100 1 N· m 9.5 36.0 26.3 14.0 387 335 M12∼M14 M10 1 0.75 505X97X75
      T4MN100H 20∼100 1 N· m 12.7 36.0 30.0 14.0 387 335 M12∼M14 M10 1 0.77 505X97X75
      T4MN140H 30∼140 1 N· m 12.7 36.0 30.0 14.0 450 388 M14 M10∼M12 1 0.82 505 x 97 x 75
      T4MN200H 40∼200 2 N· m 12.7 45.2 34.0 17.8 526 474 M14∼M16 M12 1 1.33 765X97X75
      T4MN300H 40∼300 2 N· m 12.7 45.2 34.0 17.8 716 491 M14∼M20 M12∼M14 1 1.84 765 x 97 x 75
      T6MN300H 40∼300 2 N· m 19.0 45.2 40.5 17.8 716 491 M14∼M20 M12∼M14 1 1.85 765X97X75

3. ฟังก์ชันปรับเปลี่ยนหัวจับง่าย

การเปลี่ยนหัวจับ หรือซ็อกเก็ต(Socket)ทำได้อย่างรวดเร็ว เพียงกดปุ่มเดียว เหมาะสำหรับการทำงานที่ต้องการความรวดเร็วและคล่องตัว

4. การออกแบบที่รองรับการใช้งานระยะยาว

ประแจนี้ออกแบบให้มีความแม่นยำ ± 3% และยังสามารถคงประสิทธิภาพได้ยาวนานหากดูแลรักษาอย่างเหมาะสม การปรับเทียบค่าและตรวจสอบประสิทธิภาพทุก ๆ 10,000 ครั้ง หรือปีละครั้ง จะช่วยยืดอายุการใช้งาน

สเปคของ ประแจวัดแรงบิด TMNH-SERIES

รุ่น ช่วงแรงบิด (N·m) ความแม่นยำ ± (%) น็อตที่เหมาะสม น้ำหนัก (กก.) ขนาด (มม.)
T3MN20H 4–20 3% M6–M8 0.30 355×97×75
T3MN50H 10–50 3% M10, M8 0.52 355×97×75
T4MN100H 20–100 3% M12–M14 0.77 505×97×75
T4MN200H 40–200 3% M14–M16 1.33 765×97×75
T6MN300H 40–300 3% M14–M20 1.85 765×97×75

การใช้งานในอุตสาหกรรม

  • งานซ่อมบำรุงรถยนต์
  • งานประกอบชิ้นส่วนเครื่องจักรในโรงงาน
  • งานวิศวกรรมที่ต้องการความปลอดภัยสูง

ข้อควรระวัง

  • หลีกเลี่ยงการกระแทกแรง ๆ ที่อาจทำให้กลไกเสียหาย
  • ใช้งานเฉพาะกับหัวจับมาตรฐานเท่านั้น

สรุป

ประแจวัดแรงบิดเป็นเครื่องมือที่ตอบโจทย์ความต้องการในยุคปัจจุบัน ด้วยคุณสมบัติการวัดที่แม่นยำ การใช้งานที่สะดวก และรองรับงานหลากหลายประเภท ไม่ว่าจะเป็นงานประกอบเครื่องจักร หรือซ่อมบำรุงทั่วไป การมีเครื่องมือนี้อยู่ในชุดอุปกรณ์ จะช่วยให้การทำงานมีประสิทธิภาพและปลอดภัยยิ่งขึ้น

ในส่วนของตัว Torque Wrench Brand TONE นี้ยังมีหลากหลายรุ่นให้ได้เลือกใช้เอาไว้รอบหน้าจะมาแนะนำรุ่นอื่นๆ อีก ฝากติดตามกันต่อไปด้วยนะคะ รับรองว่ามีข้อมูลที่น่าสนใจมาฝากกันแน่นอนค่ะ รอบนี้ฝากไว้เท่านี้นะคะ ขอบคุณค่ะ

ผู้เขียน BDS Team

 

 

 

 

ขอใบเสนอราคา  ติดต่อเรา

พูดคุยกับเรา

บริการสอบเทียบเครื่องมือวัด  ซื้อเครื่องมือวัด

การดูแลรักษาเพื่อยืดอายุการใช้งานมิเตอร์วัดค่า LCR Meter

เครื่องมือมิเตอร์วัดค่า  LCR  (LCR Meter)

LCR Meter เครื่องวัดแอลซีอาร์ คือ เครื่องมือที่ใช้วัดกับงานด้านไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์โดยตรงที่จะต้องมีเครื่องนี้เพื่อใช้สำหรับวัดวงจรไฟฟ้าภายในอุปกรณ์ต่างๆ โดยทั่วไปแล้วอุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้าจะมีวงจร อยู่ภายในหลัก ๆ ประมาณ 3 ชนิดและแบ่งตามหน้าที่ คือ

  1. ชนิดที่ทำหน้าที่เป็นตัวเหนี่ยวนำ เรียกว่า L (Inductance) 
  2. ชนิดที่เป็นตัวทำหน้าที่เก็บประจุ เรียกว่า C (Capacitance)
  3. ชนิดที่ทำหน้าที่เป็นตัวต้านทาน เรียกว่า R (Resistance) จึงจำเป็นจะต้องมีเครื่องวัดแอลซีอาร์เพื่อใช้ในการวัดอุปกรณ์ภายในของวงจรไฟฟ้า

ประเภทและหลักการทำงานของ มิเตอร์วัดค่า LCR

มิเตอร์วัดค่า แบ่งออกเป็น 2 ประเภท  โดยหลักๆ ที่นิยมใช้งานกันส่วนใหญ่จะเป็นแบบพกพา (Hand Held)

  1. มิเตอร์วัดค่า LCR แบบพกพา (Hand held) ลักษณะทั่วไปของเครื่องมือจะมีขนาดเล็ก สามารถเคลื่อนย้ายได้ตามหน้างานที่ต้องอาศัยความคล่องตัว ซึ่งใช้กับงานที่ทดสอบความถี่ที่ไม่สูงมากเช่น 100 kHz ความถูกต้องแม่นยำอยู่ใน 2% เป็น 0.1%

  2. มิเตอร์วัดค่า LCR แบบตั้งโต๊ะ (Portable) ลักษณะโดยทั่วไปจะมีนำหนักเยอะกว่าแบบมือถือ ไม่นิยมเคลื่อนย้ายเนื่องจากมีค่าความละเอียดและแม่นยำสูง นิยมใช้ใน Lab หรือห้องทดสอบต่างๆ และใช้สำหรับการวัดงานที่ทดสอบความถี่สูงมากกว่า 100 kHz ความแม่นยำในการวัด 0.01%

ทำไมต้อง สอบเทียบเครื่องมือวัด ??

เครื่องมือที่มีการใช้งานอยู่นั้นโดยลักษณะทั่วไปจะส่งผลต่อค่าที่อ่านได้แม่นยำหรือไม่แม่นยำทางผู้ใช้งานจะทราบได้ก็ต่อเมื่ออ่านค่าไม่ตรง มีผลการสอบเทียบเกินเกณฑ์การยอมรับ (MPE) ที่ตั้งไว้ ซึ่งส่งผลโดยตรงเกี่ยวกับความปลอดภัยของผู้ใช้งานและคนรับผิดชอบเกี่ยวกับงานนั้นๆ เพราะอย่างนั้นแล้วควรมีการสอบเทียบเครื่องมือเป็นประจำกับห้องแลปที่มีเครื่องมือมาตรฐานเพื่อให้เกิดความมั่นใจและความปลอดภัยของผู้ใช้งาน

Calibration Laboratory Co.,ltd (CLC) ให้บริการสอบเทียบทั้ง In house และ Onsite โดยใช้วิธีการ Direct Measurement ประเภท เครื่องวัดแอลซีอาร์ สามารถ สอบเทียบเครื่องมือวัด ที่ 

  • Capacitance 100 pF – 10 µF
  • Resistance 1Ω – 10 MΩ
  • Inductance 100 µH – 1H

Scope การสอบเทียบเครื่องมือ มิเตอร์วัดค่า  LCR   คลิก

การดูแลรักษาเพื่อยืดอายุการใช้งาน เครื่องมือ มิเตอร์วัดค่า (LCR Meter)

  1. ก่อนใช้งานของ เครื่องมือวัด ควรเช็คขีดความสามารถของเครื่องวัดแอลซีอาร์ ว่าสามารถอ่านค่าได้มากสุดเท่าไหร่ เหมาะสมกับอุปกรณ์หรือวงจรไฟฟ้าที่เราจะนำไปวัดหรือไม่
  2. หลังการใช้งานควรปรับฟังชั่นให้กลับไปเป็นฟังก์ชั้นเริ่มต้นใช้งานให้ครบทุกฟังก์ชั่นก่อนปิดเครื่อง
  3. จัดเก็บสายไฟหรืออุปกรณ์เข้าที่เป็นระเบียบให้พร้อมใช้งาน

ข้อแนะนำในการส่ง สอบเทียบเครื่องมือวัด กับทาง Calibration Laboratory (CLC)

  1. ตรวจสอบเครื่องวัดแอลซีอาร์ ที่จะใช้ในการสอบเทียบว่าเปิดติดหรือไม่ และต้องอยู่ในสภาพที่พร้อมใช้งาน 
  2. นำอุปกรณ์เสริมของเครื่องมือมาพร้อมกับตัวเครื่อง เช่นสายไฟที่จะใช้ในการวัดค่า
  3. กรณีที่เป็นเครื่องวัดแอลซีอาร์ แบบตั้งโต๊ะ ควรมีความระมัดระวังเป็นอย่างสูงควรใส่กล่องกันกระแทกด้วยก่อนเคลื่อนย้าย หรือหากเคลื่อนย้ายเครื่องมือไม่สะดวก ควรให้ทาง Lab สอบเทียบ ออกไปสอบเทียบ ณ โรงงาน (Onsite Service)
  4. ควรกำหนดจุดสอบเทียบตามลักษณะการใช้งานปัจจุบัน เพื่อเพิ่มความแม่นยำของการสอบเทียบและตรงความต้องการในการใช้งาน

MKS

 

 

 

 

ขอใบเสนอราคา  ติดต่อเรา

พูดคุยกับเรา

บริการสอบเทียบเครื่องมือวัด  ซื้อเครื่องมือวัด

 

การใช้งานเกจวัดความหนา (Feeler Gauge)และ ข้อควรระวัง

สวัสดีท่านผู้อ่านทุกท่านพบกันอีกครั้งแล้วนะคะ วันนี้ทางผู้เขียนก็มีเครื่องมือมาแนะนำกันอีกเช่นเคยค่ะ เครื่องมือวัดตัวนี้ต้องบอกก่อนเลยว่าเป็นเครื่องมือที่นำมาใช้เป็นตัวตั้งวาล์วรถมอเตอร์ไซค์และรถยนต์ หรือจะนำไปใช้วัดอย่างอื่นก็ได้เช่นกัน ซึ่งโดยหลักๆแล้วเจ้าตัวเครื่องมือนี้จะใช้วัดความห่างของช่องว่างโดยใช้การสอดแผ่นโลหะแต่ละขนาดสอดเข้าไปในช่องว่างทีละแผ่น แผ่นที่แน่นพอดีไม่หลวมเกินไปคือระยะห่างโดยประมาณของช่องว่างนั้น ท่านผู้อ่านพอจะนึกออกกันหรือยังคะว่าเครื่องมือที่ผู้เขียนจะแนะนำวันนี้คือ เกจวัดความหนา เราไปติดตามกันเลยค่ะ

จากรูปท่านผู้อ่านคงเห็นและพอรู้จักกันบ้างแล้วใช่ไหมคะว่าเครื่องมือที่กล่าวถึงนั้นคือ เกจวัดความหนา วันนี้เราจะมาดูประโยชน์และการใช้งานและการบำรุงรักษาเครื่องมือชนิดนี้กันค่ะ

รูปที่ 1 แสดงลักษณะของฟิลเลอร์เกจ

เกจวัดความหนา (Feeler Gauge)

เครื่องมือวัด เกจวัดความหนาหรือที่เรานิยมเรียกกันว่า ฟิลเลอร์เกจ (Feeler Gauge) เครื่องมือวัดตัวนี้ส่วนใหญ่จะผลิตจากเหล็กกล้าที่ต้องนำไปอบแล้วนำไปชุบแข็ง ผลิตออกมาเป็นแผ่นบางๆเรียบๆ คล้ายกับไม้พายวางซ้อนๆกันตามขนาดความหนาของแต่ละใบแล้วนำมาจัดเป็นชุดๆ โดยมีสกรูยึดไว้ให้เป็นด้ามติดกัน ลักษณะของใบจะมีความสปริงตัวเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการบิดตัวหรืองอตัวได้ง่าย และแต่ละใบก็จะมีขนาดความหนาที่แตกต่างกันออกไปและจะมีการสลักหรือเลเซอร์ขนาดความหนาไว้บนใบแต่ละใบเพื่อไม่ให้ผู้ใช้งานสับสน

รูปที่ 2 แสดงตัวเลขกำกับขนาด

ตามรูปที่ 2 จะเป็นการแสดงให้เห็นว่าฟิลเลอร์เกจแต่ละใบนั้นมีขนาดความหนาเท่าไรบ้าง ตัวเลขขนาดความหนากำกับไว้ทั้งในหน่วยอังกฤษ (นิ้ว) และเมตริก (มิลลิเมตร) ตัวเลขด้านบนเป็นหน่วยอังกฤษมีหน่วยเป็นนิ้วหรือฟิลเลอร์นิ้ว ส่วนด้านล่างเป็นหน่วยเมตริกมีหน่วยเป็นมิลลิเมตร และยังมีการสลักทั้งแนวตั้งและแนวนอนอีกด้วย

ซึ่งเครื่องมือที่ขายโดยทั่วไปในท้องตลาดบ้านเราปัจจุบันนี้จะมีลักษณะไม่แตกต่างกันมาก แต่จะต่างกันตรงที่แต่ละรุ่นนั้นจะมีความสั้นความยาว และจำนวนขนาดความหนาหรือจำนวนใบไม่เท่ากันนั่นเอง

ฟิลเลอร์เกจใช้ทำอะไรได้บ้าง

  1. สามารถใช้สำหรับตรวจสอบการแอ่น การโก่งของแผ่นเพลตได้
  2. วัดความโก่งของฝาสูบและเสือสูบ
  3. นำมาใช้เป็นตัวตั้งวาล์วรถมอเตอร์ไซค์และรถยนต์
  4. ใช้ตั้งระยะห่างของวาล์วไอดี และวาล์วไอเสียเพื่อการปรับแต่งเครื่องยนต์
  5. ใช้วัดความหนาของช่องว่างต่างๆ เช่น ระยะห่างของปากแหวนลูกสูบ

โดยส่วนใหญ่ที่กล่าวไปนั้นจะเป็นการใช้วัดชิ้นส่วนของเครื่องยนต์เป็นส่วนใหญ่นอกจากนี้ยังมีงานอีกมากมายที่สามารถนำฟิลเลอร์เกจไปใช้วัดได้เช่นกัน

การใช้งานฟิลเลอร์เกจ

  1. ต้องทำความสะอาดฟิลเลอร์เกจและชิ้นงานที่ต้องการทำการวัดให้สะอาด
  2. วางชิ้นงานที่ต้องการวัดบนพื้นผิวที่เรียบขณะทำการวัด
  3. ทำการเลือกขนาดแผ่นความหนาของ เครื่องมือวัด ประเภทฟิลเลอร์เกจที่ต้องการใช้
  4. สอดฟิลเลอร์เกจเข้าไประหว่างช่องว่างจากนั้นค่อยๆดึงฟิลเลอร์เกจออกมา
  5. ขณะที่ดึงฟิลเลอร์เกจออกมาให้สังเกตว่าหากมีความแน่นและความฝืดที่พอเหมาะนั่นแสดงว่าระยะห่างของช่องว่างเท่ากับความหนาของแผ่นฟิลเลอร์เกจที่เรากำลังทำการวัด แต่ถ้ามีความรู้สึกว่ายังหลวมอยู่ให้เลือกแผ่นที่มีความหนามากขึ้นไปเรื่อยๆ
  6. ในกรณีที่เราไม่สามารถทำการวัดขนาดด้วยฟิลเลอร์เกจแผ่นเดียวได้ ก็สามารถใช้ฟิลเลอร์เกจ 2-3 แผ่นมาประกบกันเพื่อทำการวัดได้ แต่ก็ควรใช้ให้น้อยแผ่นมากที่สุดก็จะดีกว่าค่ะ

ข้อควรระวังในการใช้งาน

     ฟิลเลอร์เกจบางแผ่นมีลักษณะเป็นแผ่นบางอาจเกิดการบิดตัวหักงอหรือยับได้ง่ายถ้าใช้อย่างไม่ถูกวิธี ดังนั้นการใช้งานควรคำนึงถึงสิ่งนี้

  1. ทำความสะอาด และตรวจสอบสภาพก่อนการใช้งานทุกครั้ง
  2. ควรเลือกใช้เครื่องมือให้มีขนาดใกล้เคียงกับระยะที่เราต้องการวัดส่วนที่เหลือให้เก็บไว้ในด้ามเพื่อไม่ให้เกิดความเสียหาย
  3. ไม่ควรนำฟิลเลอร์เกจที่มีรอยยับ บิดงอหรือเสียรูปทรงไปใช้วัดชิ้นงาน เพราะจะทำให้ค่าที่วัดออกมามีความคลาดเคลื่อน
  4. ควรใช้แรงให้พอดีในการวัด ไม่ควรดึงหรือดันเครื่องมืออย่างรุนแรงเพื่อป้องกันไม่ให้ดันฟิลเลอร์เกจเกิดความเสียหาย
  5. หลังจากใช้งานเสร็จให้ทำความสะอาดฟิลเลอร์เกจทุกแผ่นแล้วทาน้ำมันกันสนิมและจัดเก็บให้เรียบร้อย

          การใช้งานและการบำรุงรักษาฟิลเลอร์เกจแบบง่ายๆเพียงเท่านี้ทุกท่านก็สามารถมีฟิลเลอร์เกจไว้ใช้งานได้ยาวนานขึ้นแล้วล่ะค่ะ หากท่านใดมีความสนใจส่งสอบเทียบ ทางบริษัท แคลิเบรชั่น แลบอราทอรี จำกัด ของเราก็ยินดีให้บริการ ห้องปฏิบัตการของเราสามารถสอบเทียบ ฟิลเลอร์เกจ โดยใช้  Universal Length Machine (ULM) และได้รับการรับรอง ISO/IEC 17025
ตั้งแต่ Range 0.01 mm – 3.00 mm (ทั้งสมอ และ ANAB) รายละเอียด Scope การสอบเทียบ คลิก

ทั้งนี้บริษัท แคลิเบรชั่น แลบอราทอรี จำกัด ยังมีเครื่องมือชนิดนี้จำหน่ายอีกด้วย หากลูกค้าสนใจสามารถติดต่อสอบถามได้ทุกช่องทางเลยนะคะ

MKS

 

 

 

ขอใบเสนอราคา  ติดต่อเรา

พูดคุยกับเรา

บริการสอบเทียบเครื่องมือวัด  ซื้อเครื่องมือวัด

 

 

 

Pressure Switch เลือกใช้งานอย่างไรให้ถูกประเภท

เครื่องมือวัด Pressure Switch หรือ สวิตช์ความดัน คือ อุปกรณ์ที่ควบคุมความดันที่มีสัญญาณ Out put เป็นแบบดิจิตอล (ON-OFF) ทำหน้าที่ในการตัด และต่อวงจรไฟฟ้าให้มอเตอร์ทำงานหรือหยุดทำงานโดยอัตโนมัติ นิยมใช้กันมากในงาน Pneumatic ที่เกี่ยวกับระบบควบคุมความดันของปั๊มลม Hydraulic หรืออุปกรณ์ที่เกี่ยวกับการจัดการแรงดันในระบบ เป็นต้น จึงจัดได้ว่าเป็นอุปกรณ์ที่มีประโยชน์ในการช่วยเพิ่มความปลอดภัยในการทำงานนอกเหนือไปจากวาล์วระบายความดัน และยังช่วยรักษาตัวอุปกรณ์ ยืดอายุการใช้งานอีกด้วย เหมาะสำหรับใช้งานในทุกประเภทอุตสาหกรรม

หลักการทำงานของ Pressure Switch

เมื่อเปิดให้สวิตช์ความดันทำงานภายใต้ระบบแรงดัน ในสภาวะที่อากาศมีแรงดันต่ำกว่าแรงดันที่ถูก Set ไว้ในระบบ เครื่องมือวัดก็จะต่อวงจรไฟฟ้าผ่านไปยังมอเตอร์ ทำให้มอเตอร์หมุนและผลักดันให้ปั๊มอัดอากาศทำงานตามไปด้วย ต่อมาเมื่ออากาศภายในถังมีความดันสูงตามที่ Set ไว้ Pressure Switch จะทำหน้าที่ตัดวงจรไฟฟ้า ส่งผลให้มอเตอร์หยุดทำงาน และปั๊มอัดอากาศก็จะหยุดทำงานตามไปด้วย เมื่ออากาศภายในถังบรรจุอากาศถูกนำไปใช้ ความดันภายในถังจะต่ำลงจนถึงจุดที่ถูก Set ไว้ สวิตช์ความดัน จะกลับมาทำงานใหม่อีกครั้ง โดยจะต่อวงจรให้มอเตอร์และปั๊มอากาศทำงานต่อไป การทำงานจะสลับกันไปเช่นนี้ตลอดเวลาโดยอัตโนมัติ ถ้าต้องการให้มอเตอร์และปั๊มอากาศหยุดทำงานจะต้องปิดสวิตช์ควบคุมการทำงาน

ประเภทของ สวิตช์ความดัน

          เครื่องมือวัดประเภทสวิตช์ความดัน ประกอบด้วยส่วนของการตรวจจับ (Detector) และสวิตช์ไฟฟ้า สวิตช์จะเปิดและปิดหน้าสัมผัสที่ความดันเฉพาะที่เรียกว่าจุดที่ตั้งไว้ (Set point) จุดที่ตั้งอาจถูกแก้ไขหรือปรับได้ การเลือก เครื่องมือวัด ที่มีจุดสวิตช์ในช่วงความดันใช้งานที่เหมาะสมจึงเป็นสิ่งสำคัญเพื่อให้มั่นใจถึงความแม่นยำและอายุการใช้งานที่ยาวนาน คุณสมบัติและความสามารถที่แม่นยำนั้นขึ้นอยู่กับประเภทของสวิตช์ความดัน

เครื่องมือวัด จะแบ่งออกเป็น 2 ชนิดหลักๆ ได้แก่

  • แบบ Electromechanical : ประกอบด้วยส่วนของการตรวจจับและสวิตช์ไฟฟ้าแบบ Snap-action สามารถใช้ส่วนตรวจจับได้หลายประเภท แต่มีสิ่งหนึ่งที่เหมือนกัน คือ สิ่งนี้เคลื่อนที่เพื่อตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงของแรงดันในระบบ โดยการเคลื่อนที่ของมันส่งผลโดยตรงต่อการเปิดและการปิดของหน้าสัมผัสของสวิทช์แบบ Snap-action
  • แบบ Solid State : มีจุดสวิตช์อย่างน้อยหนึ่งจุด สวิตช์นี้ไม่เพียงแต่เปิดและปิดวงจรสวิตช์ความดันเท่านั้น แต่ยังรวมถึงจอแสดงผลดิจิตอล และให้เอาต์พุตแบบอนาล็อกและดิจิตอล รุ่นที่มีในปัจจุบันส่วนใหญ่สามารถตั้งโปรแกรมได้อย่างสมบูรณ์และสามารถเชื่อมต่อกับ PLC หรือคอมพิวเตอร์ได้ ความพิเศษอีกอย่างหนึ่งคือมีพิกัดแรงดันการทำงานและการตอบสนองความถี่ที่หลายหลาก มีความทนทานต่อการกระแทกและการสั่นสะเทือน มีความแม่นยำถึง ± 0.25% เมื่อเปรียบเทียบกับสวิตช์ความดัน แบบ Electromechanical แล้วสวิตช์ความดันแบบ Solid State มีอายุการใช้งานนานกว่ามาก

สิ่งที่ต้องพิจารณาในการเลือก Pressure Switch

  • ชนิดของสวิตช์
  • Pressure Nominal หรือ PN คือ ค่าความดันใช้งานของท่อ
  • Adjustable Range คือ ช่วงค่าความดันที่สามารถปรับค่าได้ของเครื่องมือวัด
  • Materials Body คือ ประเภทวัสดุของตัวสวิตช์ความดันจะมีหลากแบบให้เลือกตามความเหมาะสม ทั้ง Brass (ทองเหลือง), Steel (เหล็ก) หรือ Stainless steel (สแตนเลส)
  • Connection หรือ เกลียวเชื่อมต่อ
  • Tolerance หรือ ค่าพิกัดเผื่อ
  • Metering Substances หรือ วัตถุที่ต้องการตรวจวัด

มีหน่วยวัดอะไรบ้าง

สวิตช์ความดัน เป็นเครื่องมือที่ใช้ควบคุมแรงดันในระบบ ดังนั้นหน่วยในการวัดค่าแรงดันจะมีได้หลายหน่วย เช่น bar , PSI, kg/cm² เป็นต้น ซึ่งทางบริษัท แคลิเบรชั่น แลบอราทอรี จำกัด สามารถสอบเทียบได้ทุกหน่วยการวัดของเครื่องมือเพื่อรองรับการใช้งานที่หลากหลายของลูกค้า

บริษัท แคลิเบรชั่น แลบอราทอรี จำกัด สามารถ สอบเทียบเครื่องมือวัดได้ครอบคลุมทุกหน่วยการวัดที่กล่าวมาข้างต้นและได้รับการรับรองมาตรฐานห้องปฏิบัติการ ISO/IEC 17025:2017 จาก  ANSI National Accreditation Board (ANAB) ประเทศสหรัฐอเมริกา เพื่อตอบสนองการใช้งานที่หลากหลายของลูกค้าในทุกภาคอุตสาหกรรม โดยขอบข่ายการวัดสามารถสอบเทียบได้ด้วยวิธีการ Comparison technique with Pressure Module โดยจุดสอบเทียบที่ได้รับการรับรองอยู่ที่ 0 to 13 790 kPa Scope การสอบเทียบคลิก

 

MKS

 

 

 

 

ขอใบเสนอราคา  ติดต่อเรา

พูดคุยกับเรา

บริการสอบเทียบเครื่องมือวัด  ซื้อเครื่องมือวัด

ข้อดีที่มีมากกว่าแม่นยำและทนทาน ของ VIBRA HT224

เครื่องชั่ง VIBRA หรือ เครื่องชั่งเชิงวิเคราะห์ VIBRA รุ่น HT224CEN ประสิทธิภาพและความแม่นยำที่เหนือกว่า ในอุตสาหกรรมวิทยาศาสตร์และห้องปฏิบัติการ ความแม่นยำในการวัดน้ำหนักเป็นสิ่งสำคัญที่ส่งผลต่อความสำเร็จหรือความล้มเหลวของ การทดลอง ปัญหาการผลิตจากผลิตภัณฑ์ที่ไม่ได้คุณภาพ เครื่องชั่งเชิงวิเคราะห์จึงเป็นเครื่องมือที่จำเป็น โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับการวัดสารเคมีและวัตถุที่มีค่ามาก สำหรับเครื่องชั่งเชิงวิเคราะห์ที่มีทศนิยม 4 ตำแหน่ง (0.0001 กรัม) นั้น VIBRA HT224CEN ถือเป็นตัวเลือกที่โดดเด่นทั้งในเรื่องของความแม่นยำและความทนทาน

ข้อดีของ VIBRA Model HT224CEN เมื่อเปรียบเทียบกับแบรนด์อื่นๆ

เมื่อเปรียบเทียบกับแบรนด์ชั้นนำในตลาดอย่าง Sartorius, Mettler Toledo, AND, Tiger, CAS, OHAUS, JADEVER และ Shimadzu เครื่องชั่ง VIBRA HT224CEN มีจุดเด่นที่ไม่ควรมองข้าม

  1. เทคโนโลยี Tuning-Fork Sensor:

เครื่องชั่งละเอียด VIBRA ใช้เซ็นเซอร์ Tuning-Fork ที่ให้ความแม่นยำสูงและมีการตอบสนองที่รวดเร็ว ต่างจากเทคโนโลยีทั่วไปของแบรนด์อื่นที่ยังคงใช้ Load Cell แบบดั้งเดิม ซึ่งอาจมีความไม่เสถียรเมื่อเกิดแรงสั่นสะเทือนหรือการรบกวนจากสิ่งแวดล้อม

     2. ระบบลดการสั่นไหว:

HT224CEN มาพร้อมเทคโนโลยี Stabilization System ที่พัฒนาขึ้นเพื่อลดการสั่นสะเทือน ทำให้สามารถอ่านค่าได้แม่นยำแม้ในสภาพแวดล้อมที่มีแรงสั่นสะเทือนรบกวน ซึ่งนับเป็นข้อได้เปรียบที่สำคัญเมื่อเปรียบเทียบกับแบรนด์อื่นที่อาจต้องใช้อุปกรณ์เสริมเพื่อลดการสั่นสะเทือน

    3. การใช้งานที่สะดวกและง่ายต่อการบำรุงรักษา:

ตัว เครื่องมือวัด มีโครงสร้างที่เรียบง่ายและออกแบบมาให้ถอดชิ้นส่วนได้ง่าย ทำความสะอาดได้สะดวก ซึ่งเป็นข้อได้เปรียบเมื่อเทียบกับเครื่องชั่งจากบางแบรนด์ที่อาจมีโครงสร้างซับซ้อนและต้องใช้เวลาในการถอดประกอบมากกว่า

เปรียบเทียบความทนทานและความคุ้มค่า

เครื่องชั่งเชิงวิเคราะห์ VIBRA HT224CEN ยังเป็นที่รู้จักในเรื่องความทนทานเมื่อใช้งานในระยะยาว แม้จะต้องอยู่ในสภาพแวดล้อมที่ไม่สมบูรณ์ เช่น มีแรงสั่นสะเทือนหรือความชื้น ในขณะที่เครื่องชั่งแบรนด์อื่นๆ อาจมีความเสี่ยงต่อการสึกหรอจากการใช้งานหนักหรือการรบกวนจากสิ่งแวดล้อม

นอกจากนี้ VIBRA HT224CEN ยังมีราคาที่แข่งขันได้เมื่อเทียบกับแบรนด์ระดับพรีเมียมอย่าง Sartorius หรือ Mettler Toledo ซึ่งมักมีราคาสูงกว่าสำหรับคุณสมบัติที่ใกล้เคียงกัน

ข้อควรระวังในการใช้งาน

แม้ว่า HT224CEN จะมีข้อดีหลายประการ แต่ยังมีบางเรื่องที่ต้องระมัดระวัง เช่น

  • หลีกเลี่ยงการวางใกล้เครื่องจักรที่มีการสั่นสะเทือนหนัก
  • ป้องกันไม่ให้สารเคมีหกใส่เครื่องชั่ง และหลีกเลี่ยงความชื้น เนื่องจากรุ่นนี้ไม่ได้มาพร้อมการป้องกันน้ำและฝุ่นในระดับ IP67 เหมือนกับบางแบรนด์

สรุป: ทางเลือกที่ชาญฉลาดสำหรับงานวิจัยและการผลิต

เครื่องชั่ง VIBRA HT224CEN เป็นตัวเลือกที่ยอดเยี่ยมสำหรับการใช้งานในห้องปฏิบัติการและโรงงานอุตสาหกรรม ด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัยและราคาที่เหมาะสม หากคุณกำลังมองหาเครื่องชั่งที่มีความละเอียดสูง ความทนทาน และความแม่นยำ VIBRA HT224CEN คือตัวเลือกที่ไม่ควรมองข้าม

เป็นอย่างไรบ้างค่ะ สำหรับเรื่อง เครื่องชั่งอ่านละเอียดของแบรนด์ VIBRA แบบดิจิตอล (Digital) ก็หวังว่าจะเป็นประโยชน์สำหรับผู้ที่กำลังมองหา และเลือกเครื่องชั่งละเอียดเอาไว้ใช้งาน แบรนด์ VIBRA ตอบโจทย์การใช้งานของคุณแน่นอนนอกจากนี้ทางเราก็มีสินค้าจำหน่าย พร้อมสอบเทียบตามมาตราฐาน ได้รับการรับรอง ACCREDIT ISO/IEC 17025:2017 ให้เกิดความเชื่อมันในมาตราฐานระดับสากลของเราอีกด้วยค่ะ แล้วพบกันใหม่ในครั้งหน้านะคะ ขอบคุณค่ะ 

ผู้เขียน BEW JJ

 

 

 

 

ขอใบเสนอราคา  ติดต่อเรา

พูดคุยกับเรา

บริการสอบเทียบเครื่องมือวัด  ซื้อเครื่องมือวัด

เครื่องวัดความคงทนของสีต่อการกดทับด้วยความร้อน มีวิธีทดสอบและใช้งานอย่างไร

Scorch&Sublimation Tester เครื่องวัดความคงทนของสีต่อการกดทับด้วยความร้อน

มาตรฐานการทดสอบ : เป็นการทดสอบ ความคงทนของสี ของสิ่งทอทุกประเภทต่อการรีดและใช้ลูกกลิ้งร้อน โดยสิ่งทออยู่ในสภาพที่แห้ง สภาพที่ชื้นและสภาพที่เปียกหรือขึ้นอยู่กับการใช้งาน

การทดสอบสภาพที่แห้ง : การกดทับชิ้นงานทดสอบที่สภาพแห้งด้วยเครื่องมือให้ความร้อนที่อุณหภูมิ แรงกด และเวลาที่กำหนด

การทดสอบสภาพที่ชื้น : วางชิ้นงานทดสอบที่สภาพแห้งประกบทับด้วยผ้าฝ้ายที่เปียก แล้วกดทับด้วยครื่องมือให้ความร้อนที่อุณหภูมิ แรงกด และเวลาที่กำหนด

การทดสอบสภาพที่เปียก : วางชิ้นงานทดสอบที่สภาพเปียกให้ด้านทดสอบอยู่ด้านบน ประกบทับด้วยผ้าฝ้ายที่เปียกแล้วกดทับด้วยครื่องมือให้ความร้อนที่อุณหภูมิ แรงกด และเวลาที่กำหนด

การประเมิน : การประเมินการเปลี่ยนสีของชิ้นทดสอบและการเปื้อนสีของผ้าประกบโดยเปรียบเทียบกับเกรย์สเกลทันที และภายหลังผึ่งให้แห้งในสภาวะบรรยากาศที่มาตรฐานกำหนด

วิธีการทดสอบและการใช้เครื่องมือวัด ความคงทนของสี และอุปกรณ์

เครื่องกดทับให้ความร้อนที่มีแผ่นผิวเรียบขนานกัน 1 คู่ ทําให้ร้อนด้วยระบบไฟฟ้าซึ่งควบคุมอุณหภูมิได้คงที่ และมีแรงกด 4 ±1 kPa บนชิ้นงานทดสอบ โดยมีส่วนประกอบต่างๆ  ผ้าสักหลาดทําจากขนแกะ  ทําเป็นแผ่นรอง (Padding) มีขนาดพื้นที่เหมาะสมกับมวลรวมของแผ่นกดเพื่อให้ได้แรงกด 4 : 1 kPa บนชิ้นงานทดสอบ ถ้าผ้าที่นํามาทดสอบมีความหนาอาจต้องเพิ่มพื้นที่ของชิ้นงานทดสอบ หรือเพิ่มพื้นผิวรองรับแรงกดด้วยแผ่นแบบ (Template) ที่ทําจากวัสดุเดียวกับชิ้นงานทดสอบ

 

การให้ความร้อนด้วยเครื่องวัด ความคงทนของสี ควรส่งผ่านความร้อนลงจากแผ่นกดแผ่นบนลงไปยังชิ้นงานทดสอบเท่านั้น ถ้าแผนกด แผ่นล่างมีระบบให้ความร้อนที่ปิดไม่ได้ (Turn off) ต้องติดแผ่นด้านความร้อน (Heat-resistant sheet) ควรวางประกบชิ้นงานทดสอบเข้ากับแผ่นด้านความร้อน ก่อนที่จะนําไปวางในเครื่องกดทับให้ความร้อนก่อนการทดสอบแต่ละครั้งควรให้แผ่นด้านความร้อนเย็นลงและผ้าขนแกะแห้ง  แผ่นรองทําจากผ้าสักหลาดขนแกะ มีมวลต่อพื้นที่ประมาณ 260 gm ทําเป็น 2 ชั้น มีความหนาประมาณ 3 mm หรืออาจใช้ผ้าขนแกะผิวเรียบหรือผ้าสักหลาดอื่นแทนได้ หรือผ้าฝ้ายผิวเรียบ ฟอกขาว ไม่ผ่านการเมอร์เซอไรซ์ และไม่ย้อมสี มีมวลต่อพื้นที่ 100 gm ถึง 130 gm  ±3.5

โดยทั่วไปการเลือกอุณหภูมิที่ใช้ทดสอบขึ้นกับชนิดเส้นใยและโครงสร้างของผ้า หรือเครื่องนุ่งห่ม กรณีที่เป็นเส้นใยผสมให้ใช้อุณหภูมิที่เหมาะกับชนิดเส้นใยที่ทนความร้อนต่ำที่สุด อุณหภูมิทั่วไปที่ใช้ ในการกดทับ มีดังนี้

110 ±2 °C

150 ±2 °C

200 ±2 °C

อาจใช้อุณหภูมิที่ต่างจากที่กําหนดข้างต้น แต่ให้ระบุในรายงานผลทดสอบ  ปรับภาวะชิ้นงานทดสอบก่อนทําการทดสอบ ในบรรยากาศมาตรฐานสําหรับการทดสอบสิ่งทอความชื้นสัมพันธ์ ร้อยละ 65 ±4 และอุณหภูมิ 20 ±2 °C วางชิ้นงานทดสอบที่แห้งบนผ้าฝ้ายไม่ย้อมสี พุ่มผ้าฝ้ายประกบลงในน้ำ บีบเอาน้ำออกจนไม่มีน้ำหยด แล้ววางทับบนชิ้นทดสอบ เลื่อนแผ่นกดแผ่นบนของเครื่องกดทับความร้อนซึ่งมีอุณหภูมิตามที่กําหนดทับลงบนชิ้นทดสอบ นาน 15วินาที

การประเมินผล ประเมินการเปลี่ยนสีของชิ้นงานทดสอบตามวิธีที่กําหนดใน มอก.เปรียบเทียบกับเกรย์สเกล สําหรับประเมินการเปลี่ยนสีทันทีในตู้ประเมินและภายหลังจากนําชิ้นทดสอบไปเก็บในบรรยากาศมาตรฐาน สําหรับการทดสอบสิ่งทอ นาน 4 ชั่วโมง

การ สอบเทียบเครื่องมือวัด

1.การสอบเทียบอุณหภูมิของแผ่นประกบบนและล่าง

โดยการ Compareโดยใช้เครื่องมือชื่อ DOCUMENT PROCEES CALIBRATOR

2.สอบเทียบเวลาในการทดสอบ

โดยใช้เครื่องมือชื่อ STOP WATCH  ในการสอบเทียบเวลา

3.สอบเทียบน้ำหนักของแผ่นบน

ซึ่งอัตราส่วนระหว่างน้ำหนักต่อพื้นที่ของแผ่นกดทับ โดยใช้เครื่องมือชื่อ ELECTRONIC BANLANCE ในการสอบเทียบ

4.สอบเทียบความกว้างและความยาวของแผ่นกดทับบนและล่าง  

โดยใช้เครื่องมือชื่อ DIGIMATIC CALIPER ในการสอบเทียบ

ผู้เขียน A BABYSTRIKE

 

 

 

 

 

ขอใบเสนอราคา  ติดต่อเรา

พูดคุยกับเรา

บริการสอบเทียบเครื่องมือวัด  ซื้อเครื่องมือวัด

Differential Pressure ต่างจาก Pressure อื่นอย่างไร การสอบเทียบเหมือนกันหรือไม่

การสอบเทียบ Differential Pressure Gauge และ Differential Pressure Transmitter

เครื่องมือวัด Differential Pressure gauge เป็น Pressure ที่มีการวัดแตกต่างจาก Pressure ปกติทั่วไปโดยจะมีการวัดค่า Pressure แบบ 2 ทางคือจะมีด้านที่เป็น Pressure ด้านฝั่ง HIGH หรือ บวก Positive (+) และ Pressure ด้านฝั่ง LOW หรือ ลบ Negative (-) โดยการวัด Pressure ของทั้ง 2 ฝั่งทั้งบวกและลบจะเป็นการวัดความแตกต่างกันของ Pressure ทางฝั่งบวก (+) และลบ (-)

หลักการทำงานเบื้องต้นของเครื่องมือวัด Differential Pressure

  • เมื่อในฝั่ง HIGH มีค่า Pressure ที่สูงกว่าฝั่ง LOW ค่าของ Pressure ที่วัดได้จะมีค่าเป็น บวก Positive (+)
  • เมื่อในฝั่ง LOW มีค่า Pressure ที่สูงกว่าฝั่ง HIGH ค่าของ Pressure ที่วัดได้จะมีค่าเป็น ลบ Negative (-)
  • เมื่อในฝั่ง HIGH และ LOW มีค่า Pressure ที่เท่ากัน ค่าของ Pressure ที่วัดได้จะมีค่าเป็น ศูนย์ (ZERO)

ตัวอย่าง ลักษณะงานและในส่วนงานที่สามารถจะพบเห็น Differential Pressure ในอุตสาหกรรม ยกตัวอย่างเช่น

  • ใช้วัดค่า Pressure ภายในห้อง Clean Room กับทางเดินหน้าห้อง Clean Room ในกลุ่มอุตสาหกรรมที่พบเครื่องมือลักษณะนี้ส่วนใหญ่จะเกี่ยวข้องกับการผลิตยา การผลิตอาหาร การผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์

  • ใช้วัดค่า Pressure ของแรงดันลม ภายระบบระบายอากาศ ในกลุ่มอุตสาหกรรมที่พบเครื่องมือลักษณะนี้จะมีอยู่ทั่วไปแทบทุกอุตสาหกรรม

  • ใช้วัดค่า Pressure ภายในถังสารเคมี เพื่อหาระดับปริมาณผลิตภัณฑ์หรือสารเคมีในถังส่วนใหญ่เครื่องมือลักษณะนี้มักจะพบเห็นได้ในกลุ่มอุตสาหกรรม เช่น กลุ่มอุตสาหกรรมพลังงานไฟฟ้า กลุ่มอุตสาหกรรมปิโตรเคมี กลุ่มอุตสาหกรรมที่ต้องเก็บผลิตภัณฑ์ในรูปแบบของเหลว

ลักษณะของ Differential Pressure

ที่พบได้ทั่วไปจะมีอยู่หลากหลายแบบ เช่น Differential Pressure แบบอ่านค่า Pressure ได้ ทั้ง Positive (+) และ Negative (-)


การสอบเทียบ Differential Pressure ลักษณะนี้มีหลักการพิจารณาดูวิธีการสอบเทียบเหมือน Pressure ทั่วไป คือ Range, Media และ MPE

  • Differential PressureGauge แบบอ่านค่า Pressure เป็น Positive (+)


  • Differential Pressure Transmitter แบบมีหน้าจออ่านค่า Pressure

  • Differential Pressure Transmitter แบบไม่มีหน้าจอ อ่านค่า Pressure

การสอบเทียบ Differential Pressure Gauge และ Differential Pressure Transmitter

  • Differential Pressure Gauge จะมีการพิจารณาวิธีการ สอบเทียบเครื่องมือวัด คล้ายกับ PressureGauge และ Pressure Transmitter แบบมีหน้าจออ่านค่า Pressure ซึ่งได้แก่ Point, Media และ MPE
  • Differential Pressure Transmitter แบบไม่มีหน้าจออ่านค่า Pressure จะมีการพิจารณาวิธีการ สอบเทียบเครื่องมือวัด คล้ายกับ Pressure Transmitter แต่จะรายงานผลเป็นค่าทางไฟฟ้า เช่น มิลลิแอมป์ (mA), โวลต์ (V)

 

ผู้เขียน L1 Pressure

 

 

 

 

ขอใบเสนอราคา  ติดต่อเรา

พูดคุยกับเรา

บริการสอบเทียบเครื่องมือวัด  ซื้อเครื่องมือวัด