คลังเก็บหมวดหมู่: บทความ

ถอดรหัส Digital Thermometer “เครื่องวัดอุณหภูมิอาหาร”

Digital Thermometer เครื่องวัดอุณหภูมิอาหาร

ปัจจุบันนี้ในวงการอุตสาหกรรมการผลิตอาหารต่างๆ ทั้งร้านอาหาร ร้านขนมหวาน Bakery  รวมไปถึงอุตสาหกรรมเครื่องดื่มทั้งมีที่มีอยู่เดิมและเกิดขึ้นใหม่มากมายล้วนมีความเกี่ยวข้องกับการวัดอุณหภูมิทั้งนั้น และทั้งนี้ในส่วนของ เครื่องวัดอุณหภูมิอาหาร ก็มีส่วนสำคัญต่อการทำอาหารเป็นอย่างมาก ถ้า อุณหภูมิ ไม่คงที่สม่ำเสมอก็ส่งผลต่อ คุณภาพอาหาร สีและรสชาติของอาหารด้วยเช่นกัน

ดังนั้นวันนี้เราจะมาแนะนำเครื่องมือวัดอุณหภูมิตัวหนึ่งที่ใช้สำหรับวัดในอาหารโดยเฉพาะ และที่สำคัญควร สอบเทียบเครื่องมือวัดอย่างสม่ำเสมอ นั่นคือ Digital Thermometer TESTO 106 ซึ่งเป็นรุ่นที่นิยมใช้กันแพร่หลายในกลุ่มอุตสาหกรรมอาหาร มีจุดเด่นอยู่ที่เป็น เครื่องวัดอุณหภูมิแบบดิจิตอล มีหน้าจอที่อ่านตัวเลขได้ง่ายชัดเจน มีขนาดเล็กเหมาะมือสะดวกต่อการพกพาและพร้อมที่จะใช้งานได้ตลอดเวลา ฟังก์ชั่นในการอ่านอุณหภูมิมีความรวดเร็วไม่ต้องรอนานและถูกต้องแม่นยำ มีความทนทาน ตัวโพรบถูกออกแบบมาเพื่อ วัดอุณหภูมิอาหาร โดยเฉพาะ ซึ่งจะมีปลายโพรบที่เล็กเมื่อเสียบวัดเข้าไปในตัวอาหารแล้วจะไม่เห็นรอยของโพรบที่เสียบเข้าไปเลย อีกทั้งยังมีฟังก์ชั่นที่ช่วยให้สามารถตั้งค่าเตือนเมื่อค่าที่วัดได้สูงหรือต่ำกว่าที่ตั้งไว้ได้ รูปแบบการเตือนก็มีทั้งแบบแสงและเสียงทำให้ง่ายต่อการใช้งานเป็นอย่างมาก    

และ TESTO 106  มาพร้อมกับมาตรฐาน HACCP และ มาตรฐาน EN 13485 สามารถมั่นใจได้ในความปลอดภัยเมื่อต้องการวัดอุณหภูมิอาหาร กับทุกอุตสาหกรรมไม่ว่าจะเป็นอาหาร เครื่องดื่ม ขนม ฯลฯ

   

Digital Thermometer TESTO 106 เป็น เครื่องมือวัดอุณหภูมิ สำหรับหรับงานอาหารแบบเสียบ (Robust food)
เครื่องมือวัดตัวนี้ ถูกออกแบบมาสำหรับการใช้งานประเภท

  • งานทางด้านอาหาร : ผลิตภัณฑ์ ,อาหารและงานบริการ, จุดตรวจวัด
  • การวัดของของเหลว : จุ่มในของเหลวหรือวัดในสารกึ่งของเหลว

 

 

 

 

 

 

 

ในส่วนของข้อมูลทั่วไปและข้อมูลทางด้านเทคนิคของ เครื่องวัดอุณหภูมิอาหาร Digital Thermometer TESTO 106  มีรายละเอียดดังนี้

ข้อมูลทางด้านเทคนิค

  อุณหภูมิ – NTC
  ช่วงการวัด  -50 ถึง +275 °C
  ค่าความแม่นยำ  ±1 % of mv (+100 ถึง +275 °C)
 ±0.5 °C (-30 ถึง +99.9 °C)
 ±1.0 °C (-50 ถึง -30.10 °C)
  ค่าความละเอียด  0.1 °C

  ข้อมูลทั่วไป

  ขนาดเครื่อง  215 x 34 x 19 มม.
  อุณหภูมิในสภาวะการทำงาน  -20 ถึง +50 °C
  อุณหภูมิในการเก็บรักษา  -40 ถึง +70 °C
  ชนิดของโพรบ   NTC
  อัตราการวัด  0.5 วินาที
  วัสดุ   ABS
  น้ำหนัก  80 กรัม

 

คำแนะนำเบื้องต้นเพื่อความปลอดภัยในการใช้ เครื่องวัดอุณหภูมิอาหาร

  • ทุกครั้งที่ใช้เครื่องมือวัดห้ามออกแรงแบบรุนแรง
  • ควรใช้งานเครื่องมือวัดเฉพาะตัวแปรที่กำหนดมากับตัวเครื่องใน Technical data เท่านั้น
  • อย่าทำการวัดบนอวัยวะของสิ่งมีชีวิต เพราะอาจทำให้เกิดอันตรายได้
  • อย่าเก็บเครื่องมือวัด และเซนเซอร์ วางไว้ใกล้กับสารไวไฟ และสารดูดความชื้น

การใช้งาน เครื่องมือวัดอุณหภูมิ

  1. เปิดฝาครอบแบตเตอรี่ออก
  2. ใส่แบตเตอรี่เข้าไป(สังเกตขั้ว + และขั้ว –ให้ถูกต้อง)
  3. ปิดฝาครอบแบตเตอรี่
  4. เริ่มต้นการใช้งาน เครื่องวัดอุณหภูมิอาหาร ถ้ามีสัญญาณเสียงดังขึ้น จะมีสัญญาณเสียงติดทุกครั้งที่ปุ่ม ON/HOLD ถูกกด และส่งเสียงเตือนเมื่อค่าการวัดเกินค่าที่กำหนด (กรณีกำหนดการใช้งานเครื่องแบบปิดเองโดยอัตโนมัติ (Auto Off) เครื่องจะถูกปิดเองโดยอัตโนมัติหลังจากที่ไม่มีการกดปุ่มใดๆ เลยในระยะเวลา 10 นาที) ถ้ากำหนดการใช้งานเครื่องแบบค่าอัตโนมัติ (Auto Hold) ค่าการวัดจะถูกค้างค่าไว้ระยะเวลาหนึ่งและมีคำว่า “Auto Hold” กระพริบให้เห็นบนหน้าจอ
  5. ต้องการ Restart เครื่องมือให้ทำการกดที่ปุ่ม ON/HOLD
  6. การเปิด-ปิดเครื่อง ต้องการเปิดเครื่องให้กดปุ่ม ON/HOLD และต้องการปิดเครื่องให้กดปุ่ม ON/HOLD ค้างไว้
  7. การวัดเพื่อให้ได้ค่าการวัดที่ถูกต้อง ควรเสียบโพรบวัดให้มีความลึกมากกว่า 15 มม.
  8. ทำการเสียบโพรบหรือจุ่มโพรบเข้าไปที่วัตถุที่ต้องการวัด เครื่องจะทำการอ่านค่าอุณหภูมิออกมาบนหน้าจอเป็นตัวเลขดิจิตอล

การดูแลรักษาและทำความสะอาด เครื่องมือวัด

  1. หลังจากใช้งาน เครื่องมือวัด เสร็จให้ทำความสะอาดเครื่องมือด้วยน้ำสะอาด
  2. หัวโพรบระวังอย่าให้คดงอ หรือตกกระทบเพราะจะมีผลกับค่าที่ทำการวัดได้ การทำความสะอาดให้ทำความสะอาดด้วยผ้านุ่มชื้น หรือเช็ดทำความสะอาดด้วยน้ำสบู่แล้วล้างด้วยน้ำเปล่าอีกรอบหนึ่ง
  3. อย่าทำความสะอาดด้วยน้ำยา หรือสารเคมีที่มีความรุนแรงสูง

เป็นอย่างไรกันบ้างคะสำหรับ เครื่องวัดอุณหภูมิอาหาร TESTO รุ่น 106 พอจะรู้จักกันบ้างแล้วนะคะถ้าเพื่อนๆ
ท่านไหนสนใจอยากได้ไปใช้บ้าง
ทางบริษัท แคลิเบรชั่น แลบอราทอรี จำกัด ก็มีจำหน่ายด้วยนะคะ
มาพร้อมกับใบรับรอง Certificate ACCREDIT ISO/IEC 17025:2017 สามารถติตต่อถามมาที่ฝ่ายขายของเราได้เลยค่ะ
ครั้งหน้าจะพาเพื่อนๆ
ไปรู้จักกับเครื่องมือตัวไหนรอติดตามกันได้เลยนะคะ แล้วเจอกันอีกในบทความครั้งต่อไป ขอบคุณค่ะ

ผู้เขียน Bew JJ.

 

 

การใช้งานตู้แช่แข็งที่ถูกวิธี

บริการสอบเทียบอุณหภูมิและความชื้น

ขอใบเสนอราคา   ติดต่อเรา 

พูดคุยกับเรา

สายวัด?! มีการสอบเทียบด้วยหรือ แล้วจำเป็นต้องสอบเทียบหรือไม่

Textile Tape (เทปวัดระยะ, สายวัด)

คือ เครื่องมือวัด ทางด้านมิติ (Dimension) ที่มีการใช้งานอย่างแพร่หลายในหลายอุตสาหกรรม โดยเป็นเครื่องมือที่ใช้ในการตรวจสอบ วัดขนาดของชิ้นงานในการประกอบชิ้นส่วน เพื่อหาค่าความถูกต้องและ ค่าของความผิดพลาดของขนาดชิ้นงานที่ทำการผลิตหรือประกอบขึ้น ถ้าเครื่องมือวัดดังกล่าวที่ใช้งานอยู่เกิดความคลาดเคลื่อนขึ้น ย่อมจะส่งผลเสียหาย ให้กับผลิตภัณฑ์ที่ผลิตออกมาไม่มีคุณภาพตามข้อกำหนด ซึ่งอาจทำให้บริษัทต้องเสียค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น ”อย่างมาก” โดยไม่จำเป็น เพื่อป้องกันปัญหาดังกล่าว และเพื่อยืนยันระบบการผลิตที่มีคุณภาพ อย่างคงเส้นคงวา กระบวนการยืนยันความถูกต้องของเครื่องวัดที่เรียกว่า การสอบเทียบเครื่องมือวัด (Calibration) จึงมีความสำคัญมาก ซึ่งยังมีผู้ใช้ สายวัด จำนวนไม่น้อยที่ต้องการจะสอบเทียบเครื่องวัดดังกล่าวเอง แต่ยังขาดความรู้ความเข้าใจวิธีการสอบเทียบที่ถูกต้องตามมาตรฐานสากล

Textile Tape มักได้รับการออกแบบมาเพื่อการใช้งานหรือการค้าโดยเฉพาะ เทปวัด อาจทำจากวัสดุที่แตกต่างกันและมีความยาวต่างกันขึ้นอยู่กับการใช้งาน สำหรับเทปที่มีไว้ในการใช้ตัดเย็บเสื้อผ้าทำจากผ้าหรือพลาสติกที่ยืดหยุ่นได้ เทปสายวัด ที่ดีควรทำด้วยวัสดุไม่ยืด  ไม่หด  สามารถใช้ได้ทั้งหน่วยนิ้วและหน่วยเซนติเมตร ซึ่งพวกเขามีชื่อว่า “สายวัด สำหรับเย็บผ้า” เทปวัด ประเภทนี้ส่วนใหญ่จะใช้สำหรับการวัดเส้นรอบเอวของผู้รับการทดสอบ ทุกวันนี้ เทปวัดสำหรับเย็บผ้า ทำจากไฟเบอร์กลาส,พลาสติกซึ่งไม่ฉีกขาดหรือยืดได้ง่าย เทปวัดแบบทำเครื่องหมายเองช่วยให้ผู้ใช้สามารถวัดด้วยมือเดียวได้อย่างแม่นยำ มีการแบ่งช่องอย่างชัดเจน  ในการวัดตัวหน่วยเซนติเมตรจะมีความละเอียดกว่าหน่วยนิ้ว  ซึ่งการเย็บผ้าสตรีส่วนใหญ่นิยมใช้หน่วยเซนติเมตร (สายวัดจะมีความยาว  60  นิ้ว  หรือ  150  เซนติเมตร)

แผนภาพแสดงเศษส่วนของนิ้วบนเทปวัดมาตรฐานที่สิบหก

 

วิธีการอ่านเศษส่วนของนิ้วบน Textile Tape (สายวัด) มาตรฐานที่สิบหก

ใช้วัดตัวเพื่อทราบขนาดสัดส่วนของบุคคลและสร้างแบบเสื้อผ้า  การอ่านสายวัดหลักนิ้ว  แบ่งเป็น  8  ช่อง นิยมอ่านเป็นเศษส่วน  ดังนั้น  1  ช่อง  อ่านว่า เศษ  1  ส่วน  8

2 ช่อง อ่านว่า เศษ 1 ส่วน 4  และ 3 ช่อง อ่านว่า เศษ 3 ส่วน 8  

การอ่าน    สายวัดหน่วยเซนติเมตร  แบ่งเป็น  10  ช่อง  นิยมอ่านเป็นทศนิยม  ดังนี้ 

  1. ช่อง อ่านว่า  1
  2. ช่อง อ่านว่า  2
  3. ช่อง อ่านว่า  3
  4. ช่อง อ่านว่า  4
  5. ช่อง อ่านว่า  5 

การเก็บดูแลรักษา เทปวัด

  1. ห้ามใช้ Textile Tape แทนเชือกผูกเอว เพราะจะทำให้สายวัดบิดเบี้ยว  เสียรูป
  2. ควรเก็บรักษาโดยวิธีการแขวน เพราะจะทำให้สายวัดอยู่ในสภาพเดิมไม่เสียรูป สะดวกต่อการใช้งาน
  3. ระวังการใช้สายวัดกับของมีคม อาจทำให้สายวัดขาดได้
  4. ระวังไม่ให้สเกล Textile Tape จาง อาจทำให้ผลการวัดคลาดเคลื่อน
  5. ควร สอบเทียบเครื่องมือวัด Textile Tape อย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง เพื่อให้ได้ค่ามาตรฐานเพื่อป้องกันความผิดพลาดในการวัด

มาตรฐาน สายวัด

สัญลักษณ์การจำแนกประเภท EC สีแดงที่พิมพ์บน สายวัด แบบยืดหดได้ ความแม่นยำของ Textile Tape วัดขึ้นอยู่กับปลายเทปและเครื่องหมายที่พิมพ์ลงบนเทป ความแม่นยำในการสิ้นสุดของเทปวัดแบบยืดหดได้นั้นขึ้นอยู่กับกลไกการเลื่อนและความหนาของตะขอ

หาก Textile Tape ได้รับการรับรองแล้วจะมีการพิมพ์ระดับคลาสลงบนเทปควบคู่ไปกับสัญลักษณ์อื่น ๆ รวมทั้งความยาวเล็กน้อยของเทปปีที่ผลิตประเทศที่ผลิตและชื่อของผู้ผลิต สำหรับเทปพับเก็บได้ Class I มีความแม่นยำที่สุดและมีแนวโน้มที่จะมีราคาแพงที่สุด ในขณะที่เทป Class II เป็นคลาสที่พบได้บ่อยที่สุด 

โดยทาง Calibration laboratory (CLC)มีบริการรับ สอบเทียบเครื่องมือวัด ได้และได้รับการรับรองมาตรฐาน ISO/IEC 17025:2017 จากสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม(สมอ.) (ตามรูปที่ 1) และ ISO/IEC 17025:2017 จากหน่วยงาน ANSI National Accreditation Board | ANAB (ตามรูปที่ 2) อีกด้วย

รูปที่1 มาตรฐาน ISO/IEC 17025:2017 จากสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (สมอ.)

รูปที่ มาตรฐาน ISO/IEC 17025 จากหน่วยงาน ANSI National Accreditation Board (ANAB)

อย่าลืมว่าในการวัดระยะหรือขนาดทุกชนิดจำเป็นต้องมีการ สอบเทียบเครื่องมือวัด อยู่อย่างสม่ำเสมอ เพื่อป้องกันการผิดพลาดในการวัด การเตรียมชิ้นงาน และการผลิต

                                                                                     

ผู้เขียน PAEMY LITTLE

 

 

 

เคล็ดลับ วิธีการดูแลรักษาตลับเมตร (​ Steel Tape )

บริการสอบเทียบด้านมิติ ดูสินค้าด้าน Dimension

ขอใบเสนอราคา    ติดต่อเรา

พูดคุยกับเรา

 

ไมโครมิเตอร์ปากรูปตัว v เหมาะกับการวัดเครื่องมือประเภทใด และมีการใช้งานอย่างไร

ไมโครมิเตอร์ปากรูปตัว V (V-Anvil Micrometer)

เครื่องมือวัด V-Anvil Micrometer คืออะไร

            เครื่องมือ ไมโครมิเตอร์ปากรูปตัว V (V-Anvil Micrometer) คือ เครื่องมือวัด ที่มีการออกแบบปลายสัมผัส ให้เป็นรูปตัว V  เพื่อใช้วัดเส้นผ่านศูนย์กลางภายนอกของเครื่องมือตัดเจาะ

การใช้งานของเครื่องมือ V-Anvil Micrometer

            เครื่องมือ V-Anvil Micrometer เป็นเครื่องมือเหมาะสำหรับ วัดขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางภายนอก ของเครื่องมือตัด เช่น ดอกต๊าป,ดอกรีมเมอร์ และดอกเอ็นมิล เพื่อหาความหนาและระยะของชิ้นงาน เหมาะสำหรับการวัด Pitch Diameter

วิธีการ สอบเทียบเครื่องมือวัด V-Anvil Micrometer มีขั้นตอนอย่างไรบ้าง

  1. เตรียม เครื่องมือวัด V-Anvil Micrometer ที่จะทำการ สอบเทียบเครื่องมือ โดยการตรวจเช็คสภาพเครื่องมือวัด ว่ายังอยู่ในสภาพพร้อมที่จะสอบเทียบ
  2. ทำความสะอาดเครื่องมือและทำความสะอาดบริเวณปากวัดของเครื่องมือ V-Anvil Micrometer พร้อมตรวจเช็คปาดวัดว่ามีรอยสึกหรือรอยแตกหรือไม่
  3. Set ค่าของ ไมโครมิเตอร์ โดยตัว setting ที่มาพร้อมกับ เครื่องมือวัด
  4. ตรวจเช็คมุมของปากวัด ด้วยเครื่อง Vision Auto Measuring Instrument
  5. ตรวจเช็คความถูกต้องของ เครื่องมือวัด ตาม Point และ Range ของเครื่องมือ โดยใช้ Standard เป็น Gauge Block Set
  6. จดบันทึกผลของการ สอบเทียบเครื่องมือวัด ที่สามารถสอบเทียบได้

 

บริษัท แคลิเบรชั่น แลบอราทอรี จำกัด สอบเทียบเครื่องมือวัด V-Anvil Micrometer อะไรบ้าง?

  1. สอบเทียบ Length of Measurement  ตาม Range ของ V-Anvil Micrometer  ได้ที่ Range 0-85 mm
  2. สอบเทียบ Angle ของปากวัด

วิธีการเก็บรักษา ไมโครมิเตอร์ V-Anvil Micrometer

  1. ทำความสะอาด เครื่องมือวัด ทุกครั้งหลังใช้งาน โดยใช้ผ้านุ่มและแห้ง
  2. เก็บเครื่องมือเข้ากล่องใส่เครื่องมือทุกครั้งหลังใช้งาน ไม่ควรเก็บหรือวางเครื่องมือรวมกับเครื่องมืออื่นๆ เพื่อป้องกันฝุ่นละอองและความชื้น
  3. ระวังอย่าให้เครื่องมือตกกระแทก
  4. ไม่วาง ไมโครมิเตอร์ ไว้ในที่แสงแดดส่องถึงโดยตรง
  5. อย่าปล่อยให้เครื่องมือสกปรกขาดการหล่อลื่น และปล่อยให้แกนหมุนวัดฝืดหรือหลวมเกินไป
  6. หากต้องการเก็บเครื่องมือเป็นเวลานานๆควรชโลมน้ำมันเพื่อป้องกันการเกิดสนิม
  7. ทำความสะอาดผิวปากวัดทั้งปากรับและปากวัดทุกครั้ง ก่อนและหลังการใช้งาน
  8. เมื่อต้องการให้แกนวัดเลื่อนเข้าออกอย่างรวดเร็วให้เลื่อนกับฝ่ามือ
  9. ใช้ปอกหมุนกระทบเลื่อนขณะวัดชิ้นงานทุกครั้ง

ข้อควรระวังในการใช้เครื่องมือ ไมโครมิเตอร์ปากรูปตัว V

  1. ระวังอย่าใช้เครื่องมือวัดชิ้นงานที่มีผิวดิบและหยาบเกินไป
  2. อย่าวัดชิ้นงานที่กำลังเคลื่อนที่
  3. อย่าวัดชิ้นงานที่ร้อนอยู่

ถ้าต้องการส่ง เครื่องมือสอบเทียบ ที่ บริษัท แคลิเบรชั่น แลบอราทอรี จำกัด ควรทำอย่างไร

  1. ส่งรายละเอียดแบรนด์ โมเดล และ Range ของเครื่องมือ เพื่อตรวจเช็คว่าสอบเทียบได้หรือไม่
  2. เมื่อจะส่งเครื่องมือมาสอบเทียบทุกครั้ง ต้องส่งตัว Setting มาด้วย เพื่อใช้ Set ค่าของ ไมโครมิเตอร์

 

 

ผู้เขียน Leader ลูกคิด

 

 

 

ประเภท ข้อควรระวัง และการสอบเทียบไมโครมิเตอร์วัดภายนอก (Outside micrometer)

บริการสอบเทียบด้านมิติ  สินค้าด้าน Dimension

ขอใบเสนอราคา    ติดต่อเรา

พูดคุยกับเรา

ข้อที่คนใช้ Torque Wrench เท่านั้นที่ควรเข้าใจ Torque Wrench lbf•in & lbf•ft unit version’s

Torque Wrench  lbf•in & lbf•ft unit verson’s  ยี่ห้อ TONE

 

รูป Torque Wrench  lbf•in & lbf•ft unit version’s 

สวัสดีค่ะ หลังจากที่เราได้เขียนบทความเรื่อง Torque Wrench TMN-Series หน่วย N.m มาแล้วนะคะ วันนี้เราจะมาเขียนบทความหน่วยวัดอื่นๆกันบ้างนะคะ ประแจปอนด์ หรือ Torque Wrench มีหน่วยวัดหลากหลายค่ะ   นอกจาก N.m แล้วยังมีหน่วย lbf•in (ปอนด์นิ้ว) & lbf•ft (ปอนฟุต) ซึ่งวันนี้เราจะมาพูดถึง Torque Wrench ยี่ห้อ TONE  lbf•in & lbf•ft unit version’s   กันค่ะ เป็นสินค้าจากประเทศญี่ปุ่นนะคะ สำหรับการใช้งานจะเหมือนกัน กับรุ่น TMN-Series ต่างกันที่หน่วยเท่านั้นค่ะ Torque Wrench ยี่ห้อ TONE  lbf•in & lbf•ft unit version’s   จะมีรายละเอียดดังนี้ค่ะ

ซึ่ง ในหน่วย lbf•in  มีทั้งหมด 13 รุ่น เริ่มที่ 10 lbf•in  ถึง 2500 lbf•in  ดังนี้ค่ะ

 

รูป  Torque Wrench  10 lbf•in  ถึง 2500  lbf•in  หน่วย lbf•ft
มีทั้งหมด 5 รุ่น เริ่มที่ 15 lbf•ft  ถึง 250 lbf•ft ดังนี้ค่ะ

รูป ประแจปอนด์  15 lbf•ft  ถึง 250 lbf•ft

สำหรับการใช้งาน จะเป็นประเภทตั้งค่าไว้ล่วงหน้า (Preset type) ค่ะ มาพร้อมกับมีจอแสดงผล (Digital Reading) แบบตัวเลข
ในการใช้งานเราสามารถมองเห็นตัวเลขได้ชัดเจนค่ะ (Visible Indicator) ช่วยให้ผู้ใช้งานมั่นใจได้ถึงการตั้งค่าที่แม่นยำ  โดยผู้ใช้งานจะสามารถตั้งค่าแรงบิดเป้าหมายได้ด้วยตัวเองตามแรงบิดที่ผู้ใช้งานต้องการ คือ เป็นแบบตั้งค่าล่วงหน้า (Preset Type)  เมื่อให้แรงไป Torque Wrench  จะทำการ “Click” และถอยหลังกลับเมื่อถึงแรงบิดที่ตั้งค่าไว้ล่วงหน้า

ประแจปอนด์ ยี่ห้อ TONE   lbf•in & lbf•ft unit version’s   นี้  สามารถใช้งานได้ 1 ทิศทางนะคะ คือ ได้เฉพาะการขันเข้า(ขันแน่น) ทิศทางตามเข็มนาฬิกาเท่านั้นนะคะ(CW)  ซึ่งมีค่าความแม่นยำ (Accuracy)  ± 3% of Reading ในกล่องมาพร้อมกับ Plastic Case สีดำ ค่ะ เป็นอย่างไรกันบ้างคะ สำหรับการใช้งานมีวิธีการไม่ยุ่งยากเลยใช่ไหมคะ

รูปแสดง จอแสดงผลตัวเลขที่ด้าม ประแจทอร์ค  (Visible Indicator)

Torque Wrench ยี่ห้อ TONE  lbf•in & lbf•ft unit version’s  หน้าที่ของเครื่องมือคือเหมาะกับงานอุตสาหกรรมทุกประเภทค่ะ  ใช้นำมาขันชิ้นงานให้มีความแน่นตามที่ต้องการค่ะ เช่น ได้แก่ งานประเภท  Automotive(ยานยนต์)  , Construction (การก่อสร้าง), ท่อก๊าซอุตสาหกรรม, ทางรถไฟ, แผงโซล่าเซลล์, Condensing unit ( คอมแอร์ ) และงานอื่นๆ ที่มีการขันให้แรงบิด เป็นต้น

รูปแสดง การหมุนปรับตั้งค่าที่ปลายด้ามจับ ประแจปอนด์

ข้อควรระวังการใช้งาน ประแจปอนด์

ประแจทอร์ค ยี่ห้อ TONE   lbf•in & lbf•ft unit version’s นี้คือ การใช้งานเหมือนกันกับ Torque Wrench TMN-Series  ที่เราได้เขียนบทความไปแล้วก่อนหน้านี้ค่ะ เนื่องจากผู้ใช้งานสามารถตั้งค่าแรงบิดเป้าหมาย โดยหมุนปรับตั้งค่าที่ปลายด้ามจับได้เอง ต้องทำความรู้ความเข้าใจในก่อนใช้งานนะคะ หากใช้งานผิด เครื่องมืออาจเสียหายได้ค่ะ เช่น ไม่ควรหมุนตั้งค่าแรงบิดเกินช่วงการใช้งานที่กำหนด อาจทำให้ Scale ตัวเลขที่ปลายด้ามประแจปอนด์หมุนค้างได้ค่ะ และหากหมุนปรับตั้งค่าที่ปลายด้ามจับแล้วให้ทำการล็อคค่าที่ปลายด้ามจับพอตึงมือ ค่ะ

การดูแลรักษามีข้อควรปฏิบัติตามนี้

  1. ก่อนและหลังใช้งานให้ทำความสะอาดน็อต และโบล์ท
  2. ควรปรับขนาดแรงให้เหมาะสม ตามการใช้งาน
  3. การเก็บเครื่องมือวัด ให้ปรับแรงกลับมาที่จุดต่ำสุดเพื่อคลาย เนื่องจากอาจมีผลกับกลไกภายใน
  4. ห้ามนำ เครื่องมือวัด ไปขันคลายน็อต เนื่องจากใช้สำหรับขันแน่น ใช้ได้ทิศทางเดียวตามเข็มนาฬิกา
  5. ห้ามทำเครื่องมือ ตกหล่น อาจทำให้ค่า Torque Wrench ค่าคลาดเคลื่อน
  6. ควรมีการส่งสอบเทียบ อย่างน้อยทุกๆ 1 ปี โดยส่งสอบเทียบกับห้องปฏิบัติการสอบเทียบที่ได้รับการรับรอง ACCREDIT ISO/IEC 17025:2017 เพื่อเพิ่มความเชื่อมั่นว่าค่ายังปกติ หากไม่ปกติควรส่งซ่อม และปรับค่า ก่อนนำมาใช้งานค่ะ

เป็นอย่างไรกันบ้างคะเพื่อนๆ กับเรื่อง Torque Wrench lbf•in & lbf•ft unit version’s  มีการใช้งานไม่ยุ่งยากเลยใช่ไหมคะ หวังว่าบทความนี้จะมีประโยชน์ต่อผู้เข้ามาอ่านกันนะคะ ใบบทความครั้งต่อไปหากมีสินค้าตัวไหนที่น่าสนใจจะมาเขียนให้อ่านกันอีกแน่นอนค่ะ สำหรับบทความนี้ขอจบการเขียนเพียงเท่านี้ค่ะ สวัสดีค่ะ

ผู้เขียน Suphanun BDS

 

เครื่อง CMM คืออะไร มีประเภทใดบ้าง

 บริการสอบเทียบด้านมิติ

ขอใบเสนอราคา  ติดต่อเรา

พูดคุยกับเรา

มีใครรู้ข้อเสีย เครื่อง CNC บ้าง? แล้วเครื่อง CNC นี้คืออะไร

สวัสดีท่านผู้อ่านทุกท่านนะคะ ทุกท่านคงทราบดีว่าในปัจจุบันนั้นการตัดแต่งและการขึ้นรูปชิ้นงานถือเป็นอุตสาหกรรมที่มีความสำคัญไม่น้อยเลยทีเดียว ดังนั้นเครื่องมือหรือเครื่องจักรที่จะใช้ในการขึ้นรูปจึงถือว่าสำคัญไม่แพ้กันนะคะ และที่สำคัญคือทุกเครื่องมือวัดหรือเครื่องจักรนั้นจำเป็นต้อง สอบเทียบเครื่องมือ อยู่เสมอแล้วเครื่องจักรแบบไหนกันที่มักนิยมนำมาใช้เพื่อขึ้นรูปชิ้นงานด้วยความรวดเร็ววันนี้เรามีคำตอบมาให้ลองไปศึกษาดูกันเลยค่ะ

 

เครื่อง CNC (Computer Numerical Control)

คือ เครื่องจักรกลแบบอัตโนมัติที่ออกแบบมาให้ใช้งานได้หลายภาษา สามารถทำงานได้โดยการป้อนคำสั่งผ่านระบบของโปรแกรมคอมพิวเตอร์ ตัวเครื่องก็จะทำงานตามแบบที่เราใส่โปรแกรมการทำงานเข้าไป โดยส่วนใหญ่แล้วเครื่องจักรประเภทนี้จะเหมาะกับงานที่เป็นโลหะที่ต้องการความละเอียด, แม่นยำ และมีความซับซ้อนสูง เช่น งานกลึง หรือ งานมิลลิ่ง ต่างๆ เครื่อง CNC สามารถทำงานในรูปแบบที่มีความยากได้ดีกว่าเครื่องกลึงแบบ manual ที่ยังต้องใช้เจ้าหน้าที่ที่มีความชำนาญในการใช้เครื่องเป็นผู้ทำ ซึ่งนี่ก็ถือเป็นเรื่องสำคัญสำหรับผู้ประกอบการเพราะผู้ชำนาญในงานกลึง, งานมิลลิ่ง (Milling) มีจำนวนไม่มาก อีกทั้งค่าแรงก็สูง ประกอบกับความต้องการที่จะผลิตชิ้นงานให้ได้จำนวนมากๆและรวดเร็ว

ประเภทของเครื่อง CNC ที่นิยมใช้ทั่วไป

จะมี 2 ประเภทหลักดังนี้คือ

  1. เครื่อง CNC สำหรับงานมิลลิ่ง  (CNC Milling Machine)

เครื่อง CNC ประเภทนี้จะประกอบด้วย 3 แกนหลักๆหรืออาจจะมีแกนอื่นๆเพิ่มได้ตามความต้องการและความยากง่ายของงาน ซึ่งแต่ละแกนจะทำหน้าที่ในการเคลื่อนที่ไปในทิศทางต่างๆ เช่น

  • แกน X ทำหน้าที่ขยับโต๊ะงานไปทางซ้ายหรือขวา
  • แกน Y ทำหน้าที่ขยับโต๊ะงานไปทางด้านหน้าหรือด้านหลัง
  • แกน Z ทำหน้าที่เคลื่อนหัวจับดอกกัดไปด้านบนหรือด้านล่าง

เครื่อง CNC จะทำงานโดยการเปิดให้หัวจับดอกสว่านหมุนตามความเร็วรอบที่ผู้ใช้สั่งในระบบควบคุม จากนั้นจึงเคลื่อนที่แกนต่างๆไปยังตำแหน่งที่ต้องการกัดของชิ้นงาน เครื่อง CNC จะเคลื่อนแกนต่างๆและกัดงานตามแบบที่ผู้ใช้งานเขียนขึ้นจนครบ

  1. เครื่อง CNC สำหรับงานกลึง

เครื่อง CNC สำหรับงานกลึงจะประกอบไปด้วย 2 แกนหลัก ซึ่งจะมีการเดินเพียง 2 ทิศทาง แบ่งเป็น

  • แกน X สำหรับแกนสั้น
  • แกน Z สำหรับแกนยาว

เครื่องกลึง CNC นั้นจะทำงานโดยการสั่งการผ่านระบบคอมพิวเตอร์หรือระบบ CNC controller สำหรับควบคุมเครื่อง CNC และมีมอเตอร์สำหรับหมุนชิ้นงานบนหัวกลึงและใช้มีดกลึงเคลื่อนที่ตามแบบงานของผู้ใช้ หากเป็นเครื่องกลึง CNC ที่มีขนาดใหญ่อาจจะมีระบบเปลี่ยนมีดอัตโนมัติร่วมด้วยเพื่อการกลึงงานที่หลากหลายมากขึ้น

แต่ในการใช้งานจริงๆแล้วนั้นเจ้าเครื่อง CNC นั้นสามารถนำไปใช้กับงานได้อีกหลากหลายประเภทมากกว่านี้อีกคะ เพราะชื่อที่เรียกกันว่า เครื่อง CNC  คือ เป็นระบบควบคุมที่ใช้ตัวเลขในการควบคุม ดังนั้นจึงสามารถนำระบบ CNC นี้ไปใช้กับงานใดๆ ก็ได้ที่จำเป็นต้องใช้มอเตอร์ หรือมีตำแหน่งในการควบคุม หรือมีความเร็วในการควบคุม ไม่จำเป็นต้องเป็นเครื่อง CNC สำหรับงานกลึงหรือมิลลิ่ง (Milling) เท่านั้นค่ะ

เครื่อง Computer Numerical Control นิยมใช้กับงานใดได้บ้าง

  1. งานในอุตสาหกรรมที่เกี่ยวกับโลหะ เช่นเฟอร์นิเจอร์
  2. งานสร้างแม่แบบชิ้นงานสำหรับการหล่อต่างๆ (Mold)
  3. งานในอุตสาหกรรมยานยนต์การสร้างอะไหล่รถยนต์
  4. งานสร้างชิ้นงานตามสั่งลูกค้า (Made to order)
  5. งานผลิตชิ้นส่วนเครื่องจักร
  6. งานผลิตอัญมณี
  7. งานหล่อพระ, พระพิมพ์ หรืองานประติมากรรมต่าง ๆ

ข้อดีของการใช้เครื่อง CNC

  1. ได้งานที่มีความละเอียดและมีประสิทธิภาพ
  2. งานที่ผลิตออกมาได้มาตรฐานและคุณภาพ ชิ้นงานที่ผลิตออกมาเท่ากันเสมอ
  3. สามารถผลิตชิ้นงานออกมาได้อย่างรวดเร็ว
  4. ทำงานได้ดีแม้ว่าชิ้นงานจะมีความยากและซับซ้อนสูง
  5. ช่วยลดเวลาการตรวจสอบคุณภาพของชิ้นงานลง และลดแรงงานในการผลิต

ข้อเสียของการใช้เครื่อง Computer Numerical Control

  1. เนื่องจากเป็นเครื่องจักรที่มีความซับซ้อนในการออกแบบและการผลิต ต้องนำเข้าจากต่างประเทศ ทำให้เครื่อง CNC มีราคาสูง อีกทั้งยังต้องมีค่าบำรุงรักษาเครื่องจักรประจำปี
  2. ต้องใช้งานเครื่อง CNC เป็นประจำ เพราะถ้าใช้น้อยก็จะทำให้เครื่องCNCเสื่อมสภาพได้
  3. เหมาะกับการผลิตงานจำนวนมากๆ หากผลิตน้อยชิ้นจะไม่คุ้ม
  4. ค่าซ่อมเครื่องมีราคาสูงมากและต้องใช้ผู้ที่มีความเชี่ยวชาญเท่านั้น
  5. มีระบบควบคุมเป็นภาษาอังกฤษ ผู้ใช้และผู้เขียนโปรแกรมจำเป็นต้องมีความเชี่ยวชาญด้านภาษาเป็นอย่างดี

เห็นไหมคะว่าเจ้าเครื่อง CNC มีความสำคัญเพียงใด ทั้งนี้หากลูกค้าที่มีการใช้งานเครื่อง CNC อยู่แล้วและสนใจที่จะ สอบเทียบเครื่องมือวัด กับทาง บริษัท แคลิเบรชั่นแลบอราทอรี จำกัด ของเราก็มีให้ บริการ สอบเทียบเครื่องมือวัด เครื่อง CNC โดยใช้ Standard เป็น Laser Interferometer (LSI) สอบเทียบแบบ Comparison ให้เครื่องมือลูกค้าได้ทุกแกนครอบคลุมตั้งแต่ระยะ 0 – 2000 mm โดยได้รับการรับรอง ISO/IEC 17025:2017 ทั้ง สมอ. และ ANAB อีกด้วยนะคะ ซึ่งสามารถสอบเทียบสูงสุดได้ถึง 15000 mm หากลูกค้าท่านไหนสนใจสามารถติดต่อสอบถามได้ทุกช่องทางการติดต่อเลยนะคะ

 

 

 

 

ผู้เขียน Katai

 

ขอใบเสนอราคา    ติดต่อเรา

พูดคุยกับเรา

Roughness specimen คืออะไร มีผลอย่างไรต่อ roughness tester

Surface Roughness Tester , Surface Roughness Specimen

1.เครื่อง Surface Roughness Tester

Surface Roughness Tester

2. แผ่น Surface Roughness Specimen

Surface Roughness Tester, Roughness Specimen คืออะไร

Surface Roughness Tester คือ เครื่องที่ใช้สำหรับวัดความเรียบพื้นผิวของโลหะ ซึ่งทุกครั้งก่อนใช้งาน ควรต้องใช้แผ่น Surface Roughness Specimen เช็คค่า Roughness เช่น ค่า Ra, Rz , Ry ก่อนที่จะนำไปวัดชิ้นงานหรือลักษณะพื้นผิวโลหะตามที่ต้องการ

Surface Roughness Specimen คือเครื่องมือที่ใช้ในเช็คค่าProbeวัดชิ้นงานของเครื่อง Surface Roughness Tester โดยการเลือกแผ่นของแต่ละค่าให้ตรงตามพื้นผิวของแต่ละพื้นผิวที่ต้องการวัด

โดยนิยามของแต่ละพารามิเตอร์ที่หาได้จากการหาค่าเฉลี่ยจากกราฟความหยาบของแต่ละพื้นผิวมี ดังนี้
Ra คือ ค่าเฉลี่ยของพื้นผิวที่มีความหยาบสูงสุด

Ry คือ ค่าเฉลี่ยของพื้นผิวที่มีความหยาบของพื้นผิวแบบสิบจุด

Rz คือ ค่าเฉลี่ยของพื้นผิวที่มีระยะของช่วงเส้นกราฟไม่สม่ำเสมอ

วิธีการใช้งาน Surface Roughness Tester , Surface Roughness Specimen

Surface Roughness Specimen จะนำไปใช้สำหรับเช็คค่าของเครื่อง Surface Roughness Tester โดยจะแบ่งตามค่าความความราบเรียบและความหยาบของพื้นผิวชิ้นงานใช้คำนิยามค่าความหยาบ คือ Ra ,Rz ,Ry ซึ่งก่อนจะนำเครื่อง Surface Roughness Tester ไปใช้งาน ต้องเช็คค่าความความราบเรียบและความหยาบของพื้นผิวชิ้นงานก่อนว่าจะใช้วัดความหยาบพื้นผิวชิ้นงานแบบไหน แล้วนำไปเช็คค่ากับแผ่น Surface Roughness Specimen ตามลักษณะพื้นผิวชิ้นงานที่เซตไว้กับเครื่อง เพื่อเช็คว่าเครื่องสามารถใช้งานได้ปกติหรือไม่

Standard ที่ใช้ในการสอบเทียบ Surface Roughness Tester , Surface Roughness Specimen

Surface Roughness Tester (DUC) สอบเทียบโดยใช้เครื่อง Surface Roughness Specimen (Standard)

Surface Roughness Specimen (DUC) สอบเทียบโดยใช้เครื่อง Contour Measurement (Standard)

ทางบริษัทแคลิเบรชั่น แลบอราทอรี จำกัด สามารถสอบเทียบได้

ในส่วนของเครื่อง Surface Roughness Tester ความราบเรียบและความหยาบของพื้นผิวชิ้นงานขีดความสามารถที่สอบเทียบได้ ได้แก่ค่า Ra ,Rz

ได้รับการรับรอง ISO/IEC 17025 โดย ANSI National Accreditation Board (ANAB) 

ในส่วนของ แผ่น Surface Roughness Specimen  ความราบเรียบและความหยาบของพื้นผิวชิ้นงานขีดความสามารถที่สอบเทียบได้ ได้แก่พารามิเตอร์  Ra ,Rz ,Ry

ได้รับการรับรอง ISO/IEC17025 โดย ANSI National Accreditation Board (ANAB) โดยอยู่หน้า

สำหรับผู้ที่สนใจรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับขอบเขต (Scope) การสอบเทียบ สามารถคลิกที่ลิงก์ข้อมูลเพิ่มเติมเพื่อศึกษารายละเอียดได้

[button size=”medium” style=”primary” text=”รายละเอียด Scope การสอบเทียบ” link=”http://”https://bit.ly/3tiELAM””]

การเก็บรักษา Surface Roughness Specimen, Surface Roughness Tester

  1. การทำความสะอาด Surface Roughness Specimen เช็คเบื้องต้นว่าบนแผ่นมีรอยเยอะหรือไม่ ถ้าไม่เยอะมากโดยการสังเกตด้วยตาเปล่าให้ทำการเช็ดแบบแห้งโดยการใช้กระดาษทิชชู่ไร้ฝุ่น กรณีที่เช็คแล้วพบว่าเช็ดแบบแห้งไม่ออกอาจจะมีคราบวาสลีนติดอยู่ต้องทำความสะอาดด้วยแอลกอฮอล์ เช็ดรูดตามแนวเส้นห้ามเช็ดสวนทางกับแนวเส้นเพราะอาจจะทำให้เกิดรอยขีดข่วนได้ ทั้งก่อนและหลังใช้งาน
  2. ระวังผิวหน้าของ Surface Roughness Specimen อย่าให้มีรอยขีดข่วน หรือขึ้นสนิม
  3. ระมัดระวังหัว Probe ห้ามโดนกระแทก
  4. เมื่อใช้งานเสร็จควรทำความสะอาดและเก็บในกล่องทันที

 

 

ผู้เขียน Ple

ขอใบเสนอราคา  ติดต่อเรา

พูดคุยกับเรา

ควรอ่าน!! รู้ครบ จบเรื่องเกจวัดความดัน ที่นี่เท่านั้น

เกจวัดความดัน (Pressure Gauge)

 วันนี้เราจะมาทำความรู้จักกับเจ้าตัว เครื่องมือวัด เกจวัดความดัน ที่สามารถใช้วัดแรงดัน ที่สำคัญคือเครื่องมือนี้ จำเป็นต้อง สอบเทียบเครื่องมือวัด เป็นประจำด้วยนะครับ แต่ก่อนที่เราจะมาทำความรู้จักกับเครื่องมือวัดที่ว่ากันนี้ เรามาทำความรู้จักเกี่ยวกับ คำจำกัดความของคำว่า “แรงดัน (Pressure) กันก่อนครับ เราจะได้นึกภาพออกเมื่อถึงเวลาที่เราเรียนรู้เกี่ยวกับ ตัวเกจวัดความดัน (Pressure Gauge)

แรงดัน คือ  อัตราส่วนระหว่างแรงที่จะกระทำให้เกิดการตั้งฉากซึ่งจะทำโดยของแข็ง ของเหลว แก๊ส หรือ อากาศ ต่อพื้นที่ของสารใดๆ โดยความดันจะเป็นปริมาณที่มีแต่ขนาดแบบไม่มีทิศทางนั้นเอง โดยแรงดัน (Pressure, P) คือค่าที่บ่งบอกถึงจำนวนแรง (Force, F) หรือน้ำหนัก (Weight, W) ที่กดลงในทิศทางที่ตั้งฉากกับพื้นที่มีหน่วยเป็นแรงต่อพื้นที่ เช่น นิวตันต่อตารางเมตร (N/m2), กิโลกรัมต่อตารางเซนติเมตร (kg/cm2), ปอนด์ต่อตารางนิ้ว (Psi) เป็นต้น 

ในระบบ SI ความดัน มีหน่วยเป็นนิวตันต่อตารางเมตร (N/m2) ซึ่งมีชื่อเรียกว่า “ปาสคาล” (pascal) นั่นคือ 1 pascal = 1 Pa = 1 N/m2 (บางครั้งเราอาจพบหน่วย ปอนด์ต่อตารางนิ้ว: lb/in2) แต่ 1 Pa เป็นขนาดที่เล็กมาก โดยทั่วไปเรามักพบขนาด 10Pa ซึ่งเรียกว่า 1 bar ดังนั้น 100 Pa คือ 1 millibar

โดยหน่วยในการอ่าน แรงดัน จะมีคร่าวๆดังนี้

  • psi : ปอนด์ต่อตารางนิ้ว
  • kPa : กิโลปาสคาล
  • kg/cm2 : กิโลกรัมต่อตารางเซนติเมตร
  • cm of H2O : น้ำเซนติเมตร
  • inches of Hg : นิ้วปรอท
  • mm of Hg : มิลลิเมตรปรอท
  • inches of H2O : นิ้วน้ำ
  • atmospheres : บรรยากาศมาตรฐาน
  • bar : บาร์
  • mbar : มิลลิบาร์
  • Mpa : เมกะปาสคาล

ซึ่งชนิดของ ความดัน นั้น (Pressure type) จะแบ่งออกเป็น 4 ชนิด ดังนี้

  1. ความดันสัมบูรณ์ (Absolute Pressure)
  2. ความดันดิฟเฟอเรนเชียล (Differential Pressure)
  3. ความดันต่ำกว่าบรรยากาศหรือสุญญากาศ (Vacuum)
  4. ความดันเกจ (Gauge Pressure)

ความดันเกจ (Gauge Pressure) คือ ความดันที่ใช้วัดเปรียบเทียบกับ ความดัน ของบรรยากาศ ซึ่งถ้าต่ำกว่า ความดันบรรยากาศ ก็จะเรียกว่า ความดันเกจลบ (Negative Gauge Pressure หรือ Vacuum Gauge) แต่ถ้าสูงกว่า ความดัน ของบรรยากาศ ก็จะเรียกว่า ความดันเกจบวก (Positive Gauge Pressure)

โดยส่วนใหญ่นั้นในงานภาคอุตสาหกรรมจะบอกเป็นความดันเกจแทบทั้งสิ้น และความดันเกจตัวนี้จึงต้องมีเจ้าตัวเครื่องมือที่มาใช้วัดแรงดันที่เรากำลังจะมาทำความรู้จักก็ คือ เกจวัดความดัน (Pressure Gauge)

เกจวัดความดัน (Pressure Gauge) คือ เครื่องมือวัดที่สามารถนำมาใช้วัดค่าแรงดันสูง ต่ำ ได้ และควบคุมแรงดันภายในระบบการทำงานของเครื่องจักรต่างๆ ที่ใช้งานกันอย่างแพร่หลายในภาคอุตสาหกรรม รวมถึงตัวอุปกรณ์หรือเครื่องมือ ที่มีความเกี่ยวข้องกับแรงดันเกจ ซึ่งนิยมนำมาใช้งานกันในภาคอุตสาหกรรม โดยจะทำหน้าที่แสดงค่าแรงดันออกมาในรูปแบบหน่วยต่างๆได้ ซึ่งทำให้ผู้ใช้งานนั้นสามารถอ่านค่าที่แสดงผลเป็นทั้งแบบเข็ม หรือแบบดิจิตอล ที่หน้าปัดของตัวเกจและทราบถึงสถานะการทำงานได้ทันที และส่วนท้ายเป็นข้อต่อเกลียวไว้ต่อเข้ากับอุปกรณ์ต่างๆ ที่ต้องการอ่านค่าได้อีกด้วย ปัจจุบัน เกจวัดความดัน ทางผู้ผลิตจะมีการออกแบบ และให้เลือกใช้งานหลากหลายรูปแบบทั้งแบบอนาล็อกและแบบดิจิตอล ซึ่งทางผู้ใช้งานควรเลือกใช้เกจวัดความดันให้เหมาะสมกับการใช้งานในอุตสาหกรรมต่างๆ และใช้วัดค่าความดัน ใช้ควบคุม และอ่านค่าได้อย่างถูกต้องแม่นยำมากที่สุด

โดยเกจวัดความดัน จะแบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือ แบบดิจิตอลและแบบอนาล็อก

ซึ่งจะมีข้อดีและข้อเสียแตกต่างกันดังนี้

1. เกจวัดความดัน แบบดิจิตอล คือ จะมีการแสดงผลที่หน้าจออ่านเป็นแบบตัวเลขดิจิตอลซึ่งทำให้ผู้ใช้งานนั้นอ่านค่าได้ง่ายและแม่นยำกว่าแบบอนาล็อกซึ่งก็จะเหมาะกับงานที่ต้องการ การวัดค่าความดันที่มีความแม่นยำสูง นอกจากนั้นเกจวัดความดันแบบดิจิตอลในหลายรุ่นปัจจุบันทางผู้ผลิตได้ออกแบบมาให้สามารถเชื่อมต่อข้อมูลไปยังคอมพิวเตอร์ซึ่งจะทำให้สามารถอ่านค่าได้จากระยะใกล้และระยะไกลรวมถึงรูปแบบไร้สายด้วย และเก็บข้อมมูลย้อนหลังในการอ่านค่าแรงดันได้ด้วย และจะมีราคาที่ค่อนข้างสูงตามฟั่งชั่นการใช้งานต่างๆที่รวบรวมอยู่ในเกจวัดแบบดิจิตอลนั้นเอง

2. เกจวัดความดัน แบบอนาล็อก (แบบเข็ม)  คือ จะมีการแสดงผลที่หน้าจออ่านในรูปแบบที่เป็นเข็มที่คล้ายเข็มนาฬิกา ซึ่งการอ่านค่าในมุมของความแม่นยำนั้นก็จะมีปัจจัยในการคลาดเคลื่อนที่สูงกว่าแบบดิจิตอล เพราะในแต่ละมุมหรือองศาในการมองดูอ่านค่าก็ส่งผลต่อการคลาดเคลื่อนได้ แต่มีข้อดีก็คือ ราคาถูกกว่าแบบดิจิตอลมาก และอาจจะไม่ต้องการการบำรุงรักษามาก เมื่อเทียบกับเกจแบบดิจิตอล โดยเกจวัดความดันแบบอนาล็อกนั้นแบ่งแยกออกอีกเป็น 2 ประเภท คือ

2.1 เกจวัดความดันอนาล็อกแบบมีน้ำมัน คือ จะมีน้ำมันอยู่ที่หน้าปัดเข็มเพื่อที่จะช่วยลดการสั่นสะเทือนของเข็มในการอ่านค่าได้ ซึ่งทำให้อ่านค่าได้ดี แม้มีการสั่นสะเทือนสูงของเครื่องจักรหรือจุดใช้งานที่มีการสั่นสะเทือนได้ และยังเป็นตัวซับแรงทำให้เข็มอ่านค่าไม่ให้เกิดการคลาดเคลื่อนและเสียหายนั้นเอง

2.2 เกจวัดความดันอนาล็อกแบบไม่มีน้ำมัน คือ ที่หน้าปัดเข็มจะไม่มีน้ำมันอยู่ที่หน้าปัด จึงทำให้มีข้อจำกัดในการใช่งานค่อนข้างสูง ไม่เหมาะในจุดที่เครื่องจักรหรือจุดที่มีการสั่นสะเทือนต่างๆ อาจจะต้องเลือกจุดในการใช้งานที่ไม่มีการสั่นสะเทือนหรือมีเล็กน้อยเท่านั้นแต่มีข้อดีคือ ราคาถูก หาเลือกซื้อได้ง่าย

ที่กล่าวมาทั้งหมดนี้ผู้เขียนหวังท่านผู้อ่านจะได้ความรู้และได้ทำความรู้จักกับเจ้าตัว เกจวัดความดันมากขึ้น และสามารถเลือกใช้งานได้แบบเหมาะกับงานและตรงตามความต้องการของผู้ใช้งานเอง พร้อมทั้งต้องไม่ลืมส่ง สอบเทียบเครื่องมือวัด เป็นประจำ เพื่อการใช้งานได้อย่างถูกต้องแม่นยำครับ

 

ผู้เขียน THM Melo

 

Absolute Pressure นั้นแตกต่างจาก Pressure แบบอื่นยังไง พร้อมข้อควรระวังและการสอบเทียบ

บริการสอบเทียบความดันและสุญญากาศ

ขอใบเสนอราคา  ติดต่อเรา

พูดคุยกับเรา

 

ถอดรหัส Tubular inside Micrometer ไมโครมิเตอร์อีก 1 ชนิดที่ต้องรู้

Tubular inside Micrometer

หรือ ไมโครมิเตอร์วัดใน เป็นเครื่องมือวัดที่จัดอยู่ในกลุ่ม “ไมโครมิเตอร์” มีอยู่หลากหลายชนิดขึ้นอยู่กับการเลือกนำมาใช้งานให้ถูกประเภทตามความเหมาะสม โดย “ไมโคมิเตอร์” หลักๆแล้วที่ใช้งานกันอยู่ในปัจจุบัน จะมีอยู่ 3 ประเภท เช่น

ไมโครมิเตอร์ภายนอก (Outside Micrometer) : ออกแบบมาสำหรับวัดด้านนอกของวัตถุ – เส้นผ่านศูนย์กลางภายนอก           

ไมโครมิเตอร์ภายใน (Inside Micrometer) : วัดด้านในหรือเส้นผ่านศูนย์กลางภายใน

ไมโครมิเตอร์ความลึก (Depth Micrometer) : วัดความลึกของรูช่องหรือช่อง

“Tubular inside Micrometer” หรือ “ไมโครมิเตอร์วัดใน” จะมีทั้ง ดิจิตอลที่ทำการอ่านค่าหลังจากการวัดเป็นแบบตัวเลข และ อนาล็อก จะอ่านค่าจากสเกล แต่ “ไมโคมิเตอร์” ที่จะพูดถึงในบทความนี้จะเป็น  “Tubular Inside Micrometer” เป็น “ไมโคมิเตอร์” ประเภทแบบวัดในลักษณะของตัวเครื่องมือ มีลักษณะเป็นแบบแท่งตรงแล้วสามารถนำเอามาต่อด้ามเพื่อเพิ่มระยะความยาวในการใช้งานที่มีขนาดแตกต่างกันออกไปและตรงส่วนปลายสัมผัสเป็น “คาร์ไบด์” สามารถหมุนปลอกเพื่อตั้งค่าระยะตามที่ต้องการได้ เป็นเครื่องมือวัดที่มีระยะการวัดกว้างเพราะสามารถนำแกนหลายๆขนาดมาต่อกันได้หลังจากเลือกขนาดของแกนด้านที่จะนำมาต่อให้ได้ตามขนาดที่จะวัดแล้ว เมื่อต้องการหมุนเพื่อใช้งานควรหมุนไปให้ถูกด้านเพื่อให้ปลาย “คาร์ไบด์” แตะสัมผัสผิวชิ้นงานอย่างสนิท และตัว ROD ที่มีอยู่ภายใน SET ของ “Tubular inside Micrometer” ยังสามารถที่จะนำมาเช็คค่าเพื่อทำการออกใบ CER ได้อีกด้วย เพราะ แท่ง ROD สามารถนำเอามาต่อกับตัวหัวเครื่องมือวัด “Tubular inside Micrometer” เพื่อเพิ่มระยะในการวัดชิ้นงานได้และสามารถนำค่าที่เช็ค ROD ไปใช้ได้จริงว่าสอบเทียบเครื่องมือวัดเช็คค่าออกมาแล้วได้ค่าที่ชัดเจนแต่ละ ROD อยู่ที่เท่าไหร่

ข้อควรระวังในการใช้งาน

1.ควรตรวจสอบผิวสัมผัสแกนวัดอยู่เสมอ

2.ก่อนที่แกนวัดจะสัมผัสชิ้นงาน ควรหมุนแกนเครื่องมือวัดเลื่อนช้าๆเพื่อให้หัวแตะสัมผัสเบาๆ

 3.อย่านำตัว Tubular inside Micrometer ไปวัดชิ้นงานที่ร้อนเพราะจำทำให้ค่าวัดผิดพลาดและเครื่องมือชำรุดได้

4.อย่าเก็บไมโคมิเตอร์รวมไว้กับเครื่องมืออื่นแล้ววางทับกันเพราะอาจทำให้ตัวเครื่องมือชำรุดได้

การดูแลรักษา ไมโครมิเตอร์วัดใน

1.ควรลองเช็คหมุนแกนของตัว Tubular inside Micrometer อย่างสม่ำเสมอ ระวังอย่าทำตก

2.เช็ดทำความสะอาดเช็ดฝุ่นและคราบน้ำมันที่มาจากการวัดชิ้นงานหลังจากใช้งานทุกครั้ง

3.เก็บใส่กล่องให้เรียบร้อยใส่สารดูดความชื้นในกล่องเพื่อลดความชื้นเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดสนิม

 

ขอบข่ายในการออก ACCREDITED ของ บริษัท แคลิเบรชั่น แลบอราทอรี จำกัด ( CLC ) การส่ง สอบเทียบเครื่องมือวัด สามารถออก ACCREDITED ได้การรับรองมาตรฐาน ISO/IEC17025:2017

จาก สมอ (ประเทศไทย) และ ANAB (ประเทศสหรัฐอเมริกา)

 

สิ่งที่ผู้เขียนอยากให้ผู้อ่านได้นึกถึงความสำคัญของการ สอบเทียบเครื่องมือวัด

การส่งเครื่องมือสอบเทียบเพื่อตรวจสอบ เช็คค่า เพื่อให้แน่ใจว่าเครื่องมือที่เราใช้งานอยู่นั้นยังสามารถที่จะใช้งานได้ ต้องสอบเทียบแล้วยังได้ค่าที่เที่ยงตรง แม่นยำ ถูกต้องอยู่ เครื่องมือวัดอุตสหกรรมในโรงงานส่วนมากก็จะมีการส่งตรวจสอบ และ สอบเทียบเครื่องมือวัด โดยต้องให้มีความถูกต้องอยู่ในช่วงความคลาดเคลื่อนที่ยอมรับได้ (MPE) ที่ทางลูกค้าได้กำหนดไว้ เพื่อให้ได้มาตรฐาน

ผู้ใช้งานควรมีการกำหนดช่วงระยะเวลาในการดูแลบำรุงรักษาเครื่องมือแต่ละประเภทที่ผู้ใช้งานใช้งานอยู่ ระยะเวลาในการกำหนดขึ้นอยู่กับการใช้งานของทางผู้ใช้งานด้วย ถ้าใช้บ่อยก็ควรส่งสอบเทียบเพื่อดูค่าความคลาดเคลื่อนของตัวเครื่องมือบ่อยตาม ความหมายก็คือ กำหนด Due date กำหนดวันส่งเครื่องมือเข้าสอบเทียบ เช่น 3 เดือน/ครั้ง , 6 เดือน/ครั้ง , 1ปี/ครั้ง ควรสอบเทียบเครื่องมือก่อนนำมาใช้งาน ควรเลือกใช้บริการห้องการสอบเทียบที่ได้มาตราฐานและได้รับการรับรองความสามารถ Accredit
ตามมาตรฐาน ISO/IEC 17025:2017 การสอบเทียบเครื่องมือวัดมีความสำคัญต่อทุกๆโรงงานอุตสาหกรรมที่ยื่นทำระบบคุณภาพควรต้องมีระบบมาตรฐานคุณภาพที่ชัดเจนเพื่อสร้างความมั่นใจให้กับโรงงานสร้างประสิทธิภาพการผลิตและยกระดับมาตรฐานของผลิตภัณฑ์ ที่ได้ทำการผลิตออกไป

 

รูปแบบของ Tubular inside Micrometer ไมโครมิเตอร์วัดใน

ผู้เขียน Kaem Yui  

 

ประเภท ข้อควรระวัง และการสอบเทียบไมโครมิเตอร์วัดภายนอก (Outside micrometer)

 

บริการสอบเทียบด้านมิติ ดูสินค้าด้าน Dimension

ขอใบเสนอราคา    ติดต่อเรา

พูดคุยกับเรา

 

ห้ามพลาด ความรู้เรื่อง Pin Gauge แบบจุกๆ

Pin Gauge(พินเกจ)  สวัสดีครับ วันนี้เราจะแนะนำเครื่องมือวัดประเภทที่ใช้งานด้าน Dimension ที่หลายๆท่านเห็นและผ่านหูผ่านตาและเคยใช้งานมาอย่างแน่นอน และมีการใช้งานกันอย่างแพร่ในภาคอุตสาหกรรม เครื่องมือวัดชนิดนี้ พินเกจ คือ เครื่องมือวัดที่มีลักษณะเป็นรูปทรงที่มีรูปแบบเป็นแท่งเหมือนหมุดที่ถูกผลิตออกมาเป็นขนาดที่จำเพาะ และใช้วัสดุในการผลิตตัวเครื่องมือที่มีความทนทานเพื่อรับประกันถึงค่าความแน่นอนและยากต่อการคลาดเคลื่อน จุดประสงค์หลักของการใช้งาน เครื่องมือวัด พินเกจ คือ การใช้ตรวจสอบและใช้วัดเส้นผ่านศูนย์กลางของขนาดของรูและความกว้างของรูที่มีขนาดเล็กของชิ้นงานต่างๆว่าอยู่ในมาตรฐานการผลิตหรือไม่ และยังสามารถนำไปใช้งานสำหรับการวัดค่าเบี่ยงเบนทางเรขาคณิตของชิ้นงานต่างๆได้อีกด้วย

นอกจากนี้ พินเกจ ยังมีวัสดุหลากชนิดที่ใช้ในการผลิตให้ผู้ใช้งานได้เลือกใช้ตามการใช้งานตามความเหมาะสมของงานและชิ้นงานประเภทงานต่างๆได้ เช่น เหล็ก เซรามิก และ คาไบด์

คุณสมบัติของพินเกจ

ของวัสดุที่ผลิตแต่ล่ะประเภทมีดังนี้

  1. Steel คือพินเกจที่ใช้โลหะในการผลิตเครื่องมือแบบยุคต้นซึ่งจะเป็นวัสดุที่มีความแข็งแรงทนทานค่อนข้างสูง และเสียหายสึกหรอค่อนข้างยากมาก แต่ก็จะมีข้อเสียคือสามารถเกิดคราบสนิมง่ายจึงทำให้เกิดความเคลื่อนของเครื่องได้เช่นกัน
  2. Carbide คือพินเกจที่ใช้คาไบด์ในการผลิต ซึ่งคาไบด์จะมีความต้านทานการกัดกร่อนที่ยอดเยี่ยมและ อายุการใช้งาน นานกว่า เหล็กกล้า ประมาณ 20 ถึง 30 เท่า
  3. Ceramic คือพินเกจที่ใช้เซรามิกในการผลิต วัสดุชนิดนี้มีความสามารถทนต่อการขัดสีได้สูงมาก มากกว่าพินเกจที่ทําด้วยเหล็กถึง 10 เท่า การดูแลรักษาก็ง่ายไม่จําเป็นต้องมีการเคลือบสารป้องกัน สนิมหลังใช้งาน

วิธีการใช้งาน และการดูและรักษา Pin gauge

เบื้องต้นดังนี้

1.ควรใส่ถุงมือก่อนใช้งานเครื่องมือทุกครั้ง หลีกเลี่ยงการสัมผัส เครื่องมือวัด ด้วยมือเปล่า เพราะความชื้นจากผิวสัมผัสจากมืออาจจะทำให้เครื่องเกิดสนิม และทำให้ค่ามาตรฐานของเครื่องมือผิดเพี้ยนไปได้

2.ในขณะที่ใช้งานเครื่องมือวัด หากขนาดรูที่ต้องการวัดค่าไม่สามารถนำเครื่องมือใส่เข้าไปได้ ไม่ควรฝืนกดเครื่องมือลงไปเพื่อวัดหาค่า เพราะอาจทำให้ตัวเครื่องมือและชิ้นงานเกิดความเสียหายได้

3.หลังจากการใช้งานเครื่องมือแล้วเสร็จทุกครั้ง ควรทำความสะอาดและเคลือบด้วยสารน้ำยากันสนิมและเก็บเครื่องมือเข้ากล่องทุกครั้งเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดคราบสนิมและการสูญหายของเครื่องมือได้

4.เนื่องจากเครื่องมือชนิดนี้มีความสำคัญต่อการวัดชิ้นงานต่างๆค่อนข้างมากจึงมีความจำเป็นที่ต้องมีการสอบเทียบ (Calibration) อย่างสม่ำเสมอ เพื่อความแม่นยำในการวัดชิ้นงานให้ได้ตามมาตรฐานการผลิตของทางผู้ใช้งานเอง เพื่อทางผู้ใช้งานจะได้สามารถรู้ค่าความแม่นยำความถูกต้อง ว่าค่าที่วัดได้นั้นมีความถูกต้องตรงตามสเปคหรือไม่ หรือหากผิดเพี้ยนไปจากสเปคที่ทางผู้ใช้งานใช้วัดชิ้นงานนั้นทางผู้ใช้งานจะได้มีการแก้ไขก่อนที่จะนำไปใช้วัดกับตัวชิ้น เพื่อลดความเสียและผิดพลาดของทางผู้ใช้งาน

 

โดยทาง บริษัท แคลิเบรชั่น แลบอราทอรีจำกัด (CLC) มีให้บริการ สอบเทียบเครื่องมือวัด (Calibration) ด้านมิติหลากหลายประเภท รวมถึงพินเกจ ซึ่งทางบริษัทฯ ให้บริการ สอบเทียบเครื่องมือวัด (Calibration) ได้การรับการรับรอง ISO/IEC 17025:2017 จากสถาบัน สมอ. และ ANAB พร้อมทั้งยังมีบริการ รับส่งเครื่องมือวัด ฟรีอีกด้วย

 

THM_MELO

 

 

ประเภท ข้อควรระวัง และการสอบเทียบไมโครมิเตอร์วัดภายนอก (Outside micrometer)

 

บริการสอบเทียบด้านมิติ ดูสินค้าด้าน Dimension

ขอใบเสนอราคา    ติดต่อเรา

พูดคุยกับเรา

มัดรวมมาให้ครบ! Test Sieve ตะแกรงร่อน อุตสาหกรรม เข้าใจจบในบทเดียว

ตะแกรงร่อนคืออะไร?

ตะแกรงร่อน อุตสาหกรรม เป็นเครื่องมือวัดชนิดหนึ่งที่ใช้ในการกรองอนุภาคและคัดแยกวัตถุดิบขนาดต่างๆ โดยมีช่องเปิดที่มีขนาดรูและรูปร่างสม่ำเสมอ ติดตั้งบนโครงเหล็กสแตนเลสที่มีความแข็งแรงทนทาน ตะแกรงทดสอบประกอบด้วยลวดตะแกรงที่ยึดไว้ในโครงโลหะทรงกลมและมีหลายขนาด ตะแกรงร่อนส่วนมากใช้ในภาคอุตสาหกรรมเกือบทุกประเภทเพื่อทำการวิเคราะห์อนุภาคเช่น พลาสติก, วัสดุก่อสร้าง, วิศวกรรม, การเกษตร, ชีววิทยา, เคมี, เภสัชกรรม, ยา, อิเล็กทรอนิกส์, สิ่งแวดล้อม, การรีไซเคิล, อาหาร, ธรณีวิทยา, เซรามิก, เหมืองแร่และแก้ว เป็นต้น

ตะแกรงร่อนใช้สำหรับอะไร

ตะแกรงร่อนใช้สำหรับการแยกสารหรือวัตถุต่างชนิดออกจากกัน  เพื่อวิเคราะห์ขนาดของอนุภาคของแข็งหรือความละเอียด (fineness) โดยการร่อนผ่านของแข็งที่ทราบน้ำหนักไปบนชุดตะแกรงทดสอบ ซึ่งมีช่องขนาดต่างๆ กัน โดยจัดเรียงตะแกรงตามลำดับช่องที่ต้องการ ตะแกรงเหล่านี้อาจติดอยู่กับที่หรือเคลื่อนไหวได้

หน่วยการวัด จะใช้เป็นหน่วย mm (มิลลิเมตร) และ µm (ไมครอน)

ลักษณะและประเภทของตะแกรงร่อน (Test Sieve)

มาตราฐานของช่องตะแกรง (sieve) มี 2 ประเภทคือ

1.ตะแกรงแบบลวดสานมือ เกิดจากการนำลวดขนาดต่างๆ มาสานกันเป็นช่อง โครงรอบตะแกรงทำด้วยแสตนเลส หรือทองเหลือง โดยเส้นลวดที่ใช้สานนั้นทำมาจากแสตนเลส ความกว้างของช่องตะแกรงเรียกว่าเมช (mesh) ซึ่งหมายถึงจำนวนช่องของตะแกรงที่มีอยู่ในความยาว 1 นิ้ว เช่น ตะแกรงขนาด 10 เมช ในความยาว 1 นิ้ว จะมีช่องอยู่ 10 ช่อง และช่องหนึ่งจะมีความยาวกว้าง 0.1 นิ้ว หักออกด้วยขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางของเส้นลวด ดังนั้น เมชขนาดเดียวกัน อาจแตกต่างกัน ถ้าทำจากเส้นลวดที่ต่างกันจึงต้องบอกขนาดช่องหรือ Aperture Size ควบคู่กับขนาดเมชของตะแกรงด้วย

 

2. ตะแกรงแบบเจาะรูด้วยเครื่องจักร ช่องของตะแกรงมีลักษณะถูกเจาะรูผ่านโดยใช้เครื่องจักรเจาะซึ่งมีหลายขนาดและรูปทรง เช่นแบบรูกลม, กลมรีและสี่เหลี่ยม เป็นต้น
ตะแกรงร่อนประเภทนี้ ผลิตมาเพื่อใช้กับงานเฉพาะทาง ที่ต้องการอนุภาคได้ขนาดตามรูผ่าน โดยทั่วไปแล้ว อนุภาคที่มีเป็นรูปทรงหลายมิติ จะผ่านรูร่อนสี่เหลี่ยมได้ดี แต่ถ้าเป็นรูกลม 2 มิติ อนุภาคที่แตกย่อยหรือไม่กลมจะไม่สามารถร่อนผ่านได้ รูปทรงกลมรีหรือ 2 มิติเท่านั้นจึงจะร่อนผ่านได้ เช่น เมล็ดข้าวสารหอมมะลิ ถ้าเป็นเม็ดที่สมบูรณ์ สวยงาม

วัสดุที่ใช้ในการทดสอบ (Feed Materials)

  1. ผง (Powders) เช่นแป้ง ผงปูน ผงสี ทราย น้ำตาลเป็นต้น
  2. วัสดุปริมาณมวล (Bulk Material) หรือวัสดุที่มีขนาดเล็กชิ้นย่อยที่รวมกันเป็นปริมาณมากๆ เช่น หิน เมล็ดกาเฟ
  3. สารแขวนลอย (Suspension) หรือสารเนื้อผสมที่ประกอบด้วยอนุภาคเล็ก ๆ ของของแข็งซึ่งกระจายอยู่ในของเหลวหรือแก๊ส

วิธีการใช้งานและขั้นตอนการทดสอบตะแกรงร่อน

  1. ทำความสะอาดตะแกรงร่อนก่อนใช้งานทุกครั้งโดยใช้เครื่องเป่าลมเป่าไปที่ตะแกรง เพื่อนำเศษวัสดุต่างๆที่ติดอยู่หลุดออกไป
  2. จัดชุดตะแกรงโดยนำตะแกรงที่มีรูขนาดใหญ่สุดอยู่ด้านบนสุด ไล่ตามลำดับลงไปจนถึงขนาดเล็กสุดอยู่ด้านล่าง พร้อมชั่งน้ำหนักตะแกรงทั้งหมด
  3. นำตัวอย่างวัตถุดิบที่ต้องการทดสอบ เทลงในตะแกรงด้านบนสุด
  4. นำตะแกรงทั้งหมดไปติดตั้งบนเครื่องเขย่า
  5. เปิดเครื่องโดยใช้เวลาเขย่าอย่างน้อยประมาณ 10 นาที ของแข็งที่มีขนาดใหญ่เกินขนาด (Oversize) จะค้างอยู่บนตะแกรง ส่วนของแข็งที่เล็กเกินขนาด (undersize) จะลอดผ่านช่องตะแกรงไปได้
  6. เสร็จแล้วนำตัวอย่างที่ได้ไปชั่งน้ำหนัก
  7. จดบันทึกค่าผลลัพธ์ที่ได้

การวิเคราะห์ขนาดมวล (Sieve Analysis) ทำได้ 2 วิธี คือ

  1. แบบแห้ง (Dry)
  2. แบบใช้น้ำช่วย (Wet) ซึ่งจะเติมน้ำลงไปเพื่อช่วยให้ของแข็งที่มีขนาดเล็กลอดผ่านช่องตะแกรงได้ดีกว่าแบบแห้ง

 

ข้อควรระวังและคำแนะนำในการใช้งาน

  1. การใช้เครื่องเขย่า (Sieve Shaker) ทำให้ตะแกรงเคลื่อนไหวหรือสั่น จะช่วยให้การร่อนตัวอย่างมีประสิทธิภาพดียิ่งขึ้น และใช้เวลาที่น้อยลง
  2. ไม่ควรใช้ตัวอย่างมากจนเกินไปในการทดสอบในแต่ละครั้ง เพราะจะทำให้ร่อนยากและเป็นสาเหตุให้อุดตันตามรูช่อง และของแข็งรวมตัวเป็นก้อนทำให้ผลลัพท์ที่ได้ผิดเพี้ยนไป
  3. ตัวอย่างที่ใช้ทดสอบไม่ควรมีความชื้น
  4. ถ้าตัวอย่างจับกันเป็นก้อน ใช้ค้อนยางทุบให้แตกออกจากกัน ก่อนนำไปทดสอบ
  5. ทำความสะอากตะแกรงร่อนทุกครั้งหลังจากใช้งานแล้ว
  6. ควรนำเครื่องมือตะแกรงร่อนไปสอบเทียบประจำปี เพื่อตรวจสอบค่าความถูกต้องของเครื่องมือโดยทางห้องปฏิบัติการสอบเทียบ CLC สามารถสอบเทียบได้และได้รับการรับรอง Accredited 17025:2017

วิธีการ สอบเทียบเครื่องมือวัด และ Scope ที่ได้รับการรับรอง (Accredited 17025)

 ทางบริษัท แคริเบรชั่น แลบอราทอรี จำกัด สามารถสอบเทียบตะแกรงร่อนได้โดยใช้วิธีการสอบเทียบแบบ Direct measurement with Vision Auto measuring และได้รับการรับรอง Accredited ISO/IEC 17025:2017 ของ Scope ภายในประเทศจาก สมอ. และต่างประเทศ ANAB จากอเมริกา Range ที่ได้รับการรับรองมีดังนี้

Accredited TISI (สมอ.) หน้าที่ 17

Accredited ANAB หน้าที่ 22

ภาพตัวอย่างเครื่อง Vision Auto Measuring Machine ที่บริษัทฯ ใช้สอบเทียบ Test Sieve

Credited by Timnorton

 

 

การแบ่งประเภทและการดูแลรักษาไมโครมิเตอร์ทำอย่างไร

 

ขอใบเสนอราคา    ติดต่อเรา

บริการสอบเทียบด้านมิติ ดูสินค้าด้าน Dimension