คลังเก็บหมวดหมู่: บทความ

เคล็ดลับ วิธีการดูแลรักษาตลับเมตร (​ Steel Tape )

ถ้าพูดถึงตลับเมตรหรือ Steel Tape แทบไม่มีใครที่ไม่รู้จักเครื่องมือวัดชนิดนี้ มีใช้กันเกือบทุกอุตสาหกรรมและยิ่งในวงการของการวัดระยะ ยิ่งต้องรู้จักกันเป็นอย่างดีเพราะใช้วัดเพื่อบอกระยะในการทำงาน ซึ่งมีหลากหลายแบบตั้งแต่ตลับเมตรแบบธรรมดา ตลับเมตรดิจิตอล ไปจนถึงตลับเมตรเลเซอร์ ตัวตลับเมตรนี้มีจำหน่ายตามท้องตลาดทั่วไปไม่ว่าจะเป็น ร้านขายวัสดุก่อสร้างทั่วไป ร้านโฮมโปร ร้านไทยวัสดุ ในออฟฟิศเมท หรือจะหาซื้อตามร้านค้าออนไลน์ทั่วไปก็มีขายเช่นกัน มีหลากหลายแบรนด์ให้เลือก เช่น แบรนด์ Stanley และ Milwaukee เป็นผลิตภัณฑ์นำเข้ามาจากประเทศจากประเทศ USA ส่วนแบรนด์ Makita เป็นผลิตภัณฑ์นำเข้ามาจากประเทศมาเลเซีย และแบรนด์ของ SHINWA, SK, KDS, TAJIMA, PROMART และแบรนด์ TRUSCO ล้วนเป็นผลิตภัณฑ์นำเข้ามาจากประเทศญี่ปุ่นทั้งนั้น และวันนี้เราจะมาแนะนำตลับเมตรให้เพื่อนๆได้รู้จักเพิ่มมากขึ้นอีกสักนิดหนึ่งนะคะ ตามไปอ่านกันเลยค่ะ

ตลับเมตรที่เราจะนำมาพูดถึงในวันนี้เป็นตลับเมตรแบบธรรมดา เป็น เครื่องมือวัด ที่ใช้สำหรับในการวัดบอกระยะและขนาดของชิ้นงานนั้นๆ  เช่น ความกว้าง ความยาว ความสูง หรือแม้แต่ความหนาของชิ้นงานหรือวัสดุต่างๆ โดยตลับเมตรเป็นเครื่องมือวัดแบบพกพาที่มีลักษณะเป็นตลับทรงกลมหรือโค้งมน บางทีอาจเป็นลักษณะทรงสี่เหลี่ยม ภายในของตลับเมตรบรรจุสายวัดหรือเทปโลหะไว้อย่างดี โดยเทปวัดสามารถม้วนกลับเข้าตลับเมตรเองได้ เนื่องจากภายในมีกลไกสปริงในตัวที่สามารถดึงเทปกลับเข้ามาในตลับได้ทันที ส่วนปลายเทปเป็นตะขอเกี่ยวยื่นออกมาจากตลับที่ใช้สำหรับดึงและเกี่ยวยึดวัตถุหรือชิ้นงานได้ทันที ซึ่งลักษณะของตลับเมตรก็จะแตกต่างกันไปตามประเภทและรูปร่างของตลับเมตรนั้นๆ ตลับเมตรมีหน่วยการวัดเป็นหน่วยมิลลิเมตร (mm), เซนติเมตร(cm), เมตร(m) , นิ้ว(“) และฟุต (ft) กำกับไว้ ตลับเมตรที่มีจำหน่ายทั่วไป มีขนาดบรรจุสายวัดได้ความยาวไว้หลายขนาด เช่น ตลับเมตร 3 เมตร 5 เมตร 8 เมตร 10 เมตร ตัวตลับทำด้วยโลหะหรือพลาสติก  ส่วนแถบวัดทำด้วยเหล็กบางเคลือบสี ปลายของแถบวัดมีขอเกี่ยวเล็กๆ ติดอยู่ทำให้สะดวกในการนำติดตัวไปใช้งานในสถานที่ต่างๆ ตัวอย่างการใช้งานที่เหมาะกับตลับเมตรแต่ละขนาดก็เช่น สำหรับงานวัดเฟอร์นิเจอร์ โต๊ะ เก้าอี้ หรือตู้ที่มีขนาดเล็กต่างๆ เหมาะสมกับตลับเมตรขนาด 3 เมตร ที่เป็นตลับเมตรขนาดเล็กสามารถใช้วัดระยะได้แบบสั้นๆ มีขนาดที่เล็กกะทัดรัด น้ำหนักเบา สามารถพกพาใส่กระเป๋ากางเกงได้อย่างสะดวก ส่วนสำหรับการวัดเฟอร์นิเจอร์ ประตู หน้าต่าง หรือเฟอร์นิเจอร์ขนาดใหญ่มากขึ้นอีกนิด จะใช้ตลับเมตรขนาด 5 เมตร ซึ่งเป็นขนาดที่นิยมนำมาใช้งานมากที่สุดด้วยความยาวของตลับเมตรที่ไม่มากและไม่น้อยจนเกินไปทำให้หยิบจับใช้สอยง่าย ส่วนตลับเมตร 8 เมตร เป็นตลับเมตรที่ถูกออกแบบมาเพื่อใช้งานวัดระยะสำหรับงานขนาดใหญ่ งานก่อสร้างหรืองานช่างต่างๆ ด้วยความยาว 8 เมตรทำให้สามารถวัดระยะต่างๆได้อย่างสะดวก อีกทั้งยังมีขนาดที่เล็กกะทัดรัด ตัวตลับเมตรก็ถูกออกแบบมาให้มีสามารถพกพาได้ง่ายและสะดวกอีกด้วย

                                                         

วิธีการใช้งานตลับเมตร Steel Tape 

  1. ทำการดึงปลายสายวัดออกจากตลับ
  2. ให้นำส่วนที่เป็นตะขอไปเกี่ยวกับชิ้นงานที่ต้องการวัดขนาด
  3. เมื่อเกี่ยวตะขอเรียบร้อยแล้วก็ทำการยืดสายวัดออกไปให้เท่ากับระยะที่ต้องการ หลังจากนั้นก็ให้ทำเครื่องหมายเพื่อง่ายต่อการอ่านค่าหรือการกำหนดตำแหน่งสำหรับใช้งานต่อไป
  4. เมื่อต้องการวัดขนาดซ้ำอีกให้ทำการยืดสายวัดด้วยการเลื่อนปุ่มล็อกบนตลับเมตรเพื่อล็อคสายวัดไว้ก็จะง่ายและสะดวกต่อการวัดหลายๆครั้งเพราะไม่ต้องดึงสายวัดเข้าออกอีกหลายรอบ
  5. หลังใช้งานเสร็จแล้วให้ปลดล็อกและจัดเก็บสายวัดเข้าตลับให้เรียบร้อย การเก็บสายวัดให้ผ่อนแรงค่อยๆเก็บไม่ให้ดึงกลับเข้าตลับเร็วเกินไปเพื่อป้องกันการชำรุดเสียหาย

วิธีการดูแลรักษาตลับเมตร

  1. ก่อนและหลังการใช้งานต้องตรวจสภาพตลับเมตรทุกครั้งว่ามีสามารถใช้งานได้ปกติหรือไม่มีความเสียหายอะไรอยู่บนสายวัดไหม ถ้ามีความเสียหาย เช่น บิดเบี้ยว ขาด ตัวเลขเลือนขาดหาย ก็ไม่ควรนำมาวัดชิ้นงานเพราะจะทำให้ค่าคลาดเคลื่อนได้
  2. เมื่อใช้งานตลับเมตรเสร็จแล้วให้เช็ดทำความสะอาดและชโลมน้ำมันตรงชิ้นส่วนที่เป็นโลหะ เพื่อป้องกันการเกิดสนิมจะได้ใช้งานได้นาน
  3. หลีกเลี่ยงการใช้งานผิดวิธีและระมัดระวังของแข็งหรือของมีคมขูดบนหน่วยวัด เพราะอาจทำให้หน่วยวัดเลือนหายและส่งผลให้ค่าการวัดผิดพลาดได้
  4. การจัดเก็บตลับเมตรควรเก็บให้ไม่อยู่สภาพอุณหภูมิที่มีความร้อนสูง เพราะอาจทำให้เสื่อมสภาพเร็วขึ้นและอายุการใช้งานลดลงได้

เป็นอย่างไรกันบ้างคะสำหรับเรื่องตลับเมตร หรือ Steel Tape พอจะรู้จักกันบ้างแล้วนะคะ ถ้าเพื่อนๆ ท่านไหนสนใจอยากได้ไปใช้บ้างทาง บริษัท แคลิเบรชั่น แลบอราทอรี จำกัด ก็มีจำหน่ายด้วยนะคะ มาพร้อมกับใบรับรอง CERTIFICATE ACCREDIT ISO/IEC 17025:2017 สามารถติตต่อถามมาที่ฝ่ายขายของเราได้เลยค่ะ ครั้งหน้าจะพาเพื่อนๆ ไปรู้จักกับเครื่องมือตัวไหนรอติดตามกันได้เลยนะคะ แล้วเจอกันอีกในบทความครั้งต่อไป ขอบคุณค่ะ

ผู้เขียน Bew JJ.

 

 

 

จัดเต็ม THREAD PLUG GAUGE พร้อมความต่างระหว่าง PLUG GAUGE และ THREAD PLUG GAUGE

บริการสอบเทียบด้านมิติ ดูสินค้าด้าน Dimension

ขอใบเสนอราคา    ติดต่อเรา

พูดคุยกับเรา

 

วิธีใช้เครื่องวัดระดับน้ำเลือกใช้อย่างไรให้ถูกต้อง

7 ข้อดีของเครื่องชั่งแบบแขวน Digital Crane Scale

เครื่องชั่งดิจิตอลแบบแขวน (Digital Crane Scale) ที่แสดงค่าของน้ำหนักเป็นแบบตัวเลขที่เหมาะสำหรับการใช้งานในการชั่งสิ่งของในโรงงานอุตสาหกรรม ลักษณะโดยทั่วไปจะไม่แตกต่างกันมากนัก ขึ้นอยู่กับรูปแบบที่ทางผู้ผลิตออกแบบมา มักนิยมใช้กับรอกเหล็กเพื่อชั่งน้ำหนัก ชั่งสินค้าเรือประมง ชั่งสินค้าเกษตร ชั่งน้ำหนักสัตว์ มีความแข็งแรงทนทาน ซึ่งให้ความสะดวกทั้งเรื่องความรวดเร็วในการชั่งและความแม่นยำ ซึ่ง เครื่องมือวัด ประเภท เครื่องชั่งดิจิตอลแบบแขวนนี้ถูกนำมาใช้งานหลากหลายรูปแบบ และยังมีพิกัดการใช้งานให้เลือกใช้หลากหลาย ตั้งแต่หลักกิโลกรัมไปจนถึงหลักสิบตัน

การใช้งานเครื่องชั่งแบบแขวนโดยทั่วไปนั้นจะมีอยู่ 2 แบบ คือ

  1. การใช้งานโดยการติดตั้งกับคานและรอกเหล็ก ซึ่งใช้ภายในอาคารมีการติดตั้งถาวร
  2. การใช้งานโดยการติดตั้งกับรถเครน ซึ่งใช้ภายนอกอาคาร (สะดวกในการเคลื่อนย้าย)

ซึ่งข้อจำกัดในการใช้งานทั้ง 2 แบบก็ค่อนข้างต่างกันทั้งนี้ขึ้นอยู่กับความต้องการใช้งานในแต่ละส่วนงานนั้นๆ

ข้อดีของ เครื่องมือวัด ประเภท เครื่องชั่งแบบแขวน

  1. เคลื่อนย้ายได้สะดวกและรวดเร็ว
  2. หน้าจอแสดงผลเป็นตัวเลข LED จึงทำให้ใช้งานได้ง่ายและแม่นยำเนื่องจากอ่านค่าเป็นเลขดิจิตอลได้เลย
  3. ตัวเครื่องทำจากอลูมิเนียมหรือโลหะจึงมีความแข็งแรงทนทาน
  4. ทนต่อสภาพอากาศร้อนได้ดี
  5. ใช้งานในที่สูงได้ดี
  6. ดูแลรักษาง่าย
  7. บางรุ่นมีรีโมทสำหรับควบคุมเครื่องชั่งได้อีกด้วย

การ สอบเทียบเครื่องมือวัด เครื่องชั่งดิจิตอลแบบแขวน

เบื้องต้นสามารถทำได้ 2 วิธี

  1. สอบเทียบเครื่องมือวัด โดยใช้ตุ้มน้ำหนัก (Standard Weight)

  • ข้อจำกัดคือ จะต้องมีพาเลทสำหรับวางตุ้มน้ำหนักมาตรฐานให้เพียงพอ
  • Range สอบเทียบได้ค่อนข้างจำกัด ( น้อยกว่าวิธีที่ 2 )
  •  สามารถสอบเทียบได้ทั้งแบบ In lab และ Onsite
  1. สอบเทียบ เครื่องชั่งดิจิตอลแบบแขวน โดยใช้ Load Cell ดึงเพื่ออ่านค่าน้ำหนักที่ได้

  • ข้อจำกัด สอบเทียบได้เฉพาะ In lab เท่านั้น
  • สามารถสอบเทียบได้สูงสุดประมาณ 10 ตัน
  • ต้องทราบระยะความยาวของสลักด้านบนและสลักด้านล่าง

โดยต่อไปนี้จะพูดถึงเกี่ยวกับ
วิธีการ สอบเทียบเครื่องมือวัด โดยใช้ Load Cell ในการสอบเทียบ ขั้นตอนดังนี้คือ

  1. ต้องตรวจสอบเครื่องมือโดยเริ่มจากวัดระยะของสลักด้านบนและด้านล่างจะต้องมีขนาดไม่เกิน 70 cm
  2. ทำการติดตั้งตัวเครื่องชั่งดิจิตอลแบบแขวน (Digital Crane Scale) เข้ากับ Load Cell Standard
  3. Set Zero และดำเนินการ Set ค่าที่ต้องการวัด จากนั้นอ่านค่าเครื่องชั่งดิจิตอลแบบแขวนเทียบค่ากับ Load Cell Standard
  4. จดบันทึกค่าที่วัดได้

เห็นไหมล่ะคะว่าวิธีการสอบเทียบไม่ซับซ้อนเลย

การดูแลรักษา เครื่องชั่งดิจิตอลแบบแขวน (Digital Crane Scale)

  1. หมั่นทำความสะอาด และตรวจสอบตัวเลขดิจิตอลทุกครั้งก่อนและหลังใช้งาน
  2. ตรวจสอบอุปกรณ์จับยึด สลักที่ใช้ยึดทั้งด้านบนและด้านล่างทุกครั้ง เพื่อป้องกันการชำรุดเสียหาย
  3. หมั่นส่งเครื่องมือตรวจเช็คอย่างน้อยปีละ 1ครั้ง เพื่อยืนยันว่าเครื่องมือของท่านยังอ่านค่าได้ตรงอยู่

ทั้งนี้ทางห้องปฏิบัติการสอบเทียบของเราก็สามารถสอบเทียบได้ทั้ง 2 วิธีการที่กล่าวมา โดยได้รับการรับรอง ISO/IEC 17025:2017 (ANAB) หากท่านผู้อ่านสนใจวิธีการ สอบเทียบเครื่องมือวัด แบบใดก็สามารถขอคำปรึกษา หรือส่งสอบเทียบโดยสามารถติดต่อทาง บริษัท แคลิเบรชั่น แลบอราทอรี จำกัด ได้ทุกช่องทางเลยนะคะ

 

ผู้เขียน KATAI

 

 

ข้อดี 6 ประการของ Tuning Fork Sensor

ซื้อเครื่องชั่ง ราคาพิเศษ คลิก     บริการสอบเทียบด้านมวลและเครื่องชั่ง

ขอใบเสนอราคา    ติดต่อเรา

พูดคุยกับเรา

ถอดรหัสฟังก์ชั่นและคุณลักษณะ True-RMS Digital Multimeter

วันนี้เรามี เครื่องมือวัด ทางด้านไฟฟ้ามาแนะนำกันค่ะ เป็นเครื่องมือที่นิยมใช้กันอย่างแพร่หลายและเป็นที่นิยมกันมาก นั่นก็คือ Digital Multimeter  รุ่น Fluke 179

Fluke 179 เป็น เครื่องมือวัด ทางไฟฟ้าของยี่ห้อ FLUKE นำเข้ามาจากประเทศอเมริกา เป็นที่นิยมใช้กันมากในการวัดไฟฟ้าขั้นพื้นฐาน เหมาะกับการใช้ในงานอุตสาหกรรมทุกประเภท เช่น อุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิคส์ อุตสาหกรรมผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้า อุตสาหกรรมรถยนต์ อุตสาหกรรมทางด้านผลิตชิ้นส่วนและอีกหลายอุตสาหกรรม หรือจะนำไปใช้วัดในงานทั่วๆไปก็สามารถใช้งานได้ เช่น งานช่างไฟฟ้า งานช่างปรับอากาศ งานรับเหมา และงานอื่นๆ อีกมากมาย มีจุดเด่นในการใช้งานง่าย พกพาสะดวก มีความปลอดภัยและเชื่อถือได้ มีหลากหลายฟังก์ชั่น นอกจากคุณสมบัติพื้นฐาน เช่นวัด แรงดันไฟฟ้า (Voltage AC / DC), กระแสไฟฟ้า (Current AC / DC) และความต้านทาน (Ω) แล้ว Fluke 179 ยังมีฟังก์ชั่นพิเศษเพื่ออำนวยความสะดวกรวดเร็วในการทำงานอีกด้วย ตามไปดูกันเลยค่ะว่ามีฟังก์ชั่นการทำงานอะไรบ้าง

ฟังก์ชั่นและคุณลักษณะสำคัญ Fluke 179 True-RMS Digital Multimeter

  • ฟังก์ชั่นการวัดแรงดันไฟฟ้าและกระแสไฟฟ้า True RMS
  • ฟังก์ชั่นการวัดความถี่และการเก็บประจุ
  • ฟังก์ชั่นการวัดความต้านทาน ความต่อเนื่องและไดโอด
  • ฟังก์ชั่นการบันทึกค่าต่ำสุด/สูงสุด (Min/Max) และค่าเฉลี่ย

ทำให้สามารถรู้ค่าของจุดที่ต้องการวัดได้หรือทำให้รู้สาเหตุเมื่อเกิดเหตุการณ์ต่างๆ เช่น การเกิดแรงดันกระชาก หรือขณะเปิดสวิตซ์สามารถวิเคราะห์ค่าที่บันทึกไว้ได้ว่าเครื่องมือกินกระแสไฟมากน้อยเพียงใด

  • ฟังก์ชั่น AC ที่สามารถวัด AC แบบ TRUE RMS ได้ โดยมิเตอร์ทั่วไปที่ไม่ใช่ Fluke 179 กรณีที่แรงดันหรือกระแสไฟที่วัดไม่เป็นรูปซายน์ 100% จะวัดค่า TRUE RMS ผิดเพื้ยน ในตัวที่เป็นฟังก์ชั่น AC TRUE RMS นี้จะได้ค่าที่แม่นยำ แม้เรงดันในวงจรสวิตชิ่ง
  • ฟังก์ชั่นจอแสดงผล ในรุ่น Fluke 179 นี้จะมีจอแสดงผล 6000 จำนวนนับ ซึ่งจะสูงกว่าในรุ่นเดิมที่มีจอแสดงผลเพียง 4000 จำนวนนับเท่านั้น
  • ฟังก์ชั่น Backlight ในรุ่น Fluke 179 นี้จะมีฟังก์ชั่นมีไฟดูในที่มืด ซึ่งจะมีแสงสำหรับส่องจอแสดงผลเพื่อสะดวกในการทำงานในที่มืด หรือแม้แต่ในที่ที่มีแสงสว่างน้อยก็สามารถทำงานได้
  • มีความแม่นยำมาก : ที่ DC Basic Accuracy เท่ากับ 0.09%
    (ยกเว้นเฉพาะรุ่น 175 จะเท่ากับ 0.15%)
  • ฟังก์ชั่น CAT IV 600V/CAT III 1000V : มีระดับความปลอดภัยสูงสุดในมิเตอร์สำหรับงานไฟฟ้า
  • ฟังก์ชั่นโหมดปรับเรียบทำให้สามารถกรองอินพุตที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วได้
  • การสอบเทียบแบบปิดตัวเครื่องผ่านแผงด้านหน้า
  • เปลี่ยนแบตเตอรี่ได้ง่ายดายโดยไม่ต้องเปิดกระเป๋า
  • วัดได้เร็วกว่ามัลติมิเตอร์ชนิดอื่นถึงสองเท่า

Specifications หรือข้อมูลเฉพาะของ Fluke 179 Fluke 179 True-RMS Digital Multimeter

แรงดันไฟฟ้า DC

(Voltage DC)

 
ความแม่นยำ*  (Accuracy*)  ± (0.09%+2)
โหลดแบบเก็บประจุไฟฟ้า ความละเอียด (Resolution)  0.1 mV
สูงสุด (Maximum) 1000V
แรงดันไฟฟ้า AC

(Voltage AC)

 
ความแม่นยำ* (Accuracy*)  ± (1.0%+3)
โหลดแบบเก็บประจุไฟฟ้า ความละเอียด (Resolution)  0.1 mV
สูงสุด (Maximum) 1000V
กระแสไฟฟ้า DC

(Current DC)

 
ความแม่นยำ* (Accuracy*)  ± (1.0%+3)
โหลดแบบเก็บประจุไฟฟ้า ความละเอียด (Resolution)  0.01 mA
สูงสุด (Maximum)  10 A
กระแสไฟฟ้า AC

(Current AC)

 
ความแม่นยำ* (Accuracy*)  ± (1.5%+3)
โหลดแบบเก็บประจุไฟฟ้า ความละเอียด (Resolution)  0.01 mA
สูงสุด (Maximum)  10 A
ความต้านทาน

(Resistance)

 
ความแม่นยำ* (Accuracy*)  ± (0.9%+1)
โหลดแบบเก็บประจุไฟฟ้า ความละเอียด (Resolution)  0.1 Ω
สูงสุด (Maximum)  50 MΩ
การเก็บประจุ

(Capacitance)

 
ความแม่นยำ* (Accuracy*)  ± (1.2%+2)
โหลดแบบเก็บประจุไฟฟ้า ความละเอียด (Resolution)  1 nF
สูงสุด (Maximum)  10,000 µF
ความถี่

(Frequency)

 

 

ความแม่นยำ* (Accuracy*)  ± (0.1%+1)
โหลดแบบเก็บประจุไฟฟ้า ความละเอียด (Resolution)  0.01 Hz
สูงสุด (Maximum)  100 kHz
อุณหภูมิ

(Temperature)

 
179 – ความแม่นยำ* (Accuracy*)  ± (1.0%+10)
โหลดแบบเก็บประจุไฟฟ้า ความละเอียด (Resolution)  0.1°C
ช่วง (Range)  -40°C/400°C
หมายเหตุ *ค่าความแม่นยำเป็นค่าความแม่นยำสูงสุดสำหรับแต่ละฟังก์ชัน

ข้อควรสังเกต

โหมดพักของแบตเตอรี่ : เป็นการประหยัดพลังงานของแบตเตอรี่ หากไม่มีการเปลี่ยนแปลงการทำงาน หรือไม่มีการกดปุ่มใดๆ เป็นเวลานานประมาณ 20 นาที ตัวเครื่องจะเข้าสู่ “โหมดพัก” และจอแสดงผลจะว่างเปล่า และถ้าหากต้องการใช้งานต่อให้กดปุ่มสีเหลืองค้างไว้ ขณะที่เปิดใช้เครื่องมือ โหมดประหยัดพลังงานจะไม่ทำงานเมื่อ เครื่องมือวัด อยู่ในโหมด MIN, MAX, AVG และ AutoHOLD

สุดท้ายนี้หวังว่า ผู้อ่านจะได้ประโยชน์ในการเลือกซื้อ เลือกใช้ เครื่องมือวัด ด้านไฟฟ้า Digital Multimeter  รุ่น Fluke 179 บ้างไม่มากก็น้อยนะคะ หรือหากเพื่อนๆท่านไหนสนใจต้องการสั่งซื้อ Digital Multimeter  รุ่น Fluke 179 นี้
ทางบริษัท แคลิเบรชั่น แลบอราทอรี จำกัด ของเราก็มีจำหน่ายด้วยนะคะ พร้อมกับใบรับรอง Certificate ACCREDIT ISO/IEC 17025:2017 ด้วยค่ะ และสามารถส่ง สอบเทียบเครื่องมือวัด ได้เช่นกัน สนใจติดต่อเข้ามาที่ฝ่ายขายของเรากันได้เลยนะคะ แล้วอย่าลืมติดตามกันในครั้งต่อไปด้วยนะคะว่าเราจะแนะนำเป็นเครื่องมือวัดเครื่องมือไหนอีก วันนี้ขอบคุณค่ะ

 

ผู้เขียน Suphanun BDS

 

 

ไฟฟ้าสถิตมีทั้งข้อดีและข้อเสีย ทำความรู้จักกับเครื่องมือวัดไฟฟ้าสถิตกัน


ขอใบเสนอราคา   ติดต่อเรา 

พูดคุยกับเรา

 

ทำไม? ต้องทดสอบ ประแจปอนด์

เครื่องทดสอบ ประแจปอนด์ (Torque Wrench Tester)

Torque Wrench Tester เป็นเครื่องมือวัดทดสอบประแจปอนด์ (Torque Wrench) ก่อนการใช้งานว่าประแจปอนด์นั้นตั้งค่าอยู่ที่เท่าไหร่ ตรงกับที่ใช้งานหรือไม่ เช่น เราตั้งประแจปอนด์ไว้ที่ 20 Nm ก่อนหยิบไปใช้งานเราก็เอามาเช็คกับเครื่อง Torque Wrench Tester ก่อนว่าค่าที่ได้นั้นยังตรงอยู่ เพื่อที่เราจะได้นำไปใช้งานได้อย่างถูกต้อง ขันแรง บิดแรงเท่ากับที่เราต้องการจะหมุนจริงๆ ซึ่งในภาคอุตสาหกรรมโดยเฉพาะโรงงานประกอบชิ้นส่วนรถยนต์ โรงงานประกอบชิ้นส่วนมอเตอร์ไซค์ หรืองานวัสดุอุตสาหกรรมและเครื่องจักร เครื่องมือวัดนี้จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องมี เพราะเจ้าหน้าที่ที่ใช้งานเครื่องมือ ประแจปอนด์ (Torque Wrench) จำเป็นต้องเช็คเครื่องมือก่อนการใช้งาน เพราะถ้าเราไม่เช็คเครื่องมือก่อนใช้อาจทำให้ค่าที่เราจะหมุนหรือขันบิดนั้นผิดเพี้ยนไปได้

เครื่องทดสอบ ประแจปอนด์ (Torque Wrench Tester) แบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือ

  1. เครื่องทดสอบประแจปอนด์แบบอนาล็อค (Analog Torque Wrench Tester) จะมีหน้าจอเป็นแบบเข็มบนหน้าปัด
  2. เครื่องทดสอบประแจปอนด์แบบดิจิตอล (Digital Torque Wrench Tester) จะมีหน้าจอเป็นแบบดิจิตอลที่หน้าจออ่าน

ซึ่ง เครื่องมือวัด ทั้ง 2 ประเภทไม่แตกต่างกันมากนัก ข้อดีของแบบระบบดิจิตอล ก็จะอ่านค่าได้ง่ายและสะดวกกว่า การใช้งานได้ง่ายกว่า เพราะจอแสดงผลบอกค่าที่ชัดเจน ไม่ต้องอ่านค่าตามเข็มที่หน้าปัด ซึ่งต้องใช้ความชำนาญในการอ่าน มีข้อเสียที่ราคาเครื่องมือวัดก็จะสูงกว่าแบบอนาล็อค อาจจะต้องเสียบปลั๊กเพื่อใช้งานในบางรุ่น ทำให้จุดที่ใช้งานมีข้อจำกัดว่าเพราะต้องมีปลั๊กเสียบ แต่ถ้าข้อดีของแบบอนาล็อคก็จะสามารถเคลื่อนย้ายได้สะดวก นำไปใช้งานในที่ใดก็ได้

เราจำเป็นที่ต้องส่ง สอบเทียบเครื่องมือวัด ทุกเครื่องมือที่เราใช้วัดชิ้นงาน เพราะเป็นการยืนยันว่าเครื่องมือที่เราใช้วัดนั้นค่าที่แสดง, อ่านค่ายังตรงอยู่ เพื่อเป็นการการันตีว่าเครื่องมือนั้นยังเที่ยงตรง เพียงพอที่จะนำไปวัดชิ้นงานของเรา ก็จะให้ค่าที่แม่นยำ หากเราไม่สอบเทียบ เราจะไม่รู้เลยว่าค่าที่เครื่องอ่านนั้นตรงจริงๆ ก็อาจทำให้ค่าที่เราอ่านได้มันไม่ผิดเพี้ยนไปได้ และมีผลต่อการประกอบชิ้นงานในที่สุด เช่น หากนำไปขันน๊อตต่างๆที่แรงไม่ได้ตามที่มาตรฐานโรงงานกำหนด ก็ทำให้เกิดความเสียหายต่องานได้

ในการสอบเทียบเอง CLC สามารถ สอบเทียบเครื่องมือวัด ดังกล่าวได้ และได้รับการรับรอง ISO/IEC 17025:2017 ทั้งของในประเทศไทยอย่าง TISI และต่างประเทศอย่าง ANAB (สหรัฐอเมริกา)

โดยแรงบิดที่ทาง CLC สอบเทียบได้และได้รับการรับรองนั้นอยู่ที่ 2-1000 N×m

 

 

วิธีการตรวจเช็ค เครื่องมือทดสอบประแจปอนด์ ก่อนการสอบเทียบ

  1. ตรวจเช็คเครื่องมือว่ามีอุปกรณ์ เช่น คาน, JIG หรือไม่
  2. ตรวจเช็คเข็มว่าเข็มหมุนเต็ม Range หรือไม่ เข็มหักหรือไม่ หมุนกลับไปที่ศูนย์หรือไม่
  3. ตรวจเช็คกายภาพของเครื่องมือว่า แตก หัก เสียหาย หน้าจอแตกหรือไม่
  4. กรณีเป็นเครื่องมือแบบหน้าจอดิจิตอล ตรวจเช็คว่าเครื่องมือเปิดติดหรือไม่
    มี Adaptor หรือสายชาร์จมาหรือไม่ รางถ่านมีสนิมหรือไม่
  5. ทำความสะอาดเครื่องมือด้วยผ้าสะอาดก่อนทำการสอบเทียบ

ข้อควรระวังในการใช้งานเครื่องมือวัด

  1. ไม่ควรใช้กับแรงที่เกินขีดความสามารถของเครื่องมือ เพราะจะทำให้เครื่องมือเสีย
  2. ไม่ควรเสียบที่ชาร์จค้างไว้ตลอดการใช้งานเพราะจะทำให้แบตเตอรี่เสื่อมได้ง่าย
  3. ไม่ควรให้น้ำเข้าเครื่อง อาจทำให้เครื่องช๊อตได้
  4. ควรติดตั้งเครื่องมือให้มีพื้นที่ที่เหมาะสมกับการใช้งาน ไม่แคบจนเกินไป

และที่สำคัญควรส่ง สอบเทียบเครื่องมือวัด Torque Wrench Tester เป็นประจำทุกปี เพื่อตรวจเช็คว่าค่าที่อ่านได้นั้นยังเที่ยงตรงอยู่ และที่ CLC มีจำหน่ายเครื่อง Torque Wrench Tester ยี่ห้อชั้นนำอย่าง TONE, TOHNICHI ทั้งแบบ DIGITAL และ ANALOG

ผู้เขียน จุ๊บจิ๊บ วีไอพี

 

สอบเทียบเครื่องมือด้าน Torque&Force    สินค้าด้าน Torque&Force

ขอใบเสนอราคา   ติดต่อเรา 

พูดคุยกับเรา

 

 

 

ใช้งานง่ายแบบที่คุณอาจะยังไม่รู้ Digitorqon DBDT Series

รู้หรือไม่ Rotameter คืออะไร มีหลักการทำงานอย่างไร

สวัสดีครับ วันนี้เราจะมาทำความรู้จักกับเครื่องมือ Rotameter ที่เป็นอุปกรณ์ที่ใช้วัดอัตราการไหล (flow measurement) อีกรูปแบบหนึ่งซึ่งมีการใช้งานกันอย่างแพร่หลายในหลายภาคอุตสาหกรรม

คุณลักษณะทั่วไปของ เครื่องมือวัด โรตามิเตอร์ 

มีรูปแบบเป็นท่อหลอดแก้วหรือวัสดุโปร่งใสก็ได้ และมีลักษณะเป็นรูปแบบทรงกรวย จะติดตั้งการใช้งานในแบบแนวตั้งมีอุปกรณ์ภายในเป็นลูกลอย (float) ในส่วนของลูกลอยนั้น ก็จะมีลักษณะหลายรูปทรง เช่น แบบกลม แบบสามเหลี่ยม หรือรูปไข่ก็เป็นได้ มักใช้วัสดุในการผลิตเป็นทองเหลืองหรือสแตนเลส หรืออาจยังมีการใช้พลาสติกชนิดพิเศษที่สามารถผลิตเป็นลูกลอยได้ โดยลูกลอยนั้นจะสามารถเคลื่อนที่ขึ้น ลงได้อย่างอิสระตามอัตราการไหลของของเหลวหรือของก๊าซที่ไหลผ่านในหลอดแก้ว

 

ลักษณะการทำงานของโรตามิเตอร์

เมื่อมีการไหลผ่านของก๊าซหรือของเหลวภายในท่อของหลอดแก้วในแนวตั้งของเส้นผ่านศูนย์กลางที่เพิ่มขึ้น จะทำให้ลูกลอยยกตัวเพิ่มขึ้นหรือลดลงตามอัตราการไหลของของเหลวหรือก๊าซที่ไหลผ่านท่อเข้ามา  ลูกลอยจะยกตัวเพิ่มขึ้นเมื่อมีอัตราการไหลสูง เพราะลูกลอยจะถูกบังคับให้หาเส้นผ่าศูนย์กลางระหว่างตัวลูกลอยเองกับด้านนอกของหลอดเพื่อรองรับแรงของอัตราการไหล เมื่ออัตราการไหลลดลง แรงโน้มถ่วงจะช่วยให้เกิดการลอยตัวเพื่อหาสมดุลที่สามารถจับคู่ลูกลอยกับสเกลเชิงเส้นที่อยู่ภายใน ในการใช้สำหรับอ่านค่าอัตราการไหลได้ เมื่อลูกลอยลอยขึ้นหรือลูกลอยตกลงนั้น ตัวลูกลอยจะเกิดการหมุนบนแกนของตัวมันที่ลอยมา การอ่านสามารถอ่านได้จากสเกลเชิงเส้นภายในหลอดโปร่งใส ที่ซึ่งนำมาจากกึ่งกลางของรูปร่างของลูกลอย หรือส่วนบนสุดของทุ่นลูกลอยตามทิศทางในคู่มือของแต่ละอุปกรณ์นั้นๆ หรือบริษัทผู้ผลิตมักจะผลิตลูกลอยที่เป็นสีสดใสก็เพื่อที่จะให้ผู้ใช้งานได้สังเกตและสามารถตรวจสอบได้อย่างง่ายดายนั้นเอง ในเมื่อมันถูกออกแบบมาเพื่อใช้ประโยชน์นั้น ในด้านทางวิทยาศาสตร์เรียกว่าหลักการพื้นที่ผันแปร ซึ่งจะช่วยให้การลอยตัวของลูกลอยให้สามารถหาสมดุลระหว่างการผลักขึ้นของอัตราการไหลของของเหลวหรืออัตราการไหลของก๊าซ และเมื่อมีอัตราการไหลก็จะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงการลอยตัวของลูกลอย ทำให้มีการเพิ่มขึ้นหรือลดลงตามการตอบสนอง เมื่ออัตราการไหลตกลงสู่สมดุลใหม่ของอัตราการไหลกับแรงโน้มถ่วง สเกลเชิงเส้นภายในท่อนั้นจะแสดงผลอยู่ในช่วง  0% ถึง 100%
โดยปกติ เครื่องมือวัด ประเภทนี้ ส่วนใหญ่นั้นจะมีแผนภูมิของการแปลงสำหรับของเหลวหรือก๊าซ  ที่จะสามารถใช้ตรวจสอบความถูกต้องของอัตราการไหลของของเหลวหรือก๊าซ

โรตามิเตอร์ ยังมีการออกแบบมา ในรูปแบบการอ่านค่า ในแบบดิจิตอลอีกด้วย เพื่อให้การอ่าค่าอัตราการไหลได้ง่ายและชัดเจนในความถูกต้องมากขึ้น ในรูปแบบดิจิตอลยังมีความสามารถเพิ่มมากขึ้นไปจนถึงการอ่านค่าอื่นๆได้อีก เช่น ค่าอุณหภูมิ ขึ้นอยู่กับบริษัทผู้ผลิตจะออกแบบมาให้ใช้งานได้ครบวงจรมากยิ่งขึ้น และในบางประเภทยังสามารถอ่านค่าการไหลภายใต้แรงกดดันที่แตกต่างกันได้อีกด้วย

ข้อดีของ โรตามิเตอร์

  1. เหมาะกับการใช้งานวัดอัตราการไหลของเหลวและก๊าชที่ลักษณะการใช้งานในแนวดิ่งหรือแนวตั้ง (Vertical) ที่จะมีลักษณะการไหลของของเหลวจากด้านล่างสู่ด้านบน ราคาประหยัดจับต้องได้และยังใช้งานง่าย สะดวกในการอ่านค่า ในส่วนเรื่องของความแม่นนั้น จะถือว่าอยู่ในระดับดีพอใช้ได้
  2. ข้อดีอีกหนึ่งอย่างคือสามารถอ่านค่าได้โดยตรงแบบทันที(เรียลไทม์) จากดูระดับลูกลอยบนสเกลเห็นการเปลี่ยนแปลงทันที วิธีอ่านค่าก็ใช้สายตาดูที่ระดับความสูงสุดของลูกลอยบนสุดเทียบกับขีดสเกลบนตัว เครื่องมือวัด ก็จะได้ค่าอัตราการไหลของของเหลวหรือก๊าซนั้น 
  3. มีให้เลือกใช้งานหลากหลายรูปแบบ มีทั้งแบบ Acrylic tube, Glass tube และ Metal tube สามารถเลือกใช้งานตามความเหมาะสมในการใช้งาน
  4. การติดตั้งและดูแลรักษาง่าย จากโครงสร้างที่เรียบง่าย ชิ้นส่วนเครื่องมือไม่มีความซับซ้อน ทำให้การบำรุงรักษาก็น้อยตามไปด้วย
  5. ค่าใช้จ่ายตลอดอายุการใช้งานถูก ใช้งานได้โดยไม่ต้องใช้ไฟเลี้ยง ดูแลรักษาน้อย อะไหล่ก็มีไม่กี่ชิ้น ทำให้ทำความสะอาดง่าย และเหมาะกับจุดอ่านค่าหน้างานหลายจุด เพราะสามารถกระจายติดตั้งหลายที่โดยงบไม่บานปลาย
  6. โรตามิเตอร์เป็นเครื่องมือวัดที่สเกลอ่านง่ายเพราะอาศัย “หลักการพื้นที่ผันแปร” ท่อจะค่อยๆ กว้างขึ้นเป็นทรงกรวย ส่วนลูกลอยก็ออกแบบมาให้ระยะที่ลูกลอยลอยตัวสัมพันธ์กับอัตราการไหลแบบเกือบเป็นเส้นตรง พอของไหลมากขึ้นลูกลอยก็ลอยสูงขึ้นตาม ทำให้เรามองสเกลแล้วตีความได้ทันที  

    เทคนิคอ่านให้แม่นคือยืนให้ระดับสายตาอยู่แนวเดียวกับตำแหน่งลูกลอยเสมอ อ่านให้ตรงโดยดูจากคู่มือรุ่นนั้นๆ ว่าควรดู “กึ่งกลางลูกบอล” หรือ “ขอบบนของลูกลอย” อีกเรื่องที่สำคัญละเลยไม่ได้คือต้องรู้ว่าสเกลจะแม่นเมื่อสภาพของไหลใกล้เคียงกับตอนที่ผู้ผลิตสอบเทียบมา ถ้าความหนืดหรือความหนาแน่นเปลี่ยนไปมาก ค่าที่อ่านอาจเพี้ยน จึงควรใช้สเกลที่ออกแบบมาสำหรับของไหลนั้นๆ หรือไม่ก็ชดเชยหรือสอบเทียบใหม่ตามความเหมาะสม (บางรุ่นทำสเกลเป็นเปอร์เซ็นต์ 0–100% เพื่อดูแนวโน้มเร็ว ๆ แล้วค่อยเอาค่าที่อ่านไปแปลงเป็นหน่วยจริงอย่าง L/min หรือ Nm³/h) ด้วยสเปกหรือกราฟของผู้ผลิต

 

Ref. yokogawa.com

ข้อควรระวังในการใช้งานโรตามิเตอร์ (Rotameter)

  1. ควรเลือกใช้และศึกษาประเภทของและประเภทของตัว โรตามิเตอร์ ให้เหมาะกับลักษณะการใช้งานเพื่อจะได้เกิดประโยชน์สูงสุดในการใช้งาน
  2. ควรศึกษาคู่มือจากผู้ผลิตให้ละเอียดและครบถ้วนเพื่อป้องกันการใช้งานผิดประเภทและเกิดข้อพิดพลาดในการใช้งานและเพื่อใช้งานโดยได้ประโยชน์สูงสุด
  3. ห้ามดัดแปลงเครื่องมือนอกเหนือจากที่บริษัทผู้ผลิตกำหนด เพื่อป้องกันการใช้งานไม่ให้เกิดความผิดพลาดในการวิเคราะห์จากผู้ใช้งาน
  4. ควรระวังการใช้งาน การวัดแรงดันไม่ให้เกินจุดสูงสุดของการใช้งาน (Over Range)

ของเครื่องมือเพื่อป้องกันการเสียหายของเครื่องมือ

  1. ควรมีการทวนสอบหรือ สอบเทียบเครื่องมืออย่างสม่ำเสมอหรืออย่างน้อย 1 ปีต่อครั้ง เพื่อความแม่นยำในการอ่านค่าและวิเคราะห์งานของทางผู้ใช้งาน

**สุดท้ายนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดนั้นก็คือ ความสมบูรณ์ ค่าความถูกต้องและความแม่นยำของเครื่องมือที่โรตามิเตอร์มีความสำคัญที่สุด ถามว่าต้องทำอย่างไรนั้น

 

วิธีตรวจสอบความสมบูรณ์แม่นยำของเครื่องมือโรตามิเตอร์

ทางผู้ใช้งานสามารถตรวจสอบด้วยวิธีดังต่อไปนี้ คือ เมื่อซื้ออุปกรณ์ โรตามิเตอร์ (Rotameter) มาติดตั้งแล้วเสร็จนั้น ทางผู้ใช้งานเองจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องส่ง เครื่องมือวัดสอบเทียบ (Calibration)  เพื่อให้ทางผู้ใช้งานนั้นจะได้สามารถรับรู้ถึงค่าความแม่นยำและความถูกต้อง ว่าค่าที่เครื่องมือแสดงผลที่สเกลหรือจอแสดงผลนั้นมีความถูกต้องตรงตามสเปคหรือไม่ หรือหากมีค่าที่ผิดเพี้ยนไปจากสเปคที่ทางผู้ใช้งานใช้วัดอัตราการไหลของของเหลงหรือก๊าซนั้น ทางผู้ใช้งานจะได้มีการแก้ไขก่อนที่จะนำไปใช้สู่กระบวนการผลิต  เพื่อป้องกันลดความเสียหายและการเกิดความผิดพลาดของทางผู้ใช้งานเอง

โดยทาง บริษัท แคลิเบรชั่น แลบอราทอรีจำกัด (CLC) มีให้บริการ สอบเทียบเครื่องมือวัด (Calibration) เครื่องโรตามิเตอร์ และเครื่องที่ใช้วัดอัตราการไหลของของเหลวหรือก๊าซอีกหลากหลายประเภท โดยเฉพาะเครื่องมือโรตามิเตอร์ ซึ่งทางแคลิเบรชั่น ให้บริการสอบเทียบ (Calibration) ในรูปแบบรับส่งเครื่องมือฟรีและการบริการ Onsite Service
และได้การรับการรับรองมาตรฐาน ISO/IEC 17025:2017 จากสถาบัน  ANAB

 

Ref.

Yokogawa

ITM Instuments INC

AZO Materials

 

ผู้เขียน Melo THM

บริการสอบเทียบ Flow

ขอใบเสนอราคา    ติดต่อเรา

พูดคุยกับเรา

 

 

 

MASS FLOW METER คืออะไร

จัดเต็ม THREAD PLUG GAUGE พร้อมความต่างระหว่าง PLUG GAUGE และ THREAD PLUG GAUGE

เกจวัดเกลียวใน (Thread Plug Gauge)

THREAD PLUG GAUGE เป็นเครื่องมือวัดที่ใช้สำหรับวัดขนาดรูและระยะพิตช์ของเกลียวด้านในรู

ลักษณะของตัวเกจวัดเกลียวใน จะมี 2 ฝั่ง คือ

  1. ฝั่ง GO หรือ ฝั่ง GP (GO PLUG)
  2. ฝั่ง NOGO หรือ ฝั่ง NP ( NOGO PLUG)

ส่วนมากจะนำไปวัดขนาดของเกลียวโดยที่ตัว เกจวัดเกลียวในจะมีปลายเกลียวอยู่ 2 ด้าน เพื่อเอาไว้ตรวจสอบว่าเกลียวของตัวชิ้นงานนั้นยังอยู่ใน SPEC หรือไม่ โดยลักษณะของตัว เกจวัดเกลียวใน ด้านที่มีเกลียวยาวจะเป็นด้าน GO คือ ผ่าน และในส่วนของปลายด้านเกลียวสั้นนั้นจะเป็นด้าน NO GO  คือ ไม่ผ่าน

วิธีการใช้งานของเกจวัดเกลียวใน 

โดยทั่วไปเมื่อหมุน เกจวัดเกลียวในฝั่งทางด้าน GO เข้าไปแล้ว มันจะสามารถหมุนได้ตลอดความยาวของเกลียวแต่ เมื่อหมุนเกจวัดเกลียวในฝั่งทางด้าน NOGO จะสามารถหมุนได้ไม่เกิน 2 รอบของเกลียว สำหรับทุกครั้งที่มีการใช้งานควรตรวจสอบเกลียวในของชิ้นงานก่อนเสมอ เทคนิคง่ายๆในการสังเกต คือ ฝั่ง GO มันจะสามารถหมุนได้ตลอดความยาว (OK) และ ทางด้าน ฝั่ง NOGO มันจะสามารถหมุนได้ไม่เกิน 2 รอบ (OK) และโดยหลักสิ่งที่ควรดูและสังเกต คือ มุมเกลียว และ ระยะเกลียว

ข้อควรระวังในการใช้งาน เกจวัดเกลียวใน 

  • ไม่ควรนำตัวเกจวัดเกลียวในไปใช้งานผิดประเภท เช่น นำเอาเกจวัดเกลียวในฝั่ง GO หรือ NO GO ใช้งานสลับด้านกันเพราะอาจทำให้ตัวเกลียวของเกจเกิดการชำรุดเสียหายได้ และตัวชิ้นงานก็อาจจะเสียหายได้เหมือนกัน
  • ก่อนจะนำตัวเกจวัดเกลียวหมุนเข้าไปในตัวชิ้นงานควรตรวจเช็คและทำความสะอาดตัวชิ้นงานและตัวเกจก่อนทุกครั้งเพื่อกันไม่ให้ชิ้นงานสัมผัสกับสิ่งสกปรกที่อยู่ภายในนั้น เพราะในขณะที่หมุนเกลียวเข้าไปอาจจะทำให้เกจและตัวชิ้นงานเสียหาย
  • ในการใช้งานทุกครั้งในเวลาที่ใช้งานยังไม่เสร็จ ควรวาง เกจวัดเกลียวใน  อย่างระมัดระวัง เพราะถ้าเกิดการหล่นลงพื้น จะทำให้เกลียวบิ่นและไม่สามารถนำมาใช้งานได้อีก

การดูแลรักษาเกจวัดเกลียวใน

  • เช็ดทำความสะอาดเช็ดฝุ่นและคราบน้ำมันที่มาจากการวัดชิ้นงานหลังจากใช้งานทุกครั้ง
  • ไม่ควรวาง เกจวัดเกลียวทับกันเพราะจะทำให้เกลียวบิ่นสึกหรอ
  • ควรมีน้ำมันกันสนิมเคลือบบางๆที่เกลียวของเกจวัดเกลียวในก่อนเก็บเข้ากล่อง (ไม่ควรใช้สารเคมีที่มีฤทธิ์เป็นกรดและด่างทำความสะอาดตัวเกจวัดเกลียวใน)

PLUG GAUGE และ THREAD PLUG GAUGE

คือ เครื่องมือวัดที่มีลักษณะคล้ายกันมาก ความแตกต่างที่เป็นจุดเด่นและสามารถสังเกตได้ และสามารถแบ่งแยกได้ถูกต้อ คือ ตัว PLUG GAUGE จะไม่มีเกลียวที่ปลายด้ามของเครื่องมือวัด ส่วนเกจวัดเกลียวในนั้นลักษณะตรงปลายด้ามของเครื่องมือวัดจะมีเกลียวอยู่รอบปลาย ตามภาพตัวอย่างด้านล่างค่ะ และทั้ง 2 เครื่องมือวัดนี้จำเป็นต้องมีการส่ง สอบเทียบเครื่องมือวัด เป็นประจำ เพื่อไม่ให้เกิดความผิดพลาดจากการใช้งานเครื่องมือวัดมานานจนเครื่องมือเริ่มเสื่อมสภาพ ส่งผลเสียหายต่อการผลิต การตรวจสอบชิ้นส่วนได้

 

 

ผู้เขียน Kaem Yui 

บริการสอบเทียบด้านมิติ ดูสินค้าด้าน Dimension

ขอใบเสนอราคา    ติดต่อเรา

พูดคุยกับเรา

 

วิธีใช้เครื่องวัดระดับน้ำเลือกใช้อย่างไรให้ถูกต้อง

 

Pressure Transmitter คืออะไร เลือกใช้อย่างไรให้ถูกต้อง

ในยุคปัจจุบันที่อุตสาหกรรมการผลิตส่วนใหญ่จะมีการนำเครื่องมือที่ใช้สำหรับตรวจวัดแรงดัน (Pressure Transmitter) มาใช้กันอย่างหลากหลาย ทั้งรูปแบบของตัววัดแรงดันให้เหมาะสมกับงานหรืออุตสาหกรรมการผลิต อุตสาหกรรมส่วนใหญ่ที่พบการนำPressure Transmitterใช้ในกระบวนการผลิต เช่น อาหาร ยา เครื่องดื่ม ปิโตรเคมี อิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งจะมีผลเกี่ยวกับการวัดแรงดันลมและเพื่อควบคุมแรงดัน ของปั้มน้ำและวัดแรงดันของน้ำในหม้อน้ำ

การสอบเทียบเครื่องมือวัด เครื่องมือPressure Transmitterในส่วนของบริษัท แคลิเบรชั่น แลบอราทอรี จำกัด (Calibration Laboratory CO.,LTD หรือ CLC) เป็นห้องปฎิบัติการที่ให้บริการ สอบเทียบเครื่องมือวัด ให้กับลูกค้ามีทั้งบริการสอบเทียบในห้องปฎิบัติการ (IN LAB) และมีบริการ สอบเทียบเครื่องมือวัด นอกสถานที่ (ON SITE)  

Pressure Transmitter คือ เครื่องมือวัด สำหรับใช้แขนงการวัดแรงดันหรือความดัน (Pressure) และแปลงสัญญาณไฟฟ้าด้านเอาต์พุต (Output) ออกมาเป็นสัญญาณอนาล็อกมาตรฐาน เช่น 4-20 mA, 0-10 VDC นั้นหมายถึงPressure Transmitterมีขีดความสามารถวัดได้หลาย Media ทั้งเหลว (Liquid) ยกตัวอย่างเช่น น้ำ (Water) และน้ำมัน (Oil) รวมไปถึงการวัดความดันของลม (Pneumatic) และแก๊ส (Gas)

Pressure Sensor ที่ในกลุ่มอุตสาหกรรมใช้กันนั้นจะมีด้วยกัน 3 ประเภท คือ Pressure Gauge, Pressure Switch, Pressure Transmitterโดยเราจะพูดถึงในส่วนของ

Pressure Transmitter แบ่งประเภทให้ตรงตามหลักการทำงานและการนำไปใช้ 

Strain Gauge : หลักการทำงานโดยอาศัยการยืดหดตัวของ Strain gauge ที่ยึดติดอยู่กับแผ่นไดอะแฟรมและต่อวงจรไปยังวงจร วิทสโตนบริดจ์ (Wheatstone Bridge) เพื่อแปลงความดัน (Pressure) ไปเป็นสัญญาณทางไฟฟ้า

Thin Film : หลักการทำงานโดยเป็นเซ็นเซอร์ลักษณะแผ่นฟิล์มบางๆ ที่จะรับแรงกดแล้วแสดงค่าแรงดันออกมา ซึ่งหลักการนี้จะเป็นที่นิยมนิยมใช้กับอุตสาหกรรมที่มีแรงดันต่ำ

Thick Film : หลักการทำงานโดยไดอะแฟรมจะผลิตจากวัสดุ เช่น เซรามิก นิยมใช้กับอุตสาหกรรมที่แรงดันสูง มีความแข็งแรงมากกว่าประเภท Thin Film นิยมใช้ในงานไฮดรอลิค

หน่วยในการแสดงผลของค่าแรงดันที่วัดได้ เช่น bar, mbar, kpa, psi, mmHg

การพิจารณาและเลือกใช้Pressure Transmitter 

  1. โดยพิจารณาจากประเภทของอุตสาหกรรมที่จะนำ เครื่องมือวัดPressure Transmitterไปใช้งาน และเลือกใช้ให้ตรงกับใช้กับตัวกลางอะไร เช่น ของเหลว ก๊าซ ลม ในงานที่จะนำไปวัด และความแม่นยำ ให้ค่าความละเอียดสูงให้เหมะสมกับงานที่จะวัด
  2. แหล่งจ่ายที่ใช้งาน และสัญญาณ output เป็นอะไร เช่น Analog 4-20 mA, 0-10 VDC, 0-5 VDC วงจรตัดต่อการใช้งาน เช่นใช้แบบกี่สาย 2,3,4 สาย
  3. คำนึงถึง Thread (ขนาดเกลียว) ที่จำนำไปต่อเข้าในระบบ ชนิดของเกลียวเป็นแบบไหน เช่น NPT, G1/8”
  4. 4.พิจารณาจากงบประมาณที่ตั้งไว้และความสำคัญเพื่อประเมิณความเหมาะสมก่อนตัดสินใจ

ผู้เขียน Ple

 

หากต้องการนำ Pressure Safety Valve มาสอบเทียบต้องทำอย่างไร

ขอใบเสนอราคา  ติดต่อเรา

พูดคุยกับเรา

ข้อมูลทางเทคนิคทั่วไปของเครื่องวัดอุณหภูมิและความชื้น

TESTO 608-H1  เครื่องวัดอุณหภูมิและความชื้น

ถ้าพูดถึง เครื่องวัดอุณหภูมิและความชื้น หรือที่เรียกกันทั่วไปว่า Thermo-Hygrometer  เกือบทุกอุตสาหกรรมต้องมีไว้ใช้กันอย่างแน่นอน รวมไปถึงในส่วนของ ห้องเย็น ห้องปฏิบัติการสอบเทียบ โรงพยาบาล โรงงานยา ร้านอาหาร ห้างสรรพสินค้า หรือแม้ทั้งในส่วนของตู้แช่บางทีก็ต้องมีไว้ใช้ด้วยเช่นกัน

ดังนั้นวันนี้เราจะมาแนะนำถึง เครื่องวัดอุณหภูมิและความชื้น ที่มีคุณภาพสูงอีกรุ่นหนึ่งให้รู้จักกันนะคะ เครื่องวัดอุณหภูมิและความชื้นที่ว่านี้ก็คือ เครื่องวัดอุณหภูมิและความชื้น ยี่ห้อ TESTO รุ่น 608-H1 ในส่วนของหน้าตาก็จะเป็นสี่เหลี่ยมและมีตัวอักษรดิจิตอลบอกในส่วนของความชื้น (%) จะแสดงอยู่ด้านบนและส่วนของอุณหภูมิ (°C) จะแสดงอยู่ด้านล่าง ตัวเลขที่แสดงจะมองเห็นง่าย ชัดเจน มองเห็นได้แม้ในระยะไกล ต่อไปเราจะมาดูกันว่าเครื่องวัดอุณหภูมิและความชื้นนี้ (Thermo-Hygrometer) มีคุณลักษณะและคุณสมบัติอย่างไรบ้างไปดูกันเลย

คุณลักษณะของเครื่องวัดอุณหภูมิและความชื้น TESTO รุ่น 608-H1

  • มีช่วงการวัดชื้นสัมพัทธ์ 10 ถึง 95%RH
  • มีช่วงการวัดอุณหภูมิ 0 ถึง 50 °C
  • ใช้วัดและแสดงผลของอุณหภูมิ ความชื้นในสภาวะแวดล้อมที่ตั้งอยู่
  • ตัวเลขแสดงค่าการวัดต่ำสุด และสูงสุด และวัดค่า Dew Point ได้
  • หน้าจอเป็น LCD แสดงผลใหญ่แบบ 2 บรรทัดแบ่งได้ทั้งเป็นความชื้นและอุณหภูมิแสดงผลได้พร้อมกัน
  • ตัวเครื่องมีความคงทนใช้งานได้ยาวนาน

 

คุณสมบัติของเครื่องวัดอุณหภูมิและความชื้น TESTO รุ่น 608-H1

  1. ฟังก์ชั่นเซ็นเซอร์วัดอุณหภูมิ  Testo 608-H1
  • ช่วงวัดอุณหภูมิ0 ถึง 50 ° C
  • ความแม่นยำ ± 0.5 ° C (ที่ + 25° C)
  • ความละเอียด 0.1 ° C
  1. ฟังก์ชั่นเซ็นเซอร์วัดความชื้น  Testo 608-H1
  • ช่วงวัดความชื้น ± 10 ถึง 95 %RH
  • ความแม่นยำ ± 3% RH
  • ความละเอียด 0.1% RH

ข้อมูลทางเทคนิคทั่วไปของ เครื่องวัดอุณหภูมิและความชื้น TESTO รุ่น 608-H1

 

  • น้ำหนัก 168 กรัม
  •  ขนาด 111 x 90 x 40 มม.
  • อุณหภูมิในการทำงาน 0 ถึง +50 °C
  • อัตราการวัด 18 s
  • วัสดุตัวเรือนทำจากพลาสติก ABS
  •  ประเภทแบตเตอรี่เป็นบล็อค 9V, 6F22
  • อายุการใช้งานแบตเตอรี่ประมาณ 1 ปี
  •  ประเภทจอภาพ  LCD
  • ขนาดจอแสดงผล 2 บรรทัด
  • อุณหภูมิในการเก็บรักษา -40 ถึง +70 °C

 

 

เป็นอย่างไรกันบ้างคะสำหรับ เครื่องมือวัด อุณหภูมิและความชื้น (Thermo-Hygrometer)  TESTO รุ่น 608-H1 พอจะรู้จักกันบ้างแล้วนะคะ ถ้าผู้อ่านท่านใดสนใจอยากได้ไปใช้บ้างทาง บริษัท แคลิเบรชั่น แลบอราทอรี จำกัด ก็มีจำหน่ายด้วยนะคะ มาพร้อมกับใบรับรอง Certificate ACCREDIT ISO/IEC 17025:2017 และสามารถส่ง สอบเทียบเครื่องมือวัด ได้ด้วย สามารถติตต่อถามมาที่ฝ่ายขายของเราได้เลยค่ะ ครั้งหน้าจะพาเพื่อนๆ ไปรู้จักกับ เครื่องมือวัด ตัวไหนรอติดตามกันได้เลยนะคะ แล้วเจอกันอีกในบทความครั้งต่อไป ขอบคุณค่ะ

 

ผู้เขียน Bew JJ.

 

 

ประเภทของเครื่องมือวัดอุณหภูมิความชื้นสัมพัทธ์ หรือ Dry-Wet Bulb

บริการ สอบเทียบอุณหภูมิและความชื้น

ขอใบเสนอราคา   ติดต่อเรา 

พูดคุยกับเรา

 

เครื่องวัดความหวาน (Refractometer) Atago วิธีใช้งานง่ายกว่าที่คิดจริงมั้ย

มาทำความรู้จัก Refractometer (เครื่องวัดความหวาน)  ยี่ห้อ Atago PAL-1 กันเถอะ

วันนี้เราจะมาพูดถึง Refractometer ( เครื่องวัดความหวาน ) หรือที่คนทั่วไปเรียกว่า เครื่องวัดความหวานผลไม้ ถ้าพูดถึงความหวานโดยทั่วไป เราจะแยกไม่ได้จากลิ้นของคนเราว่าความหวานระดับนี้เท่ากับความหวานกี่เปอร์เซ็นต์ จึงทำให้ไม่สามารถบอกได้ว่าความหวานมีระดับเท่าไหร่ ซึ่งเครื่องวัดนั้นอาจมีในรูปแบบปากกา แต่วันนี้เราจะมาแนะนำ เครื่องมือวัด รุ่นหนึ่งคือ เครื่องวัดความหวาน Atago รุ่น PAL-1 ที่สามารถบอกความหวานออกมาเป็นเปอร์เซ็นต์ซึ่งทำให้เรารู้ความแตกต่างของความหวานได้ ดังนั้นเราไปดูกันเลยค่ะว่ารุ่น PAL-1 ทำอะไรได้บ้าง

ก่อนอื่นขอพูดถึงคุณลักษณะของ เครื่องวัดความหวาน Atago PAL-1 กันก่อน แยกออกเป็นหัวข้อได้ตามนี้ค่ะ

ใช้วัดความหวานของจำพวกผักและผลไม้ เช่น ส้ม, องุ่น, สตรอเบอร์รี่, แตงโม, มะม่วง, มะเขือเทศ, ฟักทอง, พริก ฯลฯ

  • Range (ช่วงการวัด) %Brix : 0.0 ถึง 53.0% , Temperature (อุณหภูมิ) : 9.0 ถึง 99.9  °C
  • Resolution (ความละเอียด) Brix : 0.1%, Temperature (อุณหภูมิ) : 0.1 °C
  • Accuracy (ค่าความถูกต้อง) Brix : ± 0.2%, Temperature (อุณหภูมิ) : ± 1 °C
  • มีฟังก์ชั่นชดเชยอุณหภูมิอัตโนมัติ ATC (Automatic Temperature Compensation)
  • มีหน้าจอแสดงผลขนาดใหญ่ง่ายต่อการอ่านค่าและมีการแสดงสถานะของแบตเตอรี่
  • ตัว เครื่องวัดความหวาน พกพาง่ายกะทัดรัด แข็งแรงและใช้งานง่าย ด้วยปุ่ม START และ ZERO 
  • Sample Stage ทำมาจากโลหะทำให้ถ่ายเทอุณหภูมิไปยัง Prismได้รวดเร็ว
  • Prism ทำมาจาก Optical glass ป้องกันรอยขีดข่วน
  • มีระบบ ELS (External Light Interference) เพื่อแจ้งเตือนกรณีที่มีแสงรบกวนจากภายนอก
  • มาตรฐานกันน้ำ IP65 สามารถล้างทำความสะอาดได้ง่าย

ขั้นตอนและวิธีการใช้งาน เครื่องวัดความหวาน PAL-1 หรือ Refractometer จาก Atago

เครื่องวัดความหวาน Refractometer

นี้ใช้งานง่าย สามารถทำงานได้ด้วยเพียงมือเดียว การใช้งานมีดังนี้

  1. หยดตัวอย่างที่ต้องการวัดลงในส่นหัววัดของตัวเครื่องวัดความหวานประมาณ 2-3 หยด
  2. เริ่มการวัดด้วยการกดปุ่ม Start เพื่อวัดค่า ผลการวัดจะแสดงใน 3วินาที ซึ่งจะเห็นผลของการวัดเร็วมาก
  3. ได้ผลการวัดที่ออกมาสามารถอ่านค่าจากหน้าจอดิจิตอลที่แสดงผลได้เลยตัวเครื่องจะบอกออกมาเป็นหน่วย %Brix
  4. หลังจากใช้งานเสร็จแล้วสามารถล้างทำความสะอาดได้ง่าย เครื่องมือกันน้ำด้วยมาตรฐาน IP65

ข้อควรระวังและวิธีการเก็บรักษา 

  1. เมื่อใช้งานเสร็จเรียบร้อยแล้ว ให้ทำการปิดเครื่องก่อนแล้วล้างด้วยน้ำสะอาด
  2. หลังจากล้างด้วยน้ำเรียบร้อยดีแล้ว เช็ดให้แห้งสนิทก่อนนำไปเก็บ
  3. นำไปเก็บในกล่องที่มาพร้อมกับตัวเครื่อง เพื่อป้องกันเครื่องมือตกหล่นเสียหาย

เป็นยังไงกันบ้างค่ะเครื่อง Refractometer (วัดความหวาน) รุ่น PAL-1 ที่นำมาแนะนำกัน วันนี้พอจะรู้จักหน้าตากันบ้างแล้วนะคะ หรือหากผู้อ่านท่านไหนสนใจต้องการสั่งซื้อเครื่องวัดความหวานรุ่น PAL-1 นี้ ทางบริษัทแคลิเบรชั่น แลบอราทอรี จำกัด ของเรามีจำหน่าย  มาพร้อมกับใบรับรอง Certificate ACCREDIT ISO/IEC 17025:2017 นะคะ พร้อมมีบริการ สอบเทียบเครื่องมือวัด สนใจสามารถติดต่อเข้ามาที่ฝ่ายขายของเรากันได้เลยค่ะ คราวหน้าเราจะเอา เครื่องมือวัดตัว ไหนมาแนะนำกันให้รู้จักอีก อย่าลืมติดตามเรานะคะ ขอบคุณค่ะ

ผู้เขียน Suphanun BDS

 

 

2 ประเภทที่มักพบในการใช้เครื่องมือวัด ไฮดรอมิเตอร์

ขอใบเสนอราคา    ติดต่อเรา

พูดคุยกับเรา

 

วิธีใช้เครื่องวัดระดับน้ำเลือกใช้อย่างไรให้ถูกต้อง

เครื่องมือวัดระดับน้ำที่ใช้กันทั่วไปในงานอุตสาหกรรมมีกี่แบบ?

     เครื่องมือวัดระดับน้ำ ถือเป็นอีกหนึ่งเครื่องมือที่ต้องทำการส่งมา สอบเทียบเครื่องมือวัด อย่างสม่ำเสมอ เพราะหากชำรุดแล้วอาจส่งผลให้ชิ้นงานที่ผลิตเกิดความคลาดเคลื่อนได้ เพื่อให้มีความถูกต้องแม่นยำในการใช้งาน และการใช้งานของ เครื่องมือวัด แต่ละงานแต่ละประเภทมีการเลือกใช้อย่างไร และ มี เครื่องวัดระดับน้ำ แบบไหนบ้าง เรามาดูประเภทของเครื่องมือกันว่ามีแบบไหนบ้าง

เครื่องมือวัดระดับน้ำ (Spirit Level)

  • ระดับน้ำ (Spirit Level) คือ อุปกรณ์ที่ใช้ในการวัดระดับความเอียงในแนวราบ (Horizontal) และแนวดิ่ง (Vertical)

ระดับน้ำความเที่ยงตรงสูง (Precision Spirit Level)

  • ในปัจจุบันนี้ ระดับน้ำที่มีความเที่ยงตรงสูง (Precision Spirit Level) นั้นมีมากมายหลากหลายแบบให้เลือกใช้งาน

 

ส่วนประกอบเครื่องวัดระดับน้ำเป็นอย่างไร ประกอบด้วยอะไรบ้าง

                                 

 

การเลือกใช้เครื่องมือวัดประเภทระดับน้ำ

ควรเลือกพิจารณาวิธีใช้จากลักษณะการใช้งานดังต่อไปนี้

1) ระดับน้ำเป็นอุปกรณ์ที่ช่างใช้ในการวัดความลาดเอียงของพื้นที่ โดยสามารถวัดระดับได้ทั้งในแนวราบ และแนวดิ่ง

2) เมื่อผู้ใช้งานต้องการวัดความลาดเอียงของพื้นที่ ให้นำระดับน้ำวางลงบนพื้นที่ที่ต้องการตรวจสอบ และสังเกตที่ฟองอากาศภายในหลอดแก้ว ถ้าหากพื้นที่นั้นไม่มีความลาดเอียง ฟองอากาศจะอยู่ตรงกลางระหว่างเส้น 2 เส้นบนหลอดแก้ว

3) ทดลองหมุนระดับน้ำ 180 องศาบนพื้นที่ แล้วสังเกตฟองอากาศภายในหลอดแก้วต้องอยู่ตรงจุดกึ่งกลางตลอด ผู้ใช้งานจึงจะแน่ใจได้ว่าพื้นที่ที่ตรวจสอบอยู่นั้นไม่มีความเอียงจริงๆ

บริษัท แคลิเบรชั่น แลบอราทอรี จำกัด (Calibration Laboratory CO.,LTD หรือ CLC) มีบริการ สอบเทียบเครื่องมือวัด

  1. Inclinometer Set [ Electronic Level Meter ] Brand Wyler AG Model BlueLEVEL 016F150-122-001,
  2. BlueLEVEL 016F150-243-001, BlueMETER 016F004-001 S/N.O0091,O0092,N

Reference Standard, Method, and/or Equipment

In house method: CLC-CPDA-05 based on JIS B 7510: 1993 by Engineer-Set 20 (Electronic Level)

ช่วงการ สอบเทียบเครื่องมือวัด ที่บริษัท แคลิเบรชั่น แลบอราทอรี จำกัด (Calibration Laboratory CO.,LTD หรือ CLC)

Precision Level

0.01 mm/m 2.5 μm/m
0.02 mm/m 3.3 μm/m
0.05 mm/m 6.5 μm/m
0.10 mm/m 13 μm/m
0.30 mm/m 35 μm/m

Level of Theodolite

Up to 50 mm/m 5 μm/m

 

 

การบำรุงรักษาและข้อควรระวัง เครื่องวัดระดับน้ำ

  1. หลังจากการใช้งานแล้วทำการตรวจสอบผิวหน้าทั้งสองด้านของระดับน้ำว่ามีรอยขีดข่วนหรือไม่
  2. เมื่อเลิกใช้งานระดับน้ำแล้ว ต้องทำความสะอาดระดับน้ำโดยใช้แอลกอฮอล์และกระดาษทิษชู่ไร้ฝุ่นเช็ดให้แห้ง

ซึ่งทางบริษัท Calibration Laboratory มีการสอบเทียบ (Calibrate) เครื่องมือวัด และจำหน่าย เครื่องวัดระดับน้ำ พร้อมทั้งงาน สอบเทียบเครื่องมือวัด สามารถติดต่อมาที่ sale@cal-laboratory.com ได้เลยค่ะ

การสอบเทียบระดับน้ำ มีหลายวิธีที่จะสอบเทียบระดับน้ำ แต่โดยหลักการแล้วจะ คล้ายๆกัน กล่าวคือ ใช้อุปกรณ์ที่สามารถปรับระดับความเอียง ได้ เช่น เครื่องสร้างมุมแบบละเอียด หรือคานยกระดับพร้อมทั้งเรายังมี เครื่องมือมาตรฐาน เช่น ระดับน้ำแบบอิเล็กทรอนิกส์ หรือ กล้องวัดมุมแบบรวมแสงอัตโนมัติ ที่ใช้เปรียบเทียบค่ากับระดับ น้ำ วิธีการ สอบเทียบเครื่องวัดระดับน้ำ คือ ตั้งระดับน้ำและเครื่องมาตรฐานที่ระดับ อ้างอิง (Reference Position) แล้วเริ่มปรับระดับความเอียงโดย หมุนหัวปรับเครื่องสร้างมุมแบบละเอียด หรือคานยกระดับไป ตามตำแหน่งที่ต้องการสอบเทียบ บันทึกค่าระดับน้ำและเครื่องมาตรฐาน

ผู้เขียน  Apple (million)

 

 

ประเภท ข้อควรระวัง และการสอบเทียบไมโครมิเตอร์วัดภายนอก (Outside micrometer)

 

บริการสอบเทียบด้านมิติ ดูสินค้าด้าน Dimension

ขอใบเสนอราคา    ติดต่อเรา

พูดคุยกับเรา