คลังเก็บหมวดหมู่: บทความ

เครื่องชั่งเชิงวิเคราะห์ (0.001g) เลือกใช้อย่างไรให้เหมาะสม??

เครื่องชั่งเชิงวิเคราะห์ (0.001g) ทศนิยม 3 ตำแหน่ง (ANALYTICAL BALANCE 3 DIGITS) เลือกใช้อย่างไรให้เหมาะสม??

เครื่องชั่งเป็นหนึ่งในเครื่องมือที่สำคัญที่สุดในห้องปฏิบัติการ มักถูกใช้ในการวัดน้ำหนักและมวลของของแข็ง ของเหลวหรือผงชนิดต่างๆ การประเมินและบันทึกน้ำหนักซึ่งเป็นกระบวนการที่จำเป็นสำหรับห้องปฏิบัติการ การกำหนดน้ำหนักของสารเคมีอย่างแม่นยำนั้นเป็นสิ่งสำคัญของห้องปฏิบัติการเคมีเป็นอย่างมาก มันสามารถสร้างความแตกต่างระหว่างปฏิกิริยาที่ประสบความสำเร็จหรือการทดสอบที่ล้มเหลวได้เลย ซึ่งเครื่องชั่งน้ำหนักมีให้เลือกหลายประเภท หลายขนาด ความละเอียด และความจุน้ำหนักหลายระดับ ยิ่งความแม่นยำในการชั่งสูงขึ้นจะทำให้หน่วยของความละเอียดการวัดมีขนาดเล็กลงซึ่งแต่ละจุดจะแปรผันตามจุดทศนิยมเพิ่มเติม

วันนี้เรามาทำความรู้จักเครื่องชั่งเชิงวิเคราะห์ หรือเครื่องชั่งละเอียด MODEL : AJ-220CEN ของแบรนด์  VIBRA กันนะคะ เนื่องจากเป็นแบรนด์ที่มีคุณภาพดีติดอันดับต้นๆ ของในบรรดาเครื่องชั่งเชิงวิเคราะห์ด้วยกัน ดังนั้นตามไปดูกันเลยดีกว่าว่ามีอะไรที่น่าสนใจสำหรับเครื่องชั่งรุ่นนี้ ตามมาเลยค่ะ

AJ-220CEN  เครื่องชั่งทศนิยม 3 ตำแหน่ง (ANALYTICAL BALANCE 3 DIGITS) เครื่องชั่งแบบอ่านละเอียดแบรนด์ VIBRA ผลิตจากประเทศญี่ปุ่น เป็นเครื่องชั่งที่ใช่ชั่งสารเคมี เป็นที่นิยมใช้ชั่งตัวอย่างในห้องแล็ปหรือห้องปฎิบัติการทางวิทยาศาสตร์, โรงงานอุตสาหกรรมอาหารโรงงานอุตสาหกรรมยา, ร้านทอง, จิวเวอรี่ ฯ มีความแม่นยำสูง ใช้ชั่งสารหรือตัวอย่างที่มีราคาแพง หรือชั่งตวงเพื่อทดสอบทางวิทยาศาสตร์ทุกประเภท

สำหรับข้อดีของ AJ-220CEN เครื่องชั่งทศนิยม 3 ตำแหน่ง (ANALYTICAL BALANCE 3 DIGITS) มีดังนี้ค่ะ

  1. ตอบโจทย์ความต้องการของท่านได้ดีที่สุดด้วยหน้าจอ LCD WITH BACK-LIGHT ขนาดใหญ่มองเห็นชัดเจนพร้อมแสงด้านหลังสีขาวช่วยให้การชั่งน้ำหนักทำได้ง่ายและสะดวกสบายแม้อยู่ในที่มืด
  2. สามารถปรับระดับขาของฐานเครื่องชั่ง พร้อมระดับน้ำสำหรับความสมดุล
  3. มีตู้กำบังลม เพื่อป้องกันไม่ให้ฝุ่นผงปลิวในขณะทำการชั่งน้ำหนัก
  4. มีฟังก์ชั่นการใช้งานในรูปแบบการหักค่าภาชนะ (Tare)
  5. เที่ยงตรง แม่นยำด้วยระบบ TUNING-FORK SENSOR ชุดเซ็นเซอร์ประสิทธิภาพการทำงานคุณภาพสูง
  6. มีความทนทานสูงในระยะยาว ทนต่อสภาพแวดล้อมที่รุนแรงในสภาพแวดล้อมที่มีแรงสั่นสะเทือนรบกวน
  7. มีเทคโนโลยีที่พัฒนาขึ้นใหม่มีความทนทานต่อการรบกวนด้วยระบบ TECHNOLOGY STABILIZATION ลดการสั่นไหวทำให้การชั่งน้ำหนักมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
  8. เป็นเครื่องชั่งที่มีโครงสร้างเรียบง่าย ทำความสะอาดก็เป็นงานง่ายๆ ด้วยโครงสร้างของตู้บังลมที่ออกแบบมาเพื่อทำให้ง่ายต่อการถอดทำความสะอาดและประกอบกลับใหม่สำหรับผู้ใช้งานซึ่งก็จะไม่ใช่เรื่องยุ่งยากอีกต่อไปสำหรับการที่จะนำออกมาทำความสะอาด

พูดถึงข้อดีไปแล้วต่อไปจะก็มาดูกันว่า AJ-220CEN แบรนด์ VIBRA ควรระมัดระวังเรื่องใดบ้าง เราจะมาแยกให้ดูเป็นข้อๆ ดังนี้ค่ะ

1.สถานที่ตั้งเครื่องชั่ง ควรเป็นห้องที่มีลักษณะดังนี้

  • เป็นห้องขนาดเล็ก มีประตูเข้า – ออก ด้านเดียวและควรเป็นประตูที่ ปิด – เปิด โดยเลื่อนด้านข้าง มีหน้าต่างในห้องน้อยที่สุด ถ้าเป็นไปได้ไม่ควรมีหน้าต่างเลย เพื่อให้สามารถควบคุมกระแสลม อุณหภูมิความดันอากาศและความชื้นในสภาวะที่เหมาะสมตามที่กำหนดในคุณสมบัติของเครื่องชั่ง
  •  ควรเป็นห้องที่อยู่ด้านล่างของอาคาร อยู่ห่างจากถนน ห่างจากการทำงานของเครื่องจักรที่ก่อให้เกิดแรงสั่นสะเทือน หรือห่างจากบริเวณที่มีผู้คนเดินผ่านตลอดเวลา บริเวณที่เหมาะสมในการตั้งเครื่องชั่งควรจะอยู่บริเวณมุมห้อง ซึ่งเป็นบริเวณที่มีผลต่อการสั่นสะเทือนน้อยที่สุด
  •  ไม่ควรปูพรมภายในห้องที่ติดตั้งเครื่องชั่ง เพื่อลดการสะสมของฝุ่นละออง ซึ่งมีผลกระทบต่อการทำงานของเครื่องชั่ง
  • ไม่ควรวางเครื่องชั่งไว้ใกล้ประตูหรือหน้าต่าง หรือวางในแนวทิศทางลมของเครื่องปรับอากาศเพื่อหลีกเลี่ยงกระแสลม
  •   ไม่ควรวางเครื่องชั่งบริเวณที่แสงแดดส่องถึง หากหลีกเลี่ยงไม่ได้สามารถป้องกันโดยหา ผ้าม่านหรือกระดาษแข็ง มาปิดกั้นบริเวณที่แสงแดดส่องถึง
  • ไม่ควรวางเครื่องชั่งไว้ใกล้กับเครื่องมือ ที่เป็นแหล่งกำเนิดความร้อน หรือเครื่องมือที่มีพัดลมระบายอากาศอยู่ภายในเครื่อง เช่น ตู้อบ เครื่องคอมพิวเตอร์ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อการทำงานของเครื่องชั่ง

2. อุณหภูมิ

  • ห้องตั้งเครื่องชั่ง ควรมีการควบคุมอุณหภูมิให้คงที่ เพื่อให้เครื่องชั่งสามารถอ่านค่าน้ำหนักได้อย่างถูกต้อง โดยทั่วไปมักกำหนดอุณหภูมิที่เหมาะสมกับการทำงานของเครื่องชั่งในช่วง 10 – 30 องศาเซลเซียส โดยอุณหภูมิห้องที่เปลี่ยนไป จากอุณหภูมิที่ปรับตั้งจะส่งผลต่อความถูกต้องในการอ่านค่าของเครื่องชั่ง และความไวต่อการเปลี่ยนแปลงน้ำหนักที่อ่านได้

3. ความชื้นสัมพัทธ์

  • ความชื้นภายในห้องเครื่องชั่งก็เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่มีผลต่อน้ำหนักที่ชั่งได้ ดังนั้นจึงต้องควบคุมความชื้นในห้องเครื่องชั่งให้เหมาะสมและคงที่ ความชื้นสัมพัทธ์ที่เหมาะสมสำหรับห้องเครื่องชั่งจะอยู่ในช่วง 45 – 60 % หากความชื้นสัมพัทธ์น้อยกว่า 45 % จะทำให้อากาศแห้งเกินไป จนเกิดไฟฟ้าสถิตระหว่างเครื่องชั่งและภาชนะที่ใส่ตัวอย่างหรือกับตัวอย่างเอง ซึ่งแรงไฟฟ้าสถิตจะสามารถเกิดแรงดูด หรือแรงผลักกับอุปกรณ์ที่อยู่ภายในตัวเครื่องชั่ง ซึ่งจะทำให้เกิดความผิดพลาดของน้ำหนักที่ชั่งได้ แต่ถ้าอากาศในห้องเครื่องชั่งมีค่าความชื้นสัมพัทธ์เกิน 60 % จะทำให้น้ำหนักของสิ่งที่ชั่งได้มีน้ำหนักเกินจริง ทั้งนี้อาจต้องจัดหาเครื่องกำจัดความชื้นมาใช้เพื่อช่วยกำจัดความชื้นภายในห้อง หรือควรจัดหาเครื่องวัดความชื้นสำหรับวัดปริมาณความชื้นในห้องเครื่องชั่ง

4. โต๊ะวางเครื่องชั่ง

  • โต๊ะที่นำมาใช้วางเครื่องชั่ง ส่วนใหญ่มักทำด้วยหิน ที่มีความหนาไม่น้อยกว่า 40 มิลลิเมตร มีผิวหน้าเรียบ แข็งแรง มั่นคง ไม่ยุบตัวง่าย ไม่ควรใช้โต๊ะที่ทำด้วยเหล็ก หรือคอนกรีตเสริมเหล็กมาใช้วางเครื่องชั่ง เนื่องจาก อาจมี ผลกระทบต่ออำนาจสนามแม่เหล็กที่อยู่ภายในเครื่องชั่ง ทำให้การอ่านค่าของการชั่งน้ำหนักผิดพลาดได้ โต๊ะวางเครื่องชั่งไม่ควรวางอยู่ติดกับผนังห้อง เพราะอาจทำให้เกิดการสั่นสะเทือน จากผนังห้องส่งมายังเครื่องชั่งได้ง่ายขึ้น

มาถึงตรงนี้แล้วเป็นอย่างไรบ้างคะ สำหรับเรื่อง เครื่องชั่งละเอียด MODEL : AJ-220CEN แบรนด์ VIBRA แบบดิจิตอล (Digital) ก็หวังว่าจะเป็นประโยชน์กับท่านผู้อ่านไม่มากก็น้อยสำหรับคนที่สนใจเครื่องชั่งดิจิตอล MODEL : AJ-220CEN แบรนด์  VIBRA  หากท่านกำลังมองหาเครื่องชั่งที่มีความละเอียดสูงสักเครื่องเพื่อที่จะเป็นแนวทางในการเลือกซื้อเครื่องชั่ง AJ-220CEN แบรนด์ VIBRA ตอบโจทย์การใช้งานของท่านแน่นอน

นอกจากนี้ทางเราก็มีสินค้าจำหน่ายหลากหลายรุ่นให้ท่านได้เลือกสรรค์ พร้อมสอบเทียบเครื่องมือวัดตามมาตราฐาน ได้รับการรับรอง ACCREDIT ISO/IEC 17025:2017 ให้ท่านเกิดความเชื่อมั่นในมาตราฐานระดับสากลของเราอีกด้วยค่ะ แล้วพบกันใหม่ในครั้งหน้านะคะ ขอบคุณค่ะ

ผู้เขียน BEW JJ

 

ดีจริงมั้ย? Digital Balance จาก Vibra การดูแลรักษาทำอย่างไร

ซื้อเครื่องชั่ง ราคาพิเศษ คลิก     บริการสอบเทียบด้านมวลและเครื่องชั่ง

ขอใบเสนอราคา    ติดต่อเรา

พูดคุยกับเรา

 

 

PRESSURE INDICATOR เช่น PRESSURE GAUGE นั้น ทำไมต้องส่งสอบเทียบ

PRESSURE INDICATOR

PRESSURE INDICATOR เป็นเครื่องมือในการวัดความดันและสุญญากาศเป็นอุปกรณ์ในการใช้วัด หรืออ่านค่าแรงดันก๊าซ และ ของเหลว เกจวัดแรงดัน ความดันของ PRESSURE จะมีนิยามโดยทั่วไป

จะมีอยู่ด้วยกันอยู่ 4 แบบ

  1. ความดันเกจ (Pressure Gauge) โดยค่าที่แสดงผลจะเป็นค่าที่สูงกว่าความดันบรรยากาศขึ้นไป
  2. ความดันสุญญากาศ (Pressure Vacuum) โดยค่าที่แสดงผลจะเป็นค่าที่ต่ำกว่าความดันบรรยากาศลงมา
  3. ความดันสัมบูรณ์ (Pressure Absolute) มีจุดอ้างอิงค่าศูนย์ที่  Zero Pressure
  4. ความดันดิฟเฟอเรนเชียล (Pressure Differential) เป็นการบอกความดันที่แตกต่างกันระหว่างแหล่งที่วัดความดัน

รูปที่ 1 ตัวอย่าง Dead Weight Tester ใช้สื่อกลางที่เป็นน้ำมัน (Hydraulic Oil) ของ Calibration Laboratory Co.,LTD

รูปที่ 2 ตัวอย่าง Dead Weight Tester ใช้สื่อกลางที่เป็น Air หรือ N2 ของ Calibration Laboratory Co.,LTD

รูปที่ 3 ตัวอย่าง Pressure Module ของ Calibration Laboratory Co.,LTD

วิธีการสอบเทียบ PRESSURE INDICATOR ของทาง บริษัท แคลิเบรชั่น แลบอราทอรี จำกัด ( CLC )

เป็นการ Comparison Technique With Dead Weight Tester หรือ Pressure Moduleซึ่งการสอบเทียบจะพิจารณาความถูกต้องของ DUC (Accuracy) เพื่อกำหนดลำดับ (Sequence) การสอบเทียบที่เหมาะสมตาม Class A, B, C ซึ่ง Class A จะทำการสอบเทียบ 9 Point Up/Down (2/2), Class B จะทำการสอบเทียบ 9 point Up/Down (2/1),Class C จะทำการสอบเทียบ 5 Point Up/Down (1/1) และสื่อกลางที่จะใช้จะเป็นไปตามการใช้งานถ้าเป็นของเหลวจะใช้น้ำหรือน้ำมัน (Hydraulic Oil) ถ้าเป็นลมจะใช้ Air หรือ N2 โดยมีขั้นตอนการในการสอบเทียบดังนี้

  1. ทำการ Preload เครื่องมือลูกค้า (DUC) และ เครื่องมือ STD ไปยังค่าความดันสูงสุดที่ต้องทำการสอบเทียบโดย Class A (3), Class B (2),Class C (1)
  2. ทำการสอบเทียบขาขึ้น (Up) โดยแรงดันเข้าสู่ระบบการสอบเทียบตามย่านการสอบเทียบ
  3. อ่านค่าความดัน DUC และ STD แล้วบันทึกลงในตารางบันทึกผลการสอบเทียบ
  4. ทำตามข้อ (2),(3) จนถึงจุดสอบเทียบสูงสุด แล้วทำการสอบเทียบขาลง (Down) โดยปล่อยความดันออกจากระบบตามวิธีการสอบเทียบแต่ละจุดจนครบทุกจุด
  5. ปล่อยความดันสู่บรรยากาศ

STANDARD ที่ทาง บริษัท แคลิเบรชั่น แลบอราทอรี จำกัด หรือ CLC ใช้ในการสอบเทียบ PRESSURE INDICATOR จะเป็น Dead Weight Tester สำหรับสอบเทียบ Pressure ที่ Spec ความถูกต้อง (Accuracy) สูง และใช้Hand Pump, Document Process Calibrator, Pressure Module (Fluke) สำหรับสอบเทียบ Pressure ที่ Spec ความถูกต้อง (Accuracy) ทั่วๆไป โดยทั้ง2วิธีการสอบเทียบ ได้การรับรองมาตรฐาน ISO/IEC17025:2017 จาก สมอ. (ประเทศไทย) และ ANAB (ประเทศสหรัฐอเมริกา) และ ทาง บริษัท แคลิเบรชั่น แลบอราทอรี จำกัด ( CLC ) มีช่างที่สอบเทียบชำนาญเฉพาะทางทำการสอบเทียบเครื่องมือแต่ละประเภทให้กับทางลูกค้าอย่างมีคุณภาพไว้วางใจในผลการสอบเทียบที่ทางลูกค้าจะได้ไปหลังจากทำการสอบเทียบเสร็จ

  • มีบริการรับเครื่องมือกลับเข้ามาสอบเทียบภายในห้องปฏิบัติการสอบเทียบ (In Lab)
  • มีบริการออกไปสอบเทียบเครื่องมือที่หน้างาน (On Site)

ทำไมต้องส่งเครื่องมือวัดมาสอบเทียบ

การส่งเครื่องมือสอบเทียบเพื่อตรวจสอบเช็คค่าเพื่อให้แน่ใจว่าเครื่องมือที่เราใช้งานอยู่นั้นยังสามารถที่จะใช้งานได้ และเมื่อสอบเทียบแล้วต้องยังคงได้ค่าที่แม่นยำ ถูกต้องอยู่ เครื่องมือวัดในอุตสหกรรมการผลิตและในโรงงานส่วนมากก็จะมีการส่งตรวจสอบและสอบเทียบเครื่องมือวัดให้มีความถูกต้องตามความคลาดเคลื่อนที่ยอมรับได้ ที่ทางลูกค้าได้กำหนดไว้ ( MPE)  เพื่อให้ได้มาตรฐานต่อๆไป

สิ่งที่ควรรู้เพื่อเลือกใช้เครื่องมือให้เหมาะสม

ในการเลือกใช้งานลูกค้าควรเลือกให้เหมาะสมกับการใช้งาน เช่น วัดแรงดันของลม  วัดแรงดันของน้ำ วัดแรงดันของก๊าซ และวัดแรงดันของน้ำมัน ทางผู้ใช้งานควรเลือกเครื่องมือให้ถูกต้องกับการใช้งานจริงเพื่อลดปัญหาและข้อผิดพลาดในการใช้งาน เพราะจะส่งผลกระทบและปัญหาตามมาได้ถ้าในกรณีที่ทางลูกค้าเลือกเครื่องมือมาใช้งานไม่ตรงประเภท

สิ่งที่ผู้เขียนอยากให้ทางลูกค้าได้นึกถึงความสำคัญของการสอบเทียบ

ผู้ใช้งานควรมีการกำหนดช่วงระยะเวลาในการดูแลบำรุงรักษาเครื่องมือแต่ละประเภทที่ใช้งานอยู่ให้เหมาะสมกับการใช้งาน โดยระยะเวลาในการกำหนดขึ้นอยู่กับการใช้งานด้วยถ้าใช้บ่อยก็ควรส่งสอบเทียบบ่อย เพื่อดูค่าความคลาดเคลื่อนของตัวเครื่องมือ ความหมายก็คือ กำหนด Due date กำหนดวันส่งเครื่องมือเข้าสอบเทียบ เช่น 3 เดือน/ครั้ง , 6 เดือน/ครั้ง , 1ปี/ครั้ง ควรสอบเทียบเครื่องมือก่อนนำมาใช้งาน ควรเลือกใช้บริการห้องปฏิบัติการสอบเทียบที่ได้มาตราฐานและได้รับการรับรองความสามารถ Accredit ตามมาตรฐาน ISO/IEC 17025:2017 การสอบเทียบเครื่องมือวัดมีความสำคัญต่อทุกโรงงานอุตสาหกรรมที่ยื่นทำระบบคุณภาพควรต้องมีระบบมาตรฐานคุณภาพที่ชัดเจนเพื่อสร้างความมั่นใจให้กับโรงงานสร้างประสิทธิภาพการผลิตและยกระดับมาตรฐานของผลิตภัณฑ์ ที่ได้ทำการผลิตออกไป

PRESSURE INDICATOR ส่วนมากที่พบเจอบ่อยลูกค้าส่วนมากจะเลือกใช้กันแบบเป็น DIGITAL (ตัวเลข) มากกว่า ANALOG (เข็ม) เนื่องจากมีการใช้งานที่แตกต่างกันออกไปเพราะถ้าเป็นแบบ DIGITAL (ตัวเลข) ค่าที่อ่านได้ค่อนข้างจะนิ่งและละเอียดกว่า อ่านค่า Accuracy ความละเอียดได้ค่อนข้างสูง ค่าที่เครื่องมือวัดได้จะแสดงผลเป็นตัวเลขขึ้นอย่างรวดเร็วต่อการใช้งาน ซึ่งแน่นอน ราคาก็จะสูงกว่าแบบ ANALOG (เข็ม) ค่ะ

 

ตัวอย่างรูปแบบทั่วไปของ PRESSURE INDICATOR

       

 

   

 ผู้เขียน Kaem Yui

 

บริการสอบเทียบความดันและสุญญากาศ

ขอใบเสนอราคา  ติดต่อเรา

พูดคุยกับเรา

 

เครื่องชั่งเชิงวิเคราะห์ (0.0001g) ทศนิยม 4 ตำแหน่ง (เครื่องชั่งละเอียด) มีดีอย่างไร ?

เครื่องชั่งเชิงวิเคราะห์ (0.0001g) ทศนิยม 4 ตำแหน่ง (ANALYTICAL BALANCE 4 DIGITS) มีดีอย่างไร ?

ว่ากันว่า เครื่องชั่งเชิงวิเคราะห์ เครื่องชั่งละเอียด หรือเครื่องชั่งน้ำหนักแบบวิทยาศาสตร์ เป็นหนึ่งในเครื่องมือที่สำคัญที่สุดในห้องปฏิบัติการ มันมักถูกใช้ในการวัดน้ำหนักและมวลของของแข็ง ของเหลวหรือผงชนิดต่างๆ การประเมินและบันทึกน้ำหนักซึ่งเป็นกระบวนการที่จำเป็นสำหรับห้องปฏิบัติการ  และในส่วนการกำหนดน้ำหนักของสารเคมีอย่างแม่นยำนั้นเป็นสิ่งสำคัญของห้องปฏิบัติการเคมีเป็นอย่างมาก มันสามารถสร้างความแตกต่างระหว่างปฏิกิริยาที่ประสบความสำเร็จหรือการทดสอบที่ล้มเหลวได้เลย ซึ่งเครื่องชั่งน้ำหนักแบบวิทยาศาสตร์มีให้เลือกหลายประเภทแม้ว่าทุกเครื่องจะทำหน้าที่เหมือนกัน เครื่องชั่งดิจิตอลใช้ในการกำหนดน้ำหนักหรือมวลของตัวอย่างคงเหลือทางวิทยาศาสตร์เป็นหนึ่งในชิ้นส่วนสำคัญของอุปกรณ์ในห้องปฏิบัติการ อุปกรณ์ชั่งน้ำหนักเหล่านี้มีให้เลือกหลายขนาด ความละเอียดแปรผันและความจุน้ำหนักหลายระดับ ยิ่งความแม่นยำในการชั่งสูงขึ้นจะทำให้หน่วยของความละเอียดการวัดมีขนาดเล็กลง

ในตอนนี้เราก็จะมาทำความรู้จักถึงเครื่องชั่งเชิงวิเคราะห์กัน ซึ่งถ้าจะให้พูดถึงว่าในบ้านเรามียี่ห้อไหนบ้างก็อาจจะยกมาไม่หมดถ้าจะยกมาเป็นตัวอย่างบ้างบางยี่ห้อที่น่าจะคุ้นหูก็จะเป็นพวก ยี่ห้อ Sartorius , Mettler Toledo, Vibra,  A&D, Shimadzu, Ohaus ซึ่งที่เราจะเจาะจงลงรายละเอียดกันเลยเป็น ยี่ห้อ VIBRA  Model : HT224CEN เนื่องจากเป็นแบรนด์ที่มีคุณภาพดีติดอันดับต้นๆ ของในบรรดาเครื่องชั่งเชิงวิเคราะห์ด้วยกัน ดังนั้นตามไปดูกันเลยดีกว่าว่ามีอะไรที่น่าสนใจสำหรับเครื่องชั่งละเอียด รุ่นนี้ ตามมาเลยค่ะ

HT224CEN เครื่องชั่งทศนิยม 4 ตำแหน่ง (ANALYTICAL BALANCE 4 DIGITS) แบรนด์ VIBRA ผลิตจากประเทศญี่ปุ่น เป็นเครื่องชั่งละเอียด ที่ใช่ชั่งสารเคมี ชั่งตัวอย่างในห้องแล็ป หรือห้องปฎิบัติการทางวิทยาศาสตร์โรงงานอุตสาหกรรมอาหารโรงงานอุตสาหกรรมยา ร้านทอง จิวเวอรี่ ฯ มีความแม่นยำสูง ใช้ชั่งสารหรือตัวอย่างที่มีราคาแพง หรือชั่งตวงเพื่อทดสอบทางวิทยาศาสตร์ทุกประเภท

สำหรับข้อดีของ HT224CEN เครื่องชั่งทศนิยม 4 ตำแหน่ง หรือ เครื่องชั่งละเอียด (ANALYTICAL BALANCE 4 DIGITS) ก็มีดังนี้คะ

  1. ตอบโจทย์ความต้องการของท่านได้ดีที่สุดด้วยหน้าจอ LCD WITH BACK-LIGHT ขนาดใหญ่มองเห็นชัดเจนพร้อมแสงด้านหลังสีขาวช่วยให้การชั่งน้ำหนักทำได้ง่ายและสะดวกสบายแม้อยู่ในที่มืด
  2. สามารถปรับระดับขาของฐานเครื่องชั่ง พร้อมระดับน้ำสำหรับความสมดุล
  3. มีฟังก์ชั่นการใช้งานในรูปแบบการหักค่าภาชนะ (Tare)
  4. เที่ยงตรง แม่นยำด้วยระบบ TUNING-FORK SENSOR ชุดเซนเซอร์ประสิทธิภาพการทำงานคุณภาพสูง
  5. มีความทนทานสูงในระยะยาว ทนต่อสภาพแวดล้อมที่รุนแรงในสภาพแวดล้อมที่มีแรงสั่นสะเทือนรบกวน
  6. HT224CEN มีเทคโนโลยีที่พัฒนาขึ้นใหม่มีความทนทานต่อการรบกวนด้วยระบบ TECHNOLOGY STABILIZATION ลดการสั่นไหวทำให้การชั่งน้ำหนักมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
  7. เป็นเครื่องชั่งที่มีโครงสร้างเรียบง่าย ทำความสะอาดก็เป็นงานง่ายๆ ด้วยโครงสร้างของตู้บังลมที่ออกแบบมาเพื่อทำให้ง่ายต่อการถอดทำความสะอาดและประกอบกลับใหม่สำหรับผู้ใช้งานซึ่งก็จะไม่ใช่เรื่องยุ่งยากอีกต่อไปสำหรับการที่จะนำออกมาทำความสะอาด

พูดถึงข้อดีไปแล้วต่อไปจะก็มาดูกันว่า เครื่องชั่งละเอียด HT224CEN แบรนด์ VIBRA

ควรระมัดรวังเรื่องใดบ้าง เราจะมาแยกให้ดูเป็นข้อๆ ดังนี้ค่ะ

  1. ควรวางในพื้นที่ ที่เหมาะสมไม่วางใกล้เครื่องจักรระหว่างการทำงาน หากมีแรงสั่นสะเทือนหรือมีกระแสลมมากจะส่งผลให้ตัวเลขอ่านค่าไม่นิ่ง
  2. เครื่องชั่งไม่ควรได้รับแรงกระแทกจากภายนอก
  3. ระมัดระวังไม่ให้สารเคมีหกลงใส่เครื่องชั่ง
  4. ห้าม เปิด-ปิด เครื่องชั่งในขณะที่มีของวางบนเครื่องชั่งอยู่
  5. เมื่อใช้เครื่องมือเสร็จแล้ว ควรทำความสะอาดด้วยแปลงอ่อนๆ เก็บรักษาในพื้นที่ ที่ไม่มีความชื้น ปราศจากฝุ่นผงต่างๆ เพราะวัสดุโครงสร้างนั้นไม่กันน้ำและไม่กันฝุ่น เนื่องจากเป็นรุ่นที่ไม่มี IP67
  6. ADAPTOR ต้องใช้ให้ตรงกับเครื่องมือ หากนำมาใช้ไม่ตรงกัน อาจทำให้วงจรลัดและเครื่องมือเสียหายได้
  7. หากจะทำการย้ายเครื่องชั่ง ควรเอาจานชั่งออกก่อนเคลื่อนย้ายทุกครั้ง

มาถึงตรงนี้แล้วก็ได้เล่าถึงรายละเอียดให้ฟังไปหมดแล้วเป็นอย่างไรบ้างสำหรับเรื่อง เครื่องชั่งละเอียด MODEL : HT224CEN แบรนด์ VIBRA แบบดิจิตอล(Digital) ก็หวังว่าจะเป็นประโยชน์กับท่านผู้อ่านไม่มากก็น้อยสำหรับคนที่สนใจเครื่องชั่งดิจิตอล MODEL : HT224CEN แบรนด์ VIBRA  หากท่านกำลังมองหาเครื่องชั่งที่มีความละเอียดสูงสักเครื่องเพื่อที่จะเป็นแนวทางในการเลือกซื้อเครื่องชั่ง HT224CEN แบรนด์ VIBRA ตอบโจทย์การใช้งานของท่านแน่นอน

นอกจากนี้ทางเราก็มีสินค้าจำหน่ายหลากหลายรุ่นให้ท่านได้เลือกสรรค์ พร้อมสอบเทียบตามมาตราฐาน ได้รับการรับรอง ACCREDIT ISO/IEC 17025:2017 ให้ท่านเกิดความเชื่อมันในมาตราฐานระดับสากลของเราอีกด้วยค่ะ แล้วพบกันใหม่ในครั้งหน้านะคะ ขอบคุณค่ะ

ผู้เขียน BEW JJ

 

 

 

ดีจริงมั้ย? Digital Balance จาก Vibra การดูแลรักษาทำอย่างไร

ซื้อเครื่องชั่ง ราคาพิเศษ คลิก     บริการสอบเทียบด้านมวลและเครื่องชั่ง

ขอใบเสนอราคา    ติดต่อเรา

พูดคุยกับเรา

 

 

 

 

 

เหมือนหรือต่างกันอย่างไร?? ระหว่างประแจปากเลื่อนกับประแจปากตาย

เหมือนหรือต่างกันอย่างไร? ระหว่างประแจปากเลื่อนกับประแจปากตาย

สวัสดีค่ะ เพื่อนๆ วันนี้เราจะมาพูดถึงเรื่อง ประแจปากเลื่อน กับ ประแจปากตาย กันนะคะ เมื่อถามถึงประแจหรือ Torque Wrench ทั่วไปแล้วประแจมีหลากหลายแบบหากผู้อ่านจะพอนึกหรือจินตนาการกันออก ที่มีทั้งแบบมีหัวติดที่ตัวด้ามและแบบที่เปลี่ยนหัวได้ ประแจแบบที่เปลี่ยนหัวได้เราจะเรียกหัวที่เปลี่ยนได้ว่า Interchangeable Head ซึ่งโดยส่วนใหญ่แล้วไม่ค่อยมีคนรู้จักมากนัก มักรู้จักในวงการที่มีการใช้งานค่ะ เช่น งานขันประกอบวาล์ว , ระบบท่อ, Automotive และอื่นๆ เกี่ยวกับงานที่ต้องมีการขันแน่นค่ะ  ลักษณะงานที่ใช้นะคะ จะเหมาะสมกับงานที่มีพื้นที่แคบ เพราะจะจับกับเหลี่ยมน็อตได้พอดี โดยยี่ห้อส่วนใหญ่แล้วที่เราคุ้นหูกันจะเป็นของญี่ปุ่น ราคาเอื้อมถึงได้ เช่น TONE, TOHNICHI, KANON, CEDAR และอื่นๆ อีกหลายยี่ห้อที่เราไม่ได้กล่าวถึงค่ะ

สำหรับตัวประแจปากเลื่อนยี่ห้อ “ TONE ”  Model  TMWM Series เป็นสินค้าจากประเทศญี่ปุ่นค่ะ มีย่านการใช้งานโดยรุ่นที่มีแรงต่ำสุดเริ่มที่ 3 N.m ไปจนถึงรุ่นที่มีแรงมากสุด 200 N.m  มีค่าความแม่นยำ (Accuracy)  ± 4%RD  ค่ะ ซึ่งปากสามารถปรับเลื่อนได้เริ่มที่ 10 mm. ไปจนถึงรุ่นที่ 48 mm.  ซึ่งรุ่นนี้ถือได้ว่าเป็นรุ่นที่สะดวกต่อการใช้งานมากค่ะ พกพาง่าย ไม่ต้องเสียเวลาในการเปลี่ยนหัว และไม่ต้องซื้อหัวเพิ่มที่มีหลากหลายนาด เพียงแค่ปรับเลื่อนขนาดตามที่ต้องการที่บริเวณปากวัดของประแจ ก็สามารถขันน็อตเบอร์ต่างๆตามต้องการได้เลยค่ะ

รูปแสดง ประแจปากเลื่อน TMWM Series Brand TONE

 

รูปแสดง ประแจปากตาย (Open End wrench)

ในส่วนของประแจปากตาย  (Open End Wrench)  มีทั้งแบบติดที่ด้ามและแบบเปลี่ยนหัวได้ หรือที่เรียกว่า Interchangeable Head ซึ่งหากใช้ขันน็อตที่มีขนาดหลายเบอร์ ทางผู้ใช้งานจะต้องซื้อประแจปากตายจำนวนหลายชิ้น หรือ หากใช้แบบเปลี่ยนหัวได้ ก็ต้องซื้อหัวปากตายสำหรับมาเปลี่ยนหลายเบอร์เช่นกัน ในส่วนการใช้งานก็เช่นกัน หากมีการเปลี่ยนขันน็อตเบอร์อื่น จะต้องมีการเปลี่ยนประแจปากตายชิ้นใหม่หรือเปลี่ยนหัวเบอร์ใหม่ ซึ่งจะไม่สะดวกต่อการใช้งาน ต้องเสียเวลาในการเปลี่ยนเพื่อให้ประแจปากตายสามารถจับกับเหลี่ยมน็อตได้พอดีถึงจะทำการขันใช้งานได้

 

 

 

รูปแสดง ประแจปากตายแบบปลี่ยนหัวได้ (Interchangeable Head)

ข้อควรระวังและการเก็บรักษา ประแจปากเลื่อน

Torque Wrench TMWM Series  “TONE” (ประแจปากเลื่อน) ถึงแม้ว่าจะเป็นประแจที่ปากเลื่อนได้ แต่ก็มีลิมิตในการปรับขยายปากเลื่อนที่ตัวมันเอง ดังนั้นถึงแม้ว่าเป็นประแจปากเลื่อนได้ แต่ก็ยังมีหลายรุ่นหลายขนาดให้เลือกใช้เช่นกันค่ะ สำหรับการใช้งานต้องมีความระมัดระวังอย่างมากเมื่อทำการขันใช้งานไม่ว่าจะเป็นการขันแน่นหรือคลายน็อต วิธีใช้ต้องดึงเข้าหาตัวนะคะ  ก่อนใช้งานให้ทำการปรับปากประแจให้แน่นกับหัวน็อตก่อนเสมอ จึงค่อยทำการออกแรงขันค่ะ  ขณะทำการขันใช้งานประแจต้องอยู่ระนาบเดียวกันกับหัวน็อตเสมอ เพราะหากขันผิดวิธีอาจจะทำให้ประแจปากเลื่อนเราปากบิ่นเสียหายได้ค่ะ

ในการดูแลรักษามีข้อควรปฏิบัติตามนี้

  • ควรทำคู่มือการใช้งานให้ผู้ใช้งานได้ทำการทำความรู้ ความเข้าใจ ก่อนใช้งาน เพื่อป้องกันเครื่องมือเสียหายจากการใช้งานที่ผิดค่ะ
  • ควรเก็บในพื้นที่ที่มีอุณหภูมิเหมาะสม ไม่ร้อนหรือชื้นจนเกินไปค่ะ เพราะจะทำให้เกิดสนิมได้
  • ควรเก็บในกล่องหรือตู้เก็บเครื่องมือ เพื่อป้องกันการตกหล่น
  • ควรมีการส่งสอบเทียบ เครื่องมือวัดประเภทนี้ควรส่งสอบเทียบอย่างน้อยทุกๆ 1 ปี โดยส่งสอบเทียบกับห้องปฏิบัติการสอบเทียบที่ได้รับการรับรอง ACCREDIT ISO/IEC 17025:2017 เพื่อเพิ่มความเชื่อมั่นว่าเครื่องมือ ยังอยู่ใน Spec ค่ะ

เป็นอย่างไรกันบ้างคะเพื่อนๆ กับเรื่องราวระหว่างประแจปากเลื่อนกับประแจปากตายพอจะหายสงสัยกันบ้างไหมคะว่าเหมือนหรือต่างกันอย่างไร ซึ่งเราได้รวบรวมข้อมูลมาให้เพื่อนได้อ่านและหวังเป็นอย่างยิ่งว่าบทความนี้จะมีประโยชน์ให้กับเพื่อนๆอยู่บ้างนะคะ ฝากติดตามกันอีกครั้งกับบทความครั้งต่อไปค่ะ หากมีอะไรที่น่าสนใจจะมาเขียนให้เพื่อนๆได้อ่านกันอีกนะคะ สำหรับวันนี้สวัสดีค่ะ

ผู้เขียน Suphanun BDS

 

 
Torque Wrench Checker เครื่องมือวัดค่าอะไร รุ่น TTC-60 ดีอย่างไร
รีวิวครบ! ประแจปอนด์ (Digital torque wrench) ละเอียดทุกจุด

สอบเทียบเครื่องมือด้าน Torque&Force    สินค้าด้าน Torque&Force

ขอใบเสนอราคา   ติดต่อเรา 

 

การดูแลรักษาเครื่องมือวัดแรงบิด (Torque Gauge) และการสอบเทียบทำอย่างไร

Torque (แรงบิด) คืออะไร

Torque (แรงบิด) คือ แรงที่กระทำต่อวัตถุ ส่งผลให้วัตถุหมุนบิดไปตามทิศทางที่โดนกระทำ (แรง x ระยะทางที่วัดห่างจากจุดหมุนในแนวตั้งฉาก) แรง Torque มีหน่วยอังกฤษเป็น ปอนด์-นิ้ว หรือ ปอนด์-ฟุต แต่ในทางวิศวกรรมมักนิยมใช้ในหน่วย SI คือ Nm

Torque (แรงบิด) ที่นิยมวัดก็มี 3 แบบคือ

  • ฟุตปอนด์ (ft×lb): โดยตัวเลขที่บอกจะเป็นความยาวของรัศมีการหมุนที่มีแรงผลัก 1 ปอนด์
  • นิวตันเมตร (N×m):โดยตัวเลขที่บอกจะเป็นแรงผลักในหน่วยนิวตันที่รัศมีการหมุน 1 เมตร
  • กิโลกรัมเมตร (kgf×m): โดยตัวเลขที่บอกจะเป็นแรงผลักใบหน่วยกิโลกรัมที่รัศมีการหมุน 1 เมตร

Torque Gauge

เครื่องมือวัดแรงบิด (Torque) เป็นเครื่องมือที่ใช้ในการวัดและการบันทึกแรงบิดในระบบหมุนต่างๆ เช่น เครื่องยนต์, เพลาข้อเหวี่ยง, เกียร์, ใบพัด, จักรยาน เหวี่ยงหรือฝาครอบเครื่องทดสอบแรงบิด แรงบิดคงที่ค่อนข้างวัดได้ง่าย หรือใช้วัดแรงบิดแบบไดนามิกในมืออื่นๆ ตามค่าแรงบิดที่กำหนด เครื่องมือวัดแรงบิดนี้ ในปัจจุบันมีทั้งแบบ mechanical และแบบดิจิตอล เป็นเครื่องมือวัดที่ใช้ในงานควบคุมคุณภาพสินค้า (QC) หลายประเภท โดยเฉพาะอุตสาหกรรมยานยนต์ ซึ่งมีการใช้ในการประกอบชิ้นส่วนของผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับอุปกรณ์ยานยนต์ ดังนั้นจึงต้องมั่นใจในค่าของแรงบิดที่ประกอบชิ้นงานว่าถูกต้องเหมาะสม


วิธีการวัดแรงบิด คือ การวัดมุมบิดหรือขั้นตอนการวัดการเปลี่ยนแปลงโดยมุมบิดที่เกิดจากแรงบิดที่ใช้เป็นวัดโดยใช้เซ็นเซอร์ตำแหน่งเชิงมุมสองและการวัดมุมเฟสระหว่างสิ่งนั้นออกมาเป็นค่าแรงบิดในรูปหน่วยวัด (นิวตันต่อเมตร, กิโลกรัม.ฟอดน์ต่อเซนติเมตร หรือ ปอนด์ต่อนิ้ว) และยังสามารถตรวจสอบแรงบิดได้ทั้งด้าน CW (ลักษณะการหมุนแบบตามเข็มนาฬิกา) CCW (การหมุนทวนเข็มนาฬิกา)

การดูแลรักษา เครื่องมือวัดแรงบิด

ส่วนประกอบหลักของ Torque Gauge คือสปริงและลูกปืนหรือบล็อกยึด ซึ่งสปริงจะมีอายุการใช้งานของแต่ละอันที่แตกต่างกัน โดยที่สปริงอาจสูญเสียความยืดหยุ่นได้ถ้าหากถูกยืดหรือบีบอัดมากไป ส่วนลูกปืนหรือบล็อกยึดนั้นหากมีการอยู่ผิดที่นานๆอาจเกิดการสึกหรอ หรืออาจเคลื่อนไปอยู่ผิดตำแหน่งทำให้ค่า Torque ไม่ตรงได้

  • ควรจัดเก็บให้แยกจากเครื่องมือช่างทั่วไปและห้ามขว้าง ห้ามโยนเครื่องมือวัด
  • ควรเก็บ Torque Gauge ไว้ในกล่องทุกครั้ง หลังจากการเลิกใช้งาน และวางห่างจากบริเวณที่มีความชื้น
  • ก่อนเก็บเครื่องมือวัดควรตั้งค่า Torque ให้กลับมาที่จุดต่ำสุดเพื่อเป็นการคลายสปริง (แต่ไม่ควรตั้งค่าไว้ต่ำกว่าค่าต่ำสุด)
  • ระมัดระวังไม่ให้ทำเครื่องมือวัดตก เพราะการตกอาจเกิดแรงกระแทกที่ทำให้ค่า Torque คลาดเคลื่อนได้ทันที
  • ไม่ควรแกะ หรือรื้อชิ้นส่วน Torque Gauge เพื่อทำการซ่อมแซมด้วยตนเอง ควรส่งให้ช่างผู้ชำนาญการเป็นผู้ซ่อม เนื่องจากหลังผ่านการซ่อมแซมเครื่องมือวัดควรมีการตรวจสอบค่าทอร์คใหม่ทุกครั้ง
  • การ สอบเทียบเครื่องมือวัด จำเป็นต้องทำอย่างสม่ำเสมอ และเป็นความรับผิดชอบของเจ้าของเครื่องมือ แนะนำให้มีการสอบเทียบอย่างน้อยที่สุด 1 ปีหรือระยะเวลสั้นกว่านั้น ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ สภาพแวดล้อม และการดูแลรักษา
  • การสอบเทียบประแจปอนด์ ควรส่งสอบเทียบกับห้องปฏิบัติการที่ได้มาตรฐาน ISO/IEC 17025 เท่านั้น

การ สอบเทียบเครื่องมือวัด ที่เกี่ยวข้องกับแรงบิด Torque Gauge ปัจจุบันเทคโนโลยีของ เครื่องวัดแรงบิด (Torque Tester) นั้นสามารถเลือกทิศทางในการวัดได้ทั้งด้าน CW (ลักษณะการหมุนแบบตามเข็มนาฬิกา) CCW (การหมุนทวนเข็มนาฬิกา) อีกทั้งยังสามารถแสดงหน่วยการวัดได้หลากหลาย (in: oz, in×lb, ft×lb, N×m, cN×m, kgf / cm, gf×cm) ตามการใช้งาน ซึ่งทาง CLC หรือ Calibration Laboratory มีให้บริการในส่วนนี้ โดยสามารถสอบเทียบได้ตั้งแต่ 0-2000 Nm เลยทีเดียว

โดย Standard ที่ใช้ในการสอบเทียบเป็น Torque Transducer, Torque Calibrator, Torque Indicator ตามแต่ละย่านการใช้งาน และยังได้รับการรับรองมาตรฐาน ISO/IEC 17025:2017 จากสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม(สมอ.) และ ISO/IEC 17025:2017 จากหน่วยงาน ANSI National Accreditation Board (ANAB)

มาตรฐาน ISO/IEC 17025:2017 จากสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม(สมอ.)

มาตรฐาน ISO/IEC 17025:2017 จากหน่วยงาน ANSI National Accreditation Board (ANAB)

ผู้เขียน Pamiie Little

 

 

ไขควงทอร์คแตกต่างจากไขควงธรรมดาทั่วไปอย่างไร

ขอใบเสนอราคา    ติดต่อเรา

ซื้อเครื่องมือด้านแรงบิดและแรง   บริการสอบเทียบด้านแรงบิดและแรง

เครื่อง UTM หรือเครื่องทดสอบแรงดึงมีหลักการทำงานอย่างไร ทำไมต้องสอบเทียบ

Universal Testing Machineรูปที่ 1 เครื่อง Universal Testing Machine

Universal Testing Machine (UTM) เครื่องทดสอบแรงอเนกประสงค์ หรือที่นิยมเรียกกันในอีกหลายๆชื่อเช่น  เครื่องทดสอบวัสดุทางกล เครื่องทดสอบแรงกด-แรงดึง เครื่องทดสอบแรงดึง เป็นต้น เป็นเครื่องมือที่ใช้ทดสอบคุณสมบัติเชิงกลของวัสดุต่างๆ ซึ่งโดยส่วนใหญ่แล้วจะเป็นการทดสอบแบบทำลาย  ปัจจุบันมักนิยมใช้กันอย่างแพร่หลายเพราะสามารถใช้ทดสอบผลิตภัณฑ์ต่างๆได้อย่างหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น ยาง, เส้นใย, พลาสติก, ฟิล์ม, คอมโพสิต, บรรจุภัณฑ์ที่ยืดหยุ่น, กาวสติกเกอร์, อุปกรณ์ทางการแพทย์, ฟอยล์โลหะ, กระดาษและผลิตภัณฑ์อื่นๆ คนส่วนใหญ่มักติดปากเรียกเครื่องมือวัดนี้ว่า เครื่องวัดแรงดึง (Tensile) เป็นไปตามลักษณะของการทดสอบแบบดึงยืดชิ้นงาน ซึ่งในความเป็นจริงนั้นเครื่องมือวัดนี้ยังมีความสามารถทำได้นอกเหนือจากดังกล่าว ไม่ว่าจะเป็นการทดสอบการวัดแบบกดอัดชิ้นงาน การทดสอบการทนทานต่อการฉีกขาด การทดสอบความแข็งแรงของรอยเชื่อมหรือกาว การทดสอบการดัดโค้งชิ้นงาน  การลอก การเปลี่ยนรูป การยึดเกาะ แรงเจาะ แรงเปิด แรงคลายความเร็วต่ำ แรงดึงออก และการทดสอบประสิทธิภาพอื่นๆ โดยขึ้นอยู่กับอุปกรณ์ส่วนควบคุมของเครื่องมือวัดรุ่นนั้นๆว่ารองรับหรือไม่  เช่น ขนาดของตัวเครื่องและโหลดเซลล์ หัวจับหรือแท่นวางชิ้นงานทดสอบ เป็นต้น

Universal Testing Machine ลักษณะโดยทั่วไปสามารถแบ่งได้ดังนี้

  1. เครื่องวัดแรงดึง แบบเสาเดี่ยว (Single Column)

  2. เครื่องวัดแรงดึงแบบเสาคู่ (Double Column)

หลักการทำงานเครื่องทดสอบแรงอเนกประสงค์

โดยทั่วไปเครื่องมือนี้สามารถอ่านค่าได้หลายหน่วย เช่น นิวตัน (N) , กิโลนิวตัน (kN),  กิโลกรัม (kg), กรัม (g), ปอนด์ (lb) หลักการทำงานของเครื่องมือนี้ก็คือ การเก็บข้อมูลความสัมพันธ์ระหว่างการวัดแรงต้านในการเปลี่ยนแปลงรูปร่างของวัสดุโดยอาศัยอุปกรณ์วัดแรงหรือโหลดเซลล์ (Load cell) และการวัดระยะที่เปลี่ยนแปลงไปของชิ้นงานโดยอาศัยอุปกรณ์วัดระยะ ได้แก่ Extension of Crosshead, Extensometer เป็นต้น เมื่อนำข้อมูลที่ได้มาสร้างกราฟจะได้กราฟความสัมพันธ์ระหว่างแรง และระยะที่เปลี่ยนแปลงไป (Extension, Elongation, Deformation) และหากนำขนาดหรือมิติของชิ้นงานทดสอบมาคำนวณด้วยก็จะได้กราฟความสัมพันธ์ระหว่าง Stress และ Strain ทำให้ได้สมบัติเชิงกลต่างๆของชิ้นงานทดสอบนั้น เช่น ความแข็งแกร่งของวัสดุ (Modulus) ความแข็งแรงของวัสดุ (Strength) ความสามารถในการยืดของวัสดุ (Elongation) เป็นต้น

ทำไมต้องสอบเทียบเครื่องทดสอบวัสดุทางกล

การสอบเทียบมีความสำคัญอย่างมาก เพราะเป็นสิ่งที่จะยืนยันว่าเครื่อง Universal Testing Machine (UTM) ของเราสามารถทดสอบวัสดุได้ตามค่าที่เราต้องการหรือตามที่มาตรฐานกำหนดหรือไม่  ค่าที่วัดออกมามีความเที่ยงตรงมากน้อยเพียงใด  ดังนั้นเครื่อง Universal Testing Machine (UTM) ที่เราจะใช้ทดสอบวัสดุจะต้องมั่นใจได้ว่าเครื่องมือนั้นยังคงมีความเที่ยงตรงหรือยังอยู่ในSpec จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องสอบเทียบเครื่องมือดังกล่าวเพื่อไม่ให้ชิ้นงานที่ได้วัดค่าออกมาแล้วเกิดการErrorจนกระทั้งตก Spec

ความสามารถของห้องปฏิบัติการ CLC (Calibration Laboratory)

            ทางห้องปฏิบัติการของเรา (CLC) สามารถทำการสอบเทียบเครื่อง Universal Testing Machine (UTM) ได้  ในส่วนของแรงกด (Compression) ที่ Range 0 to 220 kN, แรงดึง (Tension) ที่ Range 0 to 449 kN โดยการนำโหลดเซลล์ (Load Cell )ซึ่งทางห้องปฏิบัติการมีหลายRangeและหลายชนิด โดยจะเลือกใช้ขึ้นอยู่กับความเหมาะสม ดังภาพตัวอย่างที่1 Standard เข้าไปติดตั้งกับตัวเครื่อง UTM ของลูกค้า ดังภาพตัวอย่างที่ 2  จากนั้นจึงทำการทดสอบค่าแรงดึง และแรงกดแล้วบันทึกค่า โดยได้รับการรับรอง ISO/IEC 17025:2017 อีกด้วย อีกทั้งยังสามารถสอบเทียบ Displacement, Extensometer, Speed ได้อีกด้วย

ภาพตัวอย่างที่ 1 หัว Load Cell Standard ของบริษัท แคลิเบรชั่น แลบอราทอรี จำกัด

ภาพตัวอย่างที่ 2
ลักษณะการติดตั้ง Load Cell Standard เพื่อสอบเทียบ Universal Testing Machine ให้กับลูกค้าของบริษัท แคลิเบรชั่น แลบอราทอรี จำกัด

วิธีการดูแลรักษาเครื่องทดสอบแรงกด-แรงดึง 

  1. เมื่อเครื่องมือวัดหยุดการทดสอบหรือทำการทดสอบงานเสร็จสิ้นแล้ว ควรตั้งค่าเครื่องกลับไปประจำตำแหน่งที่ได้ทำการตั้งค่าไว้ (Return Position)
  2. ควรตั้งค่าระดับ Crosses ให้อยู่ในตำแหน่งที่เหมาะสม โดยการกดสวิทช์ Speed Up หรือ Speed Down
  3. เมื่อเลิกใช้งานให้กดปุ่ม Stop ที่ Control Panel
  4. ภายหลังการทดสอบงานเสร็จสิ้น ให้ทำการปลดอุปกรณ์ทุกชนิด (Universal joint, Compression joint หรือ Grip) ออกจาก Load Cell แล้วทำการกด Power Off เพื่อให้ระบบไฟฟ้าภายในเครื่องหยุดการทำงาน
  5. ควรตรวจเช็ค และทำความสะอาดเครื่องมือวัดหลังทดสอบ
  6. ใช้ผ้าหรือผ้ายางคลุมเครื่องทดสอบ เพื่อป้องกันน้ำหรือฝุ่นละอองจับที่ตัวเครื่องและเป็นการช่วยยืดอายุการใช้งานเครื่อง UTM

หมายเหตุ : ผู้ใช้งานควรได้รับการฝึกอบรมและมีความรู้การใช้งานพื้นฐานเครื่องมือวัด

การบำรุงรักษาเครื่อง UTM

1.การทำความสะอาดตัวเครื่องมือวัด

  • ให้ทำการถอดปลั๊กไฟออกจากเต้าเสียบ
  • ทำความสะอาดตัวเครื่องด้วยผ้าหรือฟองน้ำที่อ่อนนุ่มด้วยนำยาทำความสะอาดที่เป็นกลาง
  • ทำความสะอาดชิ้นส่วนและอุปกรณ์ประกอบด้วยฟองน้ำหรือผ้าชุบด้วยน้ำสะอาดบิดหมาด
  • เช็ดสะอาดผ้าแห้งอีกครั้ง
  • ไม่ควรใช้สารเคมีไวไฟหรือสารระเหย เช่น เบนซิน แอลกอฮอล์ทำความสะอาด

2. การหล่อลื่น

  • ให้ทำการถอดปลั๊กไฟออกจากเต้าเสียบ
  • ทำความสะอาด บอลล์สกรู ด้วยผ้าหรือฟองน้ำที่อ่อนนุ่มด้วยน้ำยาทำความสะอาดที่เป็นกลาง
  • ตรวจสอบและทำความสะอาด เช็ดด้วยน้ำมันเพื่อป้องกันการเกิดสนิม
  • ไม่ควรใช้สารเคมีไวไฟหรือสารระเหยเช่น เบนซิน แอลกอฮอล์ในการทำความสะอาด
  • เพิ่มจาระบี (grease) ที่บอลล์สกรู อย่างพอเหมาะตามระยะเวลาที่เหมาะสม
  • ตรวจสอบความผิดปกติที่อาจเกิดขึ้นเช่นความร้อน, เสียงการสั่นสะเทือนก่อนและหลังการใช้

3. การทำความสะอาดชิ้นส่วนที่เป็นไฟฟ้า

  • ทำความสะอาดด้วยผ้าที่แห้งหรือปัดฝุ่นทั่วไป

4. เมื่อไม่ได้ใช้เครื่องมือเป็นเวลานาน

  • ให้ถอดปลั๊กไฟฟ้าออกจากเต้าเสียบ
  • ทำความสะอาดด้วยผ้านุ่ม
  • จัดเก็บเครื่องมือวัดและอุปกรณ์ด้วยวิธีการที่เหมาะสมและเก็บในที่ที่ปลอดภัย
  • ใช้ผ้าหรือผายางคลุมเพื่อป้องกันฝุ่น เครื่องทดสอบแรงดึง

ข้อควรระวังในการทำความสะอาดเครื่องมือวัด

  • ไม่ควรใช้สารเคมีไวไฟหรือสารระเหยเช่น เบนซิน แอลกอฮอล์ทำความสะอาดอุปกรณ์เพราะจะทำให้อุปกรณ์เกิดความเสียหายได้
  • อุปกรณ์ไม่ได้ถูกออกแบบหรือผลิตขึ้นมาเพื่อป้องกันการระเบิดจึงไม่ควรวางวัสดุไวไฟสูงหรือวัสดุที่เกิด การระเบิดภายในห้องซึ่งอาจทำให้เกิดการระเบิดหรือไฟไหม้ได้

ผู้เขียน Katai

 

 

 

ไขควงทอร์คแตกต่างจากไขควงธรรมดาทั่วไปอย่างไร

ขอใบเสนอราคา     ติดต่อเรา

ซื้อเครื่องมือด้านแรงบิดและแรง   บริการสอบเทียบด้านแรงบิดและแรง

Digital Torque Screwdriver มีดีกว่า Torque Screwdriver แบบธรรมดายังไงนะ (TONE DBDT3S)

TONE DBDT3S มีดีอะไร ใช้งานง่ายไหมนะ?

สวัสดีค่ะ วันนี้จะมาพูดถึง Digitorqon DBDT Series (Digital) มีขายกันทั่วไปในท้องตลาด หลายคนอาจจะเคยได้ยินมาแค่ Torque Screwdriver  สำหรับ Digital Torque Screwdriver  อาจไม่ค่อยมีคนรู้จักกันมากนัก จะมีรู้จักแค่คนที่อยู่ในวงการงานทวนสอบหรืองานสอบเทียบเท่านั้น ยี่ห้อที่มักพบกันโดยทั่วไปได้แก่ ยี่ห้อ TONE, TOHNICHI, KANON เป็นต้น ในบทความนี้เราจะมาพูดถึง Digitorqon DBDT Series (Digital Torque Screwdriver)   Brand TONE รุ่น DBDT3S (30-300 cN.m) กันนะคะ ในการใช้งานนั้น จะใช้ในงานทวนสอบหรือขันใช้งาน ในรุ่น DBDT3S นี้  มีแรงค่อนข้างต่ำ ส่วนใหญ่เหมาะกับงานประเภทชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ หรือใช้กับชิ้นงานขนาดเล็กๆ ที่ต้องการแรงบิดไม่มากนัก ผู้หญิงเช่นเราๆ ก็สามารถใช้ได้สบายๆ

รูปภาพ Digitorqon DBDT-Series Model : DBDT3S

 

วิธีการใช้งาน Torque Screwdriver

สำหรับการใช้งานของรุ่น DBDT3S นี้ใช้งานไม่ยากเลยค่ะ สามารถใช้ขันได้ 2 ทิศทาง คือตามเข็มนาฬิกา (CW) และทวนเข็มนาฬิกา (CCW) และรุ่น DBDT3S นี้สามารถใช้งานได้ 2 Mode คือ

  1. Peak mode (แสดงค่าแรงสูงสุดที่วัดได้ ค่าที่ได้จะค้างที่หน้าจอ)
  2. Track Mode (ค่าที่ได้ขึ้นลง Real Time ตามแรงจริง Set Zero อัตโนมัติ)

ในส่วนของตัวเครื่องที่สำคัญเลยคือ สามารถตั้งค่า Tolerance ได้ตั้งแต่ 5% – 50% (95% –  50% ของแรงบิดเป้าหมาย) เมื่อขันถึง Torque เป้าหมายที่เราตั้งค่าไว้ จะมีเสียงและแสงไฟเตือนเกิดขึ้นค่ะ ดังนั้นต้องขันใช้งานอย่างระมัดระวัง ไม่ให้เกินค่า Torque เป้าหมาย วิธีการขันที่ต้องคำนึงถึงอยู่เสมอโดยขันทำมุมให้ได้ 90° เพื่อความแม่นยำที่เกิดขึ้น สำหรับในการปิดเครื่องนะคะ หากเราไม่มีการใช้งานแค่วางทิ้งไว้ประมาณ 180 วินาที่เครื่องจะทำการปิดอัตโนมัติค่ะ (ไฟจุดสีแดงที่หน้าจอเครื่องจะหายไป)  ส่วนในเรื่องของแหล่งจ่ายพลังงาน จะใช้พลังงานจากถ่าน Alkaline AAA  2 ก้อนค่ะ ง่ายและสะดวกต่อการพกพามาก แถมรุ่น DBDT3S นี้นะคะยังมีไอคอนแสดงการเตือนระดับ Battery ด้วยค่ะ กรณี Battery ต่ำเหลือ 30% ไอคอนจะแสดงที่มุมด้านซ้ายสุดของจอแสดงผลค่ะ ดีมากขอบอกต่อเลยนะคะ

รูปภาพ : การใช้งาน Digitorqon DBDT-Series Model : DBDT3S

 

ข้อควรระวังและการเก็บรักษา

  • Digitorqon DBDT Series รุ่น DBDT3S จาก TONE จากประเทศญี่ปุ่นนี้ มีแรงบิดค่อนข้างต่ำนะคะ ดังนั้นจึงต้องระมัดระวังในการใช้งานเป็นอย่างมากค่ะ หากนำไปใช้ขันชิ้นงานที่มีขนาดแรงบิดมากกว่าเครื่องมือรับได้ จะทำให้เครื่องมือเกิดการ  Overload ทำให้เครื่องมือวัดมีโอกาสเสียหายได้ค่ะ ในด้านการดูแลรักษานะคะมีข้อควรปฏิบัติตามนี้
  • ควรทำคู่มือการใช้งานให้ผู้ใช้งานได้ทำการทำความรู้ ความเข้าใจ ก่อนใช้งาน เพื่อป้องกันเครื่องมือเสียหายจากการใช้งานที่ผิดวิธีค่ะ
  • เมื่อใช้งานเสร็จแล้ว ควรถอด Battery AAA ออก เพื่อป้องกันการเกิดขี้เกลือที่รางถ่าน ส่งผลให้เครื่องมือเสียหาย
  • ควรเก็บในพื้นที่ ที่มีอุณภูมิเหมาะสม ไม่ร้อนหรือชื้นจนเกินไปค่ะ เพราะจะทำให้เกิดสนิมได้
  • ควรเก็บในกล่อง หรือ ตู้เก็บเครื่องมือ เพื่อป้องกันการตกหล่นของเครื่องมือวัด
  • ควรมีการส่งสอบเทียบ เครื่องมือวัดประเภทนี้ ซึ่งจำเป็นต้องส่งสอบอย่างน้อยทุกๆ 1 ปี โดยสอบเทียบกับห้องปฏิบัติการสอบเทียบที่ได้รับการรับรอง ACCREDIT ISO/IEC 17025:2017 เพื่อเพิ่มความเชื่อมั่นว่าเครื่องมือ Digitorqon DBDT Series รุ่น DBDT3S ยังอยู่ใน Spec ค่ะ

รูปภาพ : เครื่องมือพร้อมกล่อง Digitorqon DBDT-Series Model : DBDT3S

เป็นอย่างไรกันบ้างคะเพื่อนๆ หวังว่าบทความนี้จะมีประโยชน์ให้กับเพื่อนๆอยู่บ้าง ติดตามตอนต่อไปนะคะเรามีเครื่องมือวัดตัวอื่นที่น่าสนใจอีกหลายตัวที่จะมาเล่าให้เพื่อนได้ฟังได้อ่านกันอีก โปรดรอติดตามและให้กำลังใจกันด้วยนะคะ ขอบคุณค่ะ

Suphanun BDS

 

 

 

ไขควงทอร์คแตกต่างจากไขควงธรรมดาทั่วไปอย่างไร

ขอใบเสนอราคา    ติดต่อเรา

ซื้อเครื่องมือด้านแรงบิดและแรง   บริการสอบเทียบด้านแรงบิดและแรง

ลักษณะและวิธีการใช้โปรแทรคเตอร์ (PROTRACTOR) หรือ ฉากวัดมุม

โปรแทรคเตอร์ (PROTRACTOR)

โปรแทรคเตอร์ คือ อะไร เพื่อนๆพอทราบหรือพอได้ยินกันบ้างไหมคะ เอาเป็นว่า โปรแทรคเตอร์  ไม้โปรแทรคเตอร์ หรือ ฉากวัดมุม คือ เครื่องมือสำหรับวัดมุมทางเรขาคณิตที่บอกมุมเป็นองศา เมื่อตอนสมัยเรียนที่เราเคยเห็นและเคยใช้บ้างในตอนนั้นไม่ได้แค่ใช้เป็นเครื่องมือประกอบการศึกษาเฉพาะตอนเรียนนะคะ ในด้านงานอุตสาหกรรมเราก็นำมาใช้งานได้เช่นกันค่ะ ซึ่งในท้องตลาดก็มีให้เลือกอยู่หลายยี่ห้อ เช่น SHINWA, SK, INSIZE, KEIBA, HACHI, VASTAR, ASAKI, OKURA, FONIX และอีกมากมายหลากหลายยี่ห้อมีให้เลือกกัน แต่เรื่องของรูปร่างหน้าตาและวิธีการใช้งานนั้นไม่แตกต่างกันเลยไม่ว่าจะใช้ของยี่ห้อใดค่ะ มาดูเรื่องของรายละเอียดเพิ่มเติมอีกสักเล็กน้อยดีกว่านะคะว่า เครื่องมือวัดนี้มีรูปร่างหน้าตาและวิธีการใช้งานเป็นยังไง ตามมาอ่านกันเลยจ้า

โปรแทรคเตอร์

เป็นเครื่องมือวัดขนาดของมุมโดยมีหน่วยเป็นองศา ซึ่งองศาการวัดเกิดขึ้นจากการทำมุมกันระหว่างเส้นรัศมี 2 เส้นของวงกลม เช่นเดียวกับเครื่องมือวัดอื่นๆ ฉากวัดมุมเอง ก็มีหลากหลายรูปทรงขึ้นกับการใช้งาน โดยทั่วไปมักพบในรูปแบบของรูปครึ่งวงกลมวัดองศามุมได้ 180 องศาจะแบ่งเป็นสองประเภท คือ 1 เสา และ 2 เสา ขณะที่ไม้โปรแทรกเตอร์แบบละเอียดที่เรียกว่า BEVEL PROTRACTOR จะมีลักษณะเป็นไม้บรรทัดที่มีแขน 2 ข้างหมุนได้ วัดมุมได้ 360 องศา

รูป : โปรแทรกเตอร์-1

รูป โปรแทรกเตอร์-2

รูป PROTRACTOR WITH 2 POLES

ลักษณะและวิธีการใช้งานของเจ้าโปรแทรคเตอร์ หรือ เครื่องมือวัดมุม มีด้วยกัน 2 แบบดังนี้

แบบที่ 1 : ในการอ่านค่าจากขีดแบ่งสเกล ให้วางจานครึ่งวงกลมวัดมุมและแขนวัดแนบกับวัตถุที่ต้องการวัดค่า

แบบที่ 2 : ในการอ่านค่าจากขีดแบ่งสเกล ให้ใช้แขนวัดอีกข้างนอกเหนือจากที่มีในแบบที่ 1 แขนวัดร่วมด้วย จึงสามารถวัดมุมของวัตถุที่มีรูปทรงซึ่งไม่สามารถวัดค่าได้ด้วยแบบที่ 1 ได้

ลักษณะ ฉากวัดมุม ขั้นพื้นฐานประกอบด้วยชิ้นส่วนครึ่งวงกลมของวัสดุที่มีเครื่องหมายบอกองศาบนขอบด้านนอกของส่วนโค้ง ขอบตรงจะถูกวางไว้ตามหนึ่งในเส้นที่จะวัดและจำนวนองศาจะถูกกำหนดโดยที่เส้นที่สองข้ามส่วนโค้งเนื่องจากเป็นครึ่งวงกลมไม้โปรแทรกเตอร์พื้นฐานจึงวัดมุมได้ไม่เกิน 180 องศา นี้เพียงพอในการใช้งานปกติเนื่องจากความสัมพันธ์ระหว่างสองบรรทัดสามารถแสดงเป็นมุม 180 องศาหรือน้อยกว่าได้เสมอ สามารถวัดมุมไปยังเส้นที่สองที่ตัดกันได้โดยเลื่อนตามเข็มนาฬิกา ทิศทางหนึ่งจะวัดมุมที่มากกว่า 180 องศาและอีกทิศทางหนึ่งจะวัดมุมน้อยกว่า 180 องศา ทั้งคู่ไม่สามารถวัดได้มากกว่า 180 เนื่องจากต้องเพิ่มขึ้น 360 องศาจำนวนเต็มในวงกลม

เป็นอย่างไรบ้างคะสำหรับเรื่องโปรแทรคเตอร์หรือ เครื่องมือวัดมุมหวังว่าจะเป็นประโยชน์กับท่านไม่มากก็น้อย สำหรับผู้อ่านที่สนใจเรื่องเครื่องมือวัดมุมและหากกำลังมองหาโปรแทรคเตอร์สักตัว ทางเรามีสินค้าจำหน่ายพร้อมบริการสอบเทียบให้ท่านเกิดความเชื่อมั่นในมาตราฐานระดับสากลของเราอีกด้วยค่ะ ไว้คราวหน้าจะเอาเรื่องของโปรแทรคเตอร์อีกชนิดหนึ่งมาเล่าสู่กันฟังนะคะ ก็คือเจ้าตัว BEVEL โปรแทรคเตอร์ นั่นเอง อย่าลืมติดตามกันนะคะ หากเรากล่าวถึงข้อมูลส่วนไหนผิดพลาดหรือตกหล่นประการใดต้องขออภัยไว้ ณ ที่นี้ด้วยค่ะ แล้วพบกันใหม่ในครั้งหน้านะคะ ขอบคุณค่ะ 

 

ผู้เขียน BEWJJ.

 

 

ขอใบเสนอราคา    ติดต่อเรา

บริการสอบเทียบด้านมิติ

ไม้บรรทัดเหล็ก (Steel Ruler) จำเป็นต้องดูแลรักษาและสอบเทียบเครื่องมือวัดจริงหรือ

การใช้งาน Thread Plug Gauge หรือเกจวัดเกลียวในนั้น มีวิธีอย่างไร และสามารถสอบเทียบอะไรได้บ้าง

 

 

ไขควงทอร์คแตกต่างจากไขควงธรรมดาทั่วไปอย่างไร

TORQUE DRIVER

                                                                         

Torque Driver หรือ ไขควงทอร์ค คือเครื่องมือช่างประเภทหนึ่งที่ทำหน้าที่เหมือนประแจปอนด์ (Torque Wrench) หรือ ประแจทอร์ค ใช้สำหรับขันน็อตหรือสกรูให้ได้ค่าความแน่นตามที่ต้องการ ไขควงทอร์คจะมีดอกไขควงขนาดต่างๆตามแต่ลักษณะการใช้งานเป็นตัวขัน มีลักษณะหน้าตาเหมือนไขควงเปลี่ยนหัวได้ทั่วๆไป แต่จะมีสเกลวัดค่าแรงบิดที่ตัวเอาไว้ตั้งค่าแรงและอ่านค่าแรงที่ขัน

วิธีใช้ไขควงทอร์ค (Torque Driver)

  1. ใส่ดอกไขควงขนาดที่ต้องการใช้งาน โดยดันเข้าไปให้ลูกปืนล็อค (จะมีเสียงดังกริ๊ก) ในขั้นตอนนี้ถ้าคนที่ยังไม่เคยใช้ไขควงลักษณะที่เป็นตัวล็อคดอกไขควงแบบ Spring Bit Retainer จะรู้สึกใส่ยาก ยิ่งถ้าเป็นไขควงทอร์คตัวใหม่ที่เพิ่งนำออกมาใช้งาน สปริงจะมีความแข็งอยู่ต้องออกแรงดันมากกว่าปกติถึงจะเข้าล็อค เวลาจะถอดดอกไขควงออกก็เช่นกันต้องออกแรงกระชากมากกว่าปกติ ดอกไขควงถึงจะหลุดออก
  2. ตั้งค่าแรงบิดที่ตัวไขควงทอร์ค โดยให้ดันแหวนปลดล็อคด้ามทอร์คค้างไว้เพื่อหมุนปรับสเกล หลักการคือหมุนซ้ายเพื่อลดค่าทอร์ค หมุนขวาเพื่อเพิ่มค่าทอร์ค 1 สเกลที่เราหมุนจะขยับตามค่า Resolution โดยเน้นดูขีดกลางเป็นหลัก
  3. เมื่อเราตั้งค่าแรงทอร์คตามที่ต้องการแล้ว ก็นำไปไขน็อตสกรูตามปกติ เมื่อถึงค่าที่ตั้งไว้ จะมีเสียงลั่นของสปริงดังแกร๊กแปลว่าหมุนแรงถึงตามที่ตั้งค่าทอร์คไว้แล้ว

มีหน่วยวัดอะไรบ้าง

Torque Driver เป็นเครื่องมือที่ใช้ขันแรงและวัดค่าแรงบิดของน็อต ดังนั้นหน่วยในการวัดค่าแรงจะมีได้หลายหน่วย เช่น Newton Meter (N·m), kilogram-force centimeter (kgf·cm), pound-force foot (lbf·ft) เป็นต้น ซึ่งทางบริษัทแคลิเบรชั่น แลบอราทอรี จำกัด สามารถสอบเทียบได้ทุกหน่วยการวัดของเครื่องมือเพื่อรองรับการใช้งานที่หลากหลายของลูกค้า

บริษัทแคลิเบรชั่น แลบอราทอรี จำกัด สามารถสอบเทียบได้ครอบคลุมทุกหน่วยการวัดที่กล่าวมาข้างต้นและได้รับการรับรอง มาตรฐานห้องปฏิบัติการ ISO/IEC 17025:2017 จากสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมของประเทศไทย (TISI) และจาก  ANSI National Accreditation Board (ANAB) ประเทศสหรัฐอเมริกา เพื่อตอบสนองการใช้งานที่หลากหลายของลูกค้าในทุกภาคอุตสาหกรรม โดยขอบข่ายการวัดสามารถ สอบเทียบเครื่องมือวัด ได้ด้วยวิธีการ Comparison with Torque Standard โดยจุดสอบเทียบที่ได้รับการรับรอง ดังแสดงในรูปด้านล่าง

ISO/IEC 17025:2017 จากสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมของประเทศไทย (TISI)

ACCREDIT 17025 จาก ANSI National Accredit Board (ANAB)

รูปตัวอย่างการ สอบเทียบเครื่องมือวัด ของ CLC โดยใช้วิธีการ Comparison (DUC) with Torque Standard (STD)

การดูแลรักษาไขควงทอร์ค

ส่วนประกอบหลักของไขควงทอร์คก็คือสปริง และลูกปืนหรือบล็อคยึด (Block/Pawl) สปริงจะมีอายุการใช้งานของมัน สปริงอาจสูญเสียความยืดหยุ่นได้หากถูกยืดหรือบีบอัดมากไป ส่วนลูกปืน หรือบล็อคยึดหากอยู่ผิดที่นานๆก็อาจสึก หรืออาจเคลื่อนไปอยู่ผิดที่ ทำให้ค่าทอร์คไม่ตรง

การดูแลรักษาทำได้ง่ายๆดังนี้

  1. แบ่งการไขเป็น 2 จังหวะ ครั้งแรกไขแน่นครึ่งเดียว แล้วค่อยใช้ไขควงทอร์คไขตอนสุดท้ายอีกครั้งหนึ่ง
  2. ทำความสะอาดน็อต และโบล์ทให้สะอาดก่อนไข
  3. ก่อนเก็บไขควงทอร์ค หรือ ประแจทอร์ค ให้ตั้งค่าทอร์คให้กลับมาที่จุดต่ำสุดเพื่อคลายสปริง (ห้ามตั้งต่ำกว่าค่าต่ำสุด)
  4. ห้ามเอาไขควงทอร์คไปไขคลายน็อต เนื่องจากแรงในการไขอาจให้ค่าเกินค่าทอร์คของไขควงทอร์คได้
  5. ห้ามทำไขควงทอร์คตก การตกครั้งหนึ่งอาจทำให้ค่าทอร์คคลาดเคลื่อนได้ทันที

ผู้เขียน Keaw VIP

 

Digital Torque Screwdriver มีดีกว่า Torque Screwdriver แบบธรรมดายังไงนะ (TONE DBDT3S) 

ขอใบเสนอราคา     ติดต่อเรา

ซื้อเครื่องมือด้านแรงบิดและแรง   บริการสอบเทียบด้านแรงบิดและแรง

Load Cell แต่ละแบบใช้งานยังไง แบบไหนเหมาะสมกับงานของเรา

 Load Cell เป็นอีกเครื่องมือวัด หรือ อุปกรณ์ ที่มีบทบาทสำคัญกับอุตสาหกรรมต่างๆ มีให้เลือกใช้มากมายหลายแบบ บางท่านอาจจะงงว่า เจ้าเครื่องมือวัด Load Cell ที่เห็นตามโรงงานต่างๆ หรือ ตามอินเตอร์เน็ตนั้นแต่ละแบบใช้งานยังไง แบบไหนเหมาะสมกับงานของเรา วันนี้เรามาดูกันครับว่า โหลดเซลล์ ชนิดต่างๆมีหน้าตาและคุณสมบัติอย่างไรบ้าง

ในการเลือกใช้ Load Cell แต่ละชนิดต้องคำนึงถึงปัจจัยต่างๆประกอบด้วย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องทิศทางของแรง Force (Tension , Compression), Range ของตัว Load Cell, รูปทรง และ Accuracy เป็นต้น เรามาดูกันครับว่า ถ้าแยกปัจจัยที่ต้องคำนึงถึงในการเลือกใช้ Load Cell แยกไปเป็นข้อๆ จะเป็นอย่างไรกันบ้าง เช่น

  • เรื่องทิศทางของแรง Force (Tension, Compression) ต้องดูหน้างานที่ต้องการใช้งานว่าต้องการ Load Cell ใช้งานในทิศทางไหน (Tension, Compression) แล้วค่อยเลือก Load Cell ที่มีคุณสมบัติที่ต้องการ เช่น หน้างานต้องการวัดค่าทิศทางของแรง(Force) ด้านกด (Compression) ก็ควรเลือก Load Cell ที่ตรงกับทิศทางของแรง(Force) ที่ต้องการ เพราะถ้าเลือก Load Cell มาผิด อาจทำให้ได้รับความเสียหายได้
  • Range ที่ต้องการใช้งาน ควรเลือกหา Load Cell มาใช้งานให้ครอบคลุมกับน้ำหนัก หรือ แรง ที่ต้องการวัด เพื่อการใช้งานที่ถูกต้องและมีประสิทธิภาพและปลอดภัยต่อ Load Cell แต่ก็ไม่ควรเผื่อ Range ของตัว Load Cell ให้มากกว่างานที่จะวัดมากจนเกินไป เพราะจะมีผลกับเรื่องค่าความถูกต้องและแม่นยำ (Accuracy)ในการใช้งานได้(เลือกให้ตรงกับย่านที่ใช้)
  • ลักษณะของสัญญาณ Output สัญญาณดังกล่าวมีให้เลือกอยู่สองชนิด คือ แบบ Digital และ Analog สัญญาณ Digital ที่ใช้กันอย่างแพร่หลายจะเป็น Modbus Protocol  และส่วนสัญญาณแบบ  Analog ที่พบเห็นได้บ่อย จะเป็น 2mV/V และ 3mV/V เป็นต้น
  • วัสดุของ Load Cell มาว่ากันเรื่องของวัสดุของตัว Load Cell กันบ้าง โหลดเซลล์ จะทำมาจากวัสดุเช่น Aluminum, Stainless Steel, Steel เป็นต้น ซึ่งวัสดุแต่ละประเภทมีข้อดีข้อเสียแตกต่างกันไป ขึ้นอยู่
    กับความเหมาะสมของแต่ละหน้างาน แต่ที่พบเจอกันบ่อยจะเป็น Steel มากกว่า แต่ก็มีอุตสาหกรรมหรือหน้างานบางที่นิยมใช้ Load Cell ที่ทำมาจากวัสดุ Stainless Steel เพราะหน้างานอาจจะเจอความชื้นค่อนข้างสูง เสี่ยงต่อการเกิดสนิม ส่วนวัสดุประเภท Aluminum มีน้ำหนักที่เบากว่าทั้ง Steel และ Stainless Steel พอสมควร จึงเหมาะกับงานที่ต้องการลดน้ำหนักรวมของเครื่องจักรหรือในจุดที่ติดตั้งได้

รูปทรงของ Load Cell ชนิดต่างๆ

  1. Bending Beam Load Cell: รองรับน้ำหนักได้สูงสุดไม่เกิน 500 Kg. ส่วนใหญ่นิยมใช้ติดตั้งกับเครื่องชั่ง (ทิศทางของแรงด้านกด)

  1. Canister Load Cell: รองรับน้ำหนักได้ค่อนข้างสูง บางตัวได้สูงถึง 20 Ton ส่วนใหญ่จะถูกติดตั้งเข้ากับเครื่องชั่งขนาดใหญ่เช่น ชั่งรถบรรทุก (ทิศทางของแรงด้านกด)

  1. Pancake Load Cell: รองรับน้ำหนักได้สูงมาก ได้สูงสุดถึง 500 Ton (ทิศทางของแรงด้านกดและดึง)

  1. S-beam load cell: รองรับน้ำหนักได้สูงสุดประมาณ 5000 Kg. (ทิศทางของแรงด้านกดและดึง)

  1. Shear beam load cell: รองรับน้ำหนักได้สูงสุดประมาณ 10 Ton พบได้บ่อยกับอุตสาหกรรมที่มีถังผสมวัถุดิบ เช่น Silo, Hopper Scale (ทิศทางของแรงด้านกด)

Accuracy ค่าความถูกต้อง ค่าความถูกต้องของ Load Cell ต้องหาข้อมูลจากผู้ผลิตรายนั้นๆ จะมาในรูปแบบ เช่นค่า Linearity, Hysteresis โดยจะแสดงเป็น % F.S. (% of full scale) หรือบางผู้ผลิตใช้เป็น % R.O.(% Rate Output) เป็นต้น

การดูแลรักษาและยืดอายุการใช้งาน Load Cell

  • ควรหมั่นตรวจเช็ค Load Cell ให้อยู่ในสภาพสมบูรณ์ พร้อมใช้งานอยู่เสมอ
  • ไม่ควรใช้งาน Load Cell ที่สภาพไม่สมบูรณ์ เพราะจะทำให้เกิดอันตรายทั้งต่อผู้ปฎิบัติงานและตัว Load Cell
  • ไม่ควรใช้งาน Load Cell จน Over Range เพราะจะทำให้ Load Cell ได้รับความเสียหาย
  • ควรหลีกเลี่ยงการใช้งาน Load Cell วัสดุที่ทำมาจาก Steel บริเวณหน้างานที่มีความชื้นสูงหรือมีละอองน้ำ เพราะจะทำให้ Load Cell เกิดสนิม
  • ต้องแน่ใจว่าติดตั้ง Load Cell ตรงกับทิศทางของแรง (Force) ที่ต้องการวัดจริงๆ (Tension หรือ Compression) ไม่อย่างนั้นอาจเกิดความเสียหายได้
  • ไม่ควรแก้ไขดัดแปลง Load Cell และอุปการณ์ที่เกี่ยวข้องด้วยตนเอง ควรดำเนินการโดยผู้ชำนาญการโดยตรง จะถูกต้องและปลอดภัยกว่า
  • และที่สำคัญควรหมั่นส่ง Load Cell มาสอบเทียบกับห้องปฎิบัติการที่ได้รับมาตรฐาน หรือให้ทางห้องปฎิบัติการเข้าไปสอบเทียบ Onsite ก็ทำได้ตามความเหมาะสม

 

รูปตัวอย่าง : หัว Load Cell Standard ของบริษัท แคลิเบรชั่น แลบอราทอรี จำกัด

     ทางบริษัท Calibration Laboratory จำกัด (CLC) ของเรา มีบริการ สอบเทียบ Load Cell  Range ที่ได้รับรอง Accredit 17025 ( ANAB) ตั้งแต่ 0.05 to 220 kN (Tension) และ 0.05 to 500 kN (Compression) ในรูปแบบ In Lab และ On site   ทางห้องปฎิบัติการยินดีให้คำปรึกษาเกี่ยวกับเรื่อง Load Cell โดยเจ้าหน้าที่ที่มีประสบการณ์และความชำนาญเรื่องนี้โดยเฉพาะ ลองติดต่อสอบถามเข้ามากันได้ตามช่องทางติดต่อต่างๆของเรา หรือ จะติดต่อเซลล์ประจำพื้นที่ก็ได้เช่นกัน ทางเรายินดีบริการทุกท่านครับ

หวังว่าบทความเกี่ยวกับ Load Cell (พอสังเขป) ในครั้งนี้จะเป็นประโยชน์ต่อท่านผู้ที่สนใจไม่มากก็น้อย ผิดพลาดประการใดก็ต้องกราบขออภัยกันไว้ด้วย แล้วพบกันใหม่ในบทความครั้งต่อไป ส่วนจะเป็นเรื่องอะไรนั้น..ต้องคอยติดตามครับ ขอบคุณครับ

ผู้เขียน CHOK_AM

 

 

ขอใบเสนอราคา     ติดต่อเรา

ซื้อเครื่องมือด้านแรงบิดและแรง   บริการสอบเทียบด้านแรงบิดและแรง