ต้อง วัดแรงดึง แรงฉุด และน้ำหนักสูง เมื่อไรควรหยิบ Dynamometer มาใช้?

dynamometer

Dynamometer คืออะไร?

ในภาคส่วนอุตสาหกรรมที่มีความจำเป็นในการวัดค่าแรงดึงหรือแรงกดต่างๆ เพื่อทดสอบคุณสมบัติทางกลของวัสดุในการทนแรงดึงหรือแรงกดนั้น เครื่องมือที่รู้จักกันโดยทั่วไปจะมีหลายประเภทขึ้นอยู่กับลักษณะการใช้งานและแรงที่ใช้ในการทดสอบ เช่น Push-Pull Gauge, Tensile Machine, Universal Testing Machine เป็นต้น

Dynamometer คือเครื่องมือวัดค่าแรงดึงชนิดหนึ่งที่มีคุณสมบัติในการทดสอบแรงดึง รูปร่างลักษณะมีความคล้ายกับ Push-Pull Gauge แต่มีขนาดที่ใหญ่กว่าเนื่องจากมีความสามารถในการทดสอบแรงดึงที่สูงกว่าหลายเท่าตัว โดยสามารถทดสอบแรงดึงได้มากกว่า 200 ตัน ซึ่งมีความสามารถเทียบเท่ากับเครื่อง Universal Testing Machine แต่มีคุณลักษณะและการใช้งานแบบพกพา มีขนาดเล็ก สามารถเคลื่อนย้ายและนำไปใช้นอกสถานที่ได้สะดวกง่ายดายเหมือน Push-Pull Gauge

Dynamometer โดยทั่วไปมีหน่วยวัดเป็น ปอนด์, กิโลกรัมและนิวตัน ทำให้สามารถนำไปประยุกต์ใช้ได้กับลักษณะงานและการวัดค่าอื่นๆได้ เช่น การวัดค่าความตึง, การวัดค่าแรงฉุด และการวัดน้ำหนักของวัตถุที่มีค่าสูงๆ (ลักษณะการใช้งานเหมือน Crane Scale) ตามขนาดและสเปคที่ระบุมาของเครื่องมือในแต่ละรุ่น ซึ่งในปัจจุบันสามารถเลือกใช้งานได้ตามความเหมาะสมของแต่ละองค์กร มีทั้งระบบที่ไม่ต้องใช้แบตเตอรี่, ระบบอ่านค่าแบบเข็ม, ระบบอ่านค่าแบบดิจิตอล, ระบบไร้สายอ่านค่าและสั่งงานผ่านอุปกรณ์เสริมหรือโทรศัพท์มือถือ ทำให้สะดวกรวดเร็วสำหรับผู้ใช้งาน การเลือกใช้งานเราจำเป็นต้องคำนึงถึงช่วงวัดค่าที่ใช้งานจริงและสิ่งสำคัญคือ ค่าเซฟตี้แฟคเตอร์ของเครื่องมือจะต้องมีค่าที่สูงและต้องระบุมากับเครื่องมือ เพราะจะเกิดอันตรายได้ง่าย ถ้าไม่มีการระบุค่าเซฟตี้แฟคเตอร์หรือมีค่าเซฟตี้แฟคเตอร์ที่ต่ำ

การใช้งานโดยทั่วไปของ Dynamometer

จะใช้กับหน่วยงานสาธารณูประโภค เช่น การวัดความตึงของสายไฟฟ้าแรงต่ำและแรงสูง, การเดินสายเคเบิ้ลและโทรคมนาคม, สะพานที่แขวนด้วยสายเคเบิ้ลที่จำเป็นต้องทดสอบความตึงของสายเคเบิ้ลในการรับแรง อุตสาหกรรมอื่นๆ ที่ใช้งาน Dynamometer มีดังนี้

  • เครนที่ใช้สำหรับชั่งน้ำหนัก
  • การขนส่งสินค้าและการชั่งน้ำหนักสินค้า
  • การผลิตทางด้านอากาศยานและเรือเดินทะเล
  • การทดสอบภาคสนามที่ต้องการความแม่นยำของ โซ่, เชือก, ลวด และวัสดุอื่นๆ
  • การก่อสร้าง, การขนส่ง, โลจิสติกส์ และการจัดการวัสดุ

จากกรณีศึกษาการใช้งานไดนาโมมิเตอร์ประเภทวัดแรงตึงสาย (Running Line Dynamometer / Cable Tension Dynamometer)

พบว่าหน้างานดึงสายสื่อสารยาวๆ เลือกใช้ Cable Safe แบบรันนิงไลน์เพราะวางอินไลน์กับเชือกแล้วอ่านค่าได้ต่อเนื่อง เริ่มงานจากการเช็กพื้นฐานก่อนทุกครั้ง ทั้งเส้นผ่านศูนย์กลางเชือกกับแรงที่คาดว่าจะดึงว่าตรงสเปกรุ่นไหม ตรวจสภาพตัวเครื่องว่ามีรอยแตก สึก หรือเพลาหลวมไหม (ลูกรอกเล่นได้ไม่เกินราว ๆ 1 มม. กำลังดี) จากนั้นให้ทีมจัดจุดยึดให้ตั้งฉากตั้งตรงที่สุด จะเป็นสลักเกลียว โซ่ หรือสลิงคล้องหูชากเกิลก็แล้วแต่หน้างาน ต่อมาก็ปิดไลน์ให้เชือกหย่อนก่อนร้อยเชือก เข้างานด้วยการถอดลูกรอกบนสองตัว ใส่เชือกลงลูกรอกล่างสามตัวให้เข้าร่อง แล้วใส่ลูกรอกบนกลับพร้อมล็อก lynch pin ให้แน่น ทุกคนใส่ PPE และระวังนิ้วให้ห่างร่องลูกรอกเสมอ เรื่องพลังงานใช้ถ่าน AA 4 ก้อน ใส่ถูกขั้วแล้วรุ่นนี้สามารถจับคู่กับแอป HHP/HHP2 ผ่าน Bluetooth ใช้ดูกราฟค่าแบบเรียลไทม์และเก็บล็อกได้ พอเริ่มดึงให้เพิ่มโหลดช้าๆ เลี่ยงช็อกโหลด และย้ำคนคุมวินช์ไม่ให้วิ่งเกินสเปก ถ้าตัวเลขขึ้นผิดปกติให้หยุดทันทีแล้วไล่ตรวจทุกจุด สำหรับงานกลางแจ้งไม่ต้องห่วงเพราะเครื่องมีการซีล IP67 แต่ถ้าต้องยกจากที่เย็นไปที่ร้อนจะพักให้เครื่องเสถียรสัก 20-30 นาที ถ้าเครื่องขึ้นเตือนว่า Overload ต้องปลดโหลดแล้วเช็กว่าเกิน WLL หรือไม่

สรุปการใช้งานสั้นๆคือ เลือกและตั้งเครื่องตามคู่มือ ร้อยเชือกและล็อกให้ถูกขั้นตอน และคุมการเพิ่มโหลดให้เรียบ อยู่ในกรอบความเร็วกับแรงที่กำหนด

สุดท้ายนี้การเลือกใช้ Dynamometer ให้เหมาะสมกับงานควรได้รับคำปรึกษาจากผู้เชี่ยวชาญ รวมถึงการสอบเทียบเครื่องมือก็มีความจำเป็น เพื่อความถูกต้องแม่นยำของเครื่องมือและคุณภาพงานที่ดีเยี่ยม

บริษัท แคลิเบรชั่น แลบอราทอรี จำกัด หรือ CLC สามารถสอบเทียบได้

แคลิเบรชั่น แลบอราทอรี (CLC) สามารถ สอบเทียบเครื่องมือวัด Dynamometer ได้รับการรับรอง Scope ISO/IEC 17025:2017 จากสถาบัน ANAB ประเทศสหรัฐอเมริกา จะสามารถสอบเทียบได้ทั้งแบบ ทั้งในห้องปฏิบัติการ (In Lab service) และนอกสถานที่ (Onsite service)

 

Ref.

Dillon force

Eilon Engineering

Straightpoint

MKS