หยุด ปัญหาระบบไฟฟ้าเสื่อม ก่อนสาย ด้วยเครื่องมือบำรุงรักษาที่ผู้เชี่ยวชาญแนะนำ

หยุด ปัญหาระบบไฟฟ้าเสื่อม ก่อนสาย ด้วยเครื่องมือบำรุงรักษาที่ผู้เชี่ยวชาญแนะนำ

เครื่องมือวัดทางไฟฟ้าเป็นเครื่องมือพื้นฐานที่จำเป็นต้องมีในทุกโรงงาน เพราะเป็นหัวใจของการควบคุมคุณภาพ, ความปลอดภัย, และประสิทธิภาพในการทำงานของระบบไฟฟ้า ยิ่งไปกว่านั้น เครื่องมือวัด ที่ใช้ต้องแม่นยำ, ผ่านการสอบเทียบ และใช้งานอย่างถูกวิธี เพื่อให้ผลการวัดมีความน่าเชื่อถือจริง และเป็นการป้องกันการเกิด ปัญหาระบบไฟฟ้าเสื่อม ในอีกทางหนึ่งด้วย

การใช้เครื่องมือวัดไฟฟ้าในการตรวจจับปัญหาเบื้องต้น

เนื้อหา ซ่อน
1 การใช้เครื่องมือวัดไฟฟ้าในการตรวจจับปัญหาเบื้องต้น

การตรวจสอบปัญหาทางไฟฟ้าเบื้องต้นเป็นส่วนสำคัญในการบำรุงรักษาระบบไฟฟ้าให้ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพและปลอดภัย เครื่องมือวัดไฟฟ้า (Electrical Measurement Tools) เป็นเครื่องมือสำคัญที่ช่วยในการวิเคราะห์ปัญหาต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในระบบไฟฟ้า โดยสามารถบ่งชี้ถึงความผิดปกติหรือความเสี่ยงที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคตได้ บทความนี้จะอธิบายถึงวิธีการใช้งานเครื่องมือวัดไฟฟ้าในการตรวจจับปัญหาต่าง ๆ ในการทำงานเบื้องต้น

1.การใช้มัลติมิเตอร์ (Multimeter)

เพื่อตรวจวัดแรงดันไฟฟ้า, กระแสไฟฟ้า และความต้านทาน

รูปตัวอย่าง Multimeter

รูปตัวอย่าง Multimeter

มัลติมิเตอร์เป็นเครื่องมือที่มีความหลากฟังก์ชันหลากหลาย สามารถใช้วัดค่าต่าง ๆ เช่น

แรงดันไฟฟ้า (Voltage)

การใช้มัลติมิเตอร์ในการตรวจวัดแรงดันไฟฟ้าในวงจรหรืออุปกรณ์ช่วยให้เรารู้ว่ามีการส่งแรงดันไฟฟ้าไปยังอุปกรณ์อย่างถูกต้องหรือไม่ หากค่าแรงดันผิดปกติ เช่น ต่ำกว่าค่าที่ควรจะเป็น ก็อาจหมายถึงว่ามีการขาดการเชื่อมต่อหรืออุปกรณ์มีปัญหา

กระแสไฟฟ้า (Current)

การตรวจวัดกระแสไฟฟ้าในวงจรสามารถบ่งชี้ถึงการมีโหลดเกินหรือกระแสไฟฟ้าที่ผิดปกติ ซึ่งอาจเกิดจากการลัดวงจรหรือการทำงานหนักของอุปกรณ์

ความต้านทาน (Resistance)

การวัดความต้านทานในวงจรช่วยในการหาจุดที่มีการตัดการเชื่อมต่อหรือการลัดวงจร ซึ่งสามารถช่วยตรวจสอบปัญหาที่อาจเกิดขึ้นในสายไฟ หรืออุปกรณ์ไฟฟ้า

2. การใช้แคลมป์มิเตอร์ (Clamp Meter) ตรวจจับกระแสไฟฟ้าโดยไม่ต้องตัดสาย


รูปตัวอย่างการใช้งาน Clamp Meter
รูปตัวอย่างการใช้งาน Clamp Meter

Clamp Meter เป็นเครื่องมือที่สะดวกและปลอดภัยในการวัดกระแสไฟฟ้าโดยไม่ต้องตัดหรือเปิดวงจร สามารถตรวจวัดกระแสไฟฟ้าในสายไฟฟ้าได้ทันที ซึ่งมีประโยชน์ในกรณีที่ต้องการตรวจสอบการทำงานของวงจรไฟฟ้าโดยไม่ยุ่งเกี่ยวกับการต่อสายหรือละเมิดความปลอดภัย ตัวอย่างการใช้งานคือ

  • การตรวจสอบกระแสไฟฟ้าในวงจรที่ทำงานผิดปกติ เช่น วงจรที่มีโหลดมากเกินไป
  • การตรวจสอบกระแสไฟฟ้าในระบบไฟฟ้าโรงงาน หรือในเครื่องจักรขนาดใหญ่เพื่อป้องกันการเกิดไฟฟ้าลัดวงจรหรือการใช้ไฟฟ้าเกิน

วิธีการวัดโดยไม่ต้องตัดสาย?

เครื่องมือวัดนี้สามารถวัดกระแสได้โดยไม่ต้องเปิดวงจร คุณเพียงคีบให้รัดรอบสายไฟหนึ่งเส้นและปิดปากคีบให้สนิท จับให้อยู่กึ่งกลางปากคีบเพื่อลดความผิดพลาด ใกล้แผง Main หรือรางบัสให้เพิ่มความระวังในเรื่องระยะห่างไฟฟ้า ควรสวมถุงมือกันไฟและแว่นนิรภัยให้ครบ และระมัดระวังอย่าให้สายไฟใหญ่เกินขนาดปากคีบที่เครื่องรองรับ

ในกรณีที่สงสัยว่ามีกระแสรั่ว ให้คีบรวมสายเฟสและสายนิวทรัลพร้อมกัน ถ้าระบบสมบูรณ์กระแสทั้งสองเส้นจะหักล้างกันจนเกือบเป็นศูนย์ ถ้าจอแสดงผลที่ Clamp Meter ขึ้นตัวเลขชัดเจนหมายถึงมีกระแสไหลลงดินอยู่ที่ใดที่หนึ่ง ให้ใช้วิธีการไล่คีบย่อยลงไปทีละช่วง นอกจากนี้ยังสามารถใช้แคลมป์เพื่อดูช่วงกระชากตอนมอเตอร์เริ่มหมุนได้ด้วย โดยเลือกจากตัวเลือกโหมดวัดกระแสกระชาก เครื่องจะทำการจับค่าสูงสุดช่วงสตาร์ตให้อัตโนมัติ

คุณกำลังเจอปัญหานี้อยู่รึเปล่า – ไฟชอบดับตอนช่วงการใช้งานเยอะๆ

เราแนะนำว่าให้คุณเริ่มสำรวจที่จุดรับไฟหลักของโรงงานก่อน วัดกระแสของแต่ละเฟสและของสายนิวทรัล แล้วเปรียบเทียบกับค่าที่อุปกรณ์และสายไฟรองรับ หากเฟสหนึ่งสูงผิดปกติ หรือสายนิวทรัลมีกระแสมากกว่าที่ควร ให้ตามต่อไปที่ตู้ย่อยของเครื่องจักรขนาดใหญ่ เปิดโหมดบันทึกค่าสูงสุดและค่าต่ำสุดไว้ทั้งวัน จะเห็นชัดว่าจุดไหนดึงกระแสพุ่งจนทำให้แรงดันตก แล้วค่อยวางแผนย้ายโหลด แยกวงจร หรือปรับวิธีสตาร์ตเครื่องให้กินกระแสนุ่มขึ้น

3. การใช้เครื่องวัดความต้านทานดิน (Earth Resistance Tester) ในการตรวจสอบระบบดิน

Earth Resistance Tester

รูปตัวอย่าง Earth Resistance Tester

ระบบดินที่ไม่ดีหรือมีความต้านทานสูงอาจทำให้เกิดปัญหาทางไฟฟ้า เช่น การช็อตไฟฟ้า หรือความไม่เสถียรในระบบไฟฟ้า การใช้เครื่องวัดความต้านทานต่อดินช่วยในการตรวจสอบว่าเครื่องมือหรืออุปกรณ์ที่เชื่อมต่อกับดินนั้นมีประสิทธิภาพหรือไม่ เครื่องมือประเภทนี้จะช่วยตรวจวัดค่าความต้านทานของระบบดินและแนะนำว่าควรทำการปรับปรุงอย่างไร

วิธีการทดสอบด้วยเครื่องวัดความต้านทานดิน

ก่อนทดสอบระบบดิน ให้ถอดอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่เซนซิทีฟออกจากกราวด์ชั่วคราวเพื่อป้องกันความเสียหาย จากนั้นเลือกตำแหน่งปักหมุดทดสอบให้อยู่ในระยะที่ไกลจากท่อโลหะ สายไฟฝังดิน และฐานราก ในการทดสอบควรทดสอบในวันที่สภาพอากาศคงที่ ไม่ใช่ช่วงพายุฝนฟ้าคะนอง หากตรวจสอบพื้นดินแล้วมีความแห้งมากๆอาจทำให้จุดสัมผัสหมุดไม่แน่นเพียงพอ แก้ไขได้โดยการพรมน้ำเฉพาะจุดที่ต้องสัมผัสเล็กน้อยเพื่อให้ค่าทดสอบนิ่งขึ้น วิธีที่กล่าวมานี้เป็นวิธีสำหรับช่วยในกรณีทดสอบเท่านั้น ไม่ใช่การแก้ระบบกราวด์ถาวร

ขณะวัด ให้ขยับตำแหน่งหมุดรับสัญญาณแล้วดูว่าค่าที่อ่านนิ่งหรือไม่ ถ้ากราฟนิ่งในช่วงระยะที่เครื่องมือแนะนำแสดงว่าค่าที่ได้เป็นตัวแทนของระบบจริง หากโรงงานหรือพื้นที่ที่ต้องตรวจวัดมีจุดต่อกราวด์หลายเส้นทางจนกระแสไหลขนานกันมาก วิธีการวัดแบบใช้คีบรอบตัวนำกราวด์โดยไม่ต้องถอนสายออกจากระบบ จะช่วยให้ทำงานได้รวดเร็วและปลอดภัยขึ้น หากต้องการปรับปรุงระบบกราวด์ควรเริ่มจากการวัดเพื่อเก็บค่าอย่างสม่ำเสมอทั้งในฤดูฝนและหน้าร้อน แล้วนำผลที่ได้มาประกอบการตัดสินใจเพื่อปรับปรุงถาวร จะทำให้ได้ข้อมูลในทุกๆช่วง ไม่หลงทางจากค่าชั่วคราวในช่วงใดช่วงหนึ่ง

4. การใช้เครื่องวัดกำลังไฟฟ้า (Power Meter) เพื่อตรวจสอบการใช้พลังงานไฟฟ้า

รูปตัวอย่างการใช้งาน Power Meter

รูปตัวอย่างการใช้งาน Power Meter

พาวเวอร์มิเตอร์ หรือเครื่องวัดกำลังไฟฟ้าสามารถช่วยในการตรวจสอบการใช้พลังงานในวงจร หรืออุปกรณ์ไฟฟ้า ซึ่งสามารถใช้ในการตรวจสอบว่ามีการใช้พลังงานเกินหรือไม่ โดยการวัดกำลังไฟฟ้าในเครื่องใช้ไฟฟ้าหรือระบบไฟฟ้า เช่น

  • การตรวจสอบอุปกรณ์ที่ใช้ไฟฟ้ามากเกินไปหรือมีการใช้พลังงานผิดปกติ
  • การตรวจวัดความคุ้มค่าในการใช้งานพลังงานของระบบไฟฟ้าและอุปกรณ์

นอกจากนั้นเครื่องมือนี้ยังช่วยจับเหตุการณ์ไฟตก ไฟเกิน และไฟดับแว้บสั้นๆได้ด้วย การติดตั้งต้องต่อหม้อแปลงวัดกระแสและหม้อแปลงวัดแรงดันให้ถูกเฟสและถูกขั้ว และตั้งอัตราทดให้ตรงกับของจริง ที่สำคัญคืออย่าปล่อยให้ขั้วรองของหม้อแปลงวัดกระแสเปิดวงจรขณะระบบทำงาน ควรสั้นวงจรผ่านจุดที่เตรียมไว้ก่อนถอดหรือเปลี่ยนการต่อทุกครั้ง

 

5. การใช้เครื่องมือวัดความต้านทานของวงจร (Circuit Tester) เพื่อตรวจสอบการเชื่อมต่อ

รูปตัวอย่างการใช้งาน Circuit Tester

รูปตัวอย่างการใช้งาน Circuit Tester

เครื่องมือวัดความต้านทานของวงจรหรือ “Circuit Tester” สามารถใช้ในการตรวจสอบการเชื่อมต่อของวงจรไฟฟ้า โดยเฉพาะในการหาจุดที่วงจรขาดหรือไม่สมบูรณ์ หากวงจรมีความต้านทานสูงหรือไม่มีการเชื่อมต่อที่ถูกต้อง เครื่องมือชนิดนี้จะช่วยบ่งชี้ให้ทราบได้

วิธีการตรวจสอบด้วย Circuit Tester

ในการใช้เพื่อวัดความต้านทาน จะใช้ได้เฉพาะตอนที่ไม่มีไฟเท่านั้น พอคุณดับไฟและถอดสายออกจากอุปกรณ์ทั้งสองด้านแล้ว ให้ลองวัดจากปลายหนึ่งไปอีกปลายหนึ่ง ถ้าไม่มีอะไรเกิดขึ้นหรือเงียบสนิทแปลว่าสายขาด แต่ถ้าวัดค่าได้ต่ำจนเกือบเท่ากับศูนย์ทั้งๆที่ไม่ควรต่อถึงกัน แสดงว่าเกิดการลัดวงจรอยู่ที่ใดที่หนึ่ง เทคนิค ที่ได้ผลดีคือบิดหรือขยับสายเบาๆขณะวัด คุณจะสามารถจับจุดต่อหลวมได้ง่ายขึ้น

หากในกรณีที่สายยาวมากจนตามยาก ให้ใช้เครื่องส่งสัญญาณปลายหนึ่ง แล้วใช้เครื่องรับเสียงตามแนวเดินสาย วิธีนี้จะทำให้คุณรู้ทิศทางและตำแหน่งคร่าวๆของสายได้เร็วขึ้น การหากระแสรั่วก็ทำได้โดยใช้แคลมป์คีบรวมสายไปกลับพร้อมกัน ถ้าตัวเลขที่วัดไม่เท่ากับศูนย์แสดงว่ากระแสมีการรั่วลงดิน ให้ค่อยๆแบ่งช่วงแล้วคีบซ้ำเพื่อตีวงให้แคบลงเรื่อยๆ

สำหรับวิธีการตรวจฉนวนว่าเสื่อมสภาพหรือไม่นั้น จำเป็นต้องใช้เครื่องมือเฉพาะทางและแยกอุปกรณ์ออกจากวงจรก่อนเสมอ และให้ทำโดยผู้ที่ผ่านการฝึกมาเท่านั้น

6. การใช้เครื่องมือวัดเพื่อหาจุดลัดวงจรหรือไฟฟ้ารั่ว

การใช้เครื่องมือวัดเพื่อหาจุดลัดวงจรหรือไฟฟ้ารั่วในระบบไฟฟ้าสามารถช่วยในการแก้ไขปัญหาที่อาจจะนำไปสู่การเกิดอุบัติเหตุหรือไฟไหม้ได้ เช่น

  • ใช้เครื่องมือวัดความต้านทานเพื่อหาจุดที่มีการลัดวงจรในสายไฟ
  • ใช้มัลติมิเตอร์เพื่อตรวจหาการรั่วของไฟฟ้าในอุปกรณ์ไฟฟ้า เช่น สายไฟที่มีการเสียหายหรือชำรุด

สรุป

การใช้เครื่องมือวัดไฟฟ้าในการตรวจจับปัญหาไฟฟ้าเบื้องต้นเป็นขั้นตอนที่สำคัญในการบำรุงรักษาระบบไฟฟ้าให้ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพและปลอดภัย ป้องกันการเกิด ปัญหาระบบไฟฟ้าเสื่อม โดยสามารถใช้เครื่องมือวัดต่าง ๆ เช่น มัลติมิเตอร์, แคลมป์มิเตอร์, เครื่องวัดความต้านทานดิน และเครื่องมือวัดกำลังไฟฟ้าในการตรวจสอบปัญหาต่างๆ ในระบบไฟฟ้า หัวใจของงานตรวจวัดคือ ความปลอดภัย วิธีการทำในทุกๆขั้นตอนให้ทำอย่างช้าๆแต่ต้องใช้ความระมัดระวัง ทำให้ถูกต้อง ในกระบวนการตรวจสอบให้เริ่มจากการปิดแหล่งจ่ายไฟ ล็อกสวิตช์ มีการติดป้ายเตือน และตรวจเครื่องมือก่อนและหลังงาน ผู้ตรวจต้องสวมอุปกรณ์ป้องกันให้ครบถ้วน จากนั้นให้เลือกเครื่องมือให้เหมาะกับงานที่ต้องการวัด ใช้มิเตอร์สำหรับแรงดันและความต้านทาน ใช้แคลมป์เมื่ออยากรู้กระแสโดยไม่ตัดสาย ใช้เครื่องวัดความต้านทานดินเพื่อยืนยันว่าระบบกราวด์ยังทำงานดี และใช้เครื่องวัดกำลังไฟฟ้าเพื่อจับเหตุการณ์ไฟตก ไฟเกิน และเพื่อดูรูปแบบการใช้พลังงาน การปฏิบัติเช่นนี้จะทำให้โรงงานจะลดการหยุดเครื่องโดยไม่จำเป็น ลดอุบัติเหตุ และตัดสินใจซ่อมได้ตรงจุดมากขึ้น ทั้งหมดนี้เริ่มจากการใช้เครื่องมืออย่างถูกต้องจะช่วยให้สามารถหาปัญหาหรือความผิดปกติในระบบไฟฟ้าได้เร็วขึ้น และช่วยป้องกันอันตรายที่อาจเกิดขึ้นจากไฟฟ้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ

 

 

Ref.

Fluke

Keysight

Yokogawa

Instrumentcs

 

 

 

ผู้เขียน Tik sang L5