Air และ Gas Flow Meter วัดลมให้ตรง ลดต้นทุนจริง

Air flow meter

เครื่องมือวัด Air flow meter และ Gas Flow Meter มาทำความรู้จักกับเครื่องมือทั้ง 2 ชนิดและการสอบเทียบเครื่องมือวัดกัน

Air flow meter และ Gas Flow Meter คืออะไร

เครื่องมือวัด Air and Gas Flow Meter คือ เครื่องมือวัดที่จะทำให้ทราบว่า ลมในระบบเราไหลอยู่เท่าไร หน้าที่คือบอก “อัตราการไหล” ของลมหรือก๊าซในรูปปริมาตรต่อเวลา เช่น สมมุติว่าวัดค่าได้ 5,000 ลูกบาศก์เมตรต่อนาที (m3/min) ก็แปลว่าใน 1 นาทีมีลมผ่านท่อนั้น 5,000 ลูกบาศก์เมตร จริงๆหน่วยวัดที่พบว่ามีการใช้กันบ่อยๆก็คือ ลูกบาศก์เมตรต่อชั่วโมง (m3/h) และ ลูกบาศก์ฟุตต่อนาที (cfm) ส่วนการวัดค่า Flow Rate ที่สูงมากๆก็มีความเป็นไปได้ว่าอาจเจอหน่วยวัดเป็นลูกบาศก์เมตรต่อนาที (m3/min) หรือมิลลิลิตรต่อนาที (ml/min) ตามความเหมาะสม

ไขข้อข้องใจ ทำไมค่าอัตราการไหลมาตรฐานไม่เท่ากัน?

ต่อให้เราพูดคำว่า “อัตราการไหลแบบมาตรฐาน” กี่ครั้ง ถ้าไม่บอกอุณหภูมิและความดันที่ใช้อ้างอิง ค่าที่สื่อสารกันจะคลาดเคลื่อนทันที เพราะปริมาตรก๊าซเปลี่ยนไปตามอุณหภูมิและความดันเสมอ เอกสารบริการสอบเทียบของสถาบันมาตรฐานและเทคโนโลยีแห่งชาติของสหรัฐอเมริกา ระบุชัดเจนว่าเมื่อพูดถึงอัตราการไหลเชิงปริมาตรแบบมาตรฐานในเอกสารนั้น เขาจะใช้อุณหภูมิ 20°c และความดัน 101,325 Pa เป็นเงื่อนไขอ้างอิงตลอดทั้งเล่ม ซึ่งการใช้วิธีนี้เลยทำให้ตัวเลข “มาตรฐาน” ที่รายงานกลับมาเทียบกันได้ตรงกันจริงๆ

หากต้องเปลี่ยนหน่วยระหว่าง cfm (ลูกบาศก์ฟุตต่อนาที) ไปเป็น m3/h (ลูกบาศก์เมตรต่อชั่วโมง) หรือ l/min (ลิตรต่อนาที) ให้ยึดปัจจัยแปลงที่หน่วยงานด้านมาตรวิทยากำหนดไว้ สถาบันมาตรฐานและเทคโนโลยีแห่งชาติให้ค่าคงที่ว่า 1 ฟุตเท่ากับ 0.3048 เมตรแบบแน่นอน ทำให้ 1 ลูกบาศก์ฟุตมีค่าเท่ากับ 0.02831684652 ลูกบาศก์เมตร จากนั้น x60 เพื่อเปลี่ยน “ต่อนาที” เป็น “ต่อชั่วโมง” หรือ x 1,000 เพื่อเปลี่ยน “ลูกบาศก์เมตร” เป็น “ลิตร” หลักการนี้เป็นเพียงการแปลงหน่วย ไม่ได้เปลี่ยนเงื่อนไขอ้างอิงของอุณหภูมิและความดัน ดังนั้นถ้าข้อมูลต้นทางเป็นค่ามาตรฐานภายใต้อุณหภูมิและความดันชุดหนึ่ง ค่าที่แปลงหน่วยแล้วก็ยังอ้างอิงชุดเดียวกันเสมอ

ดังนั้นแนะนำว่า ให้เขียนค่าปริมาตรหรืออัตราการไหลของก๊าซทุกครั้งพร้อมบอกอุณหภูมิและความดันที่เป็นเงื่อนไขอ้างอิง เช่น หากทำงานในภาคก๊าซธรรมชาติที่ใช้อุณหภูมิ 15°c เป็นค่าฐาน ให้ระบุเงื่อนไขนั้นให้ชัดเจนตามมาตรฐานสากลของอุตสาหกรรมก๊าซธรรมชาติด้วย เพื่อป้องกันความสับสนในงานซื้อขายหรือการคุมคุณภาพ

Air flow meter การสอบเทียบ Air flow meter และ Gas flow meter

แคลิเบรชั่น แลบอราทอรี หรือ CLC สามารถสอบเทียบได้ที่ Scope ใดบ้าง?

บริษัท แคลิเบรชั่น แลบอราทอรี จำกัด (CLC) สามารถสอบเทียบ Air Flow Meter and Gas Flow Meter ได้รับการรับรอง Scope ISO/IEC 17025:2017 จากสถาบัน ANAB จากสหรัฐอเมริกา สามารถสอบเทียบได้ทั้งแบบสอบเทียบ ณ ห้องปฏิบัติการ (In lab flow meter calibration service) และนอกสถานที่ (On-site flow meter ได้ที่ Scoper calibration service)

 

ประโยชน์ที่ได้จากการวัดอัตราการไหล

การวัดอัตราการไหลคือรากฐานของการคุมต้นทุน คุณภาพ ความปลอดภัย และความน่าเชื่อถือของกระบวนการทั้งหมดในโรงงาน ดังนั้นการใช้งาน Air and Gas Flow Meter นั้นสามารถ

  1. มองเห็นและลดต้นทุนได้จริง

เป็นรูปธรรม เริ่มตั้งแต่ลดพลังงานที่สูญเสียโดยเปล่าประโยชน์เพราะ Flow Rate ทำให้มองออกว่าเกิดการรั่ว การปรับแรงดันเกินความจำเป็น หรือแต่ละจุดใช้ลมมากไปหรือน้อยไป จึงทำให้สามารถแก้ไขระบบได้ (อ้างอิงคู่มือของภาคอุตสาหกรรมกระทรวงพลังงานประเทศอเมริกา) มีการแนะนำให้ใช้ Flow Meter เป็นเครื่องมือหลักในการหาพร้อมทั้งติดตามการรั่ว รวมถึงใช้วิเคราะห์ระบบเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพทั้งระบบลมอัด ไม่ใช่เพียงแก้เป็นจุดจุด ทำให้สามารถเก็บข้อมูลได้ลึกในระดับสายการผลิตหรือแผนก โรงงานก็คิดต้นทุนตามการใช้จริงได้ สามารถนำมาใช้ในการบริหารให้แต่ละฝ่ายลดการใช้พลังงานลง รวมถึงวิศวกรสามารถวิเคราะห์เพื่อวางแผนคาดคะเนสัญญาณเตือนในการบำรุงรักษาล่วงหน้า โดยสังเกตุได้จากรูปแบบการไหลหรือความดันที่ผิดปกตินั้นสามารถบอกถึงการอุดตัน การสึกหรอ หรืออุปกรณ์เสื่อมก่อนที่จะเกิดความเสียหาย

แนวทางปฏิบัติด้านการใช้เครื่องและบำรุงรักษาแนะนำให้ทำตั้งแต่ช่วงเริ่มเดินเครื่องและช่วงปรับจูน การเห็นผลของการเปลี่ยนตำแหน่งวาล์วแบบ Real time ช่วยให้ตั้งค่าระบบควบคุมได้แม่นยำและทำงานได้อย่างปลอดภัยภายใต้ข้อจำกัดต่างๆ

แนะนำว่าในการลดต้นทุนและเพิ่มการผลิตให้มีประสิทธิภาพนี้ให้มองภาพทั้งระบบ เพื่อหาจุดปรับที่ให้ผลคุ้มทุนมากที่สุด ไม่ใช่แค่ส่วนใดส่วนหนึ่งของวงจร จากการวัดที่ดีและจูนค่าที่ถูกต้องทำให้โรงงานวิเคราะห์ประสิทธิภาพของอุปกรณ์ได้ตรงจุดยิ่งขึ้น ช่วยลดความแปรปรวนของกระบวนการ เพิ่มผลผลิต และลดเวลาปรับจูนอย่างได้

  1. ควบคุมปริมาณและคุณภาพการผลิต

ถ้าอยากให้สินค้ามีคุณภาพนิ่งๆ ทุกล็อต พอเราตามค่า Flow rate แบบเรียลไทม์ เราจะลดความแปรปรวนได้ กล้าเดินเครื่องใกล้สเปกมากขึ้น เป็นตัวชี้วัดว่า Air Flow Rate อยู่ในปริมาณที่เราต้องการหรือไม่ หลายกระบวนการต้องอาศัยส่วนผสมของก๊าซที่พอดี ผลคือความสม่ำเสมอของผลิตภัณฑ์ดีขึ้น ไม่ต้องเสียเวลาซ้ำงาน และผู้ควบคุมก็ตัดสินใจบนข้อมูลที่เชื่อถือได้ ไม่ใช่คาดเดาจากความรู้สึก ในเชิงเทคนิคสิ่งนี้คือการควบคุมตัวแปรกระบวนการให้นิ่ง การใช้แนวทาง โครงสร้างสูตร การเรียงลำดับขั้นตอน และการบันทึกซ้ำได้แบบเดิมทุกครั้ง ทำให้ซ้ำงานแล้วได้ผลเหมือนกัน ลดความเสี่ยงล็อตดีล็อตเสีย และยังขยายกำลังผลิตได้โดยที่คุณภาพไม่ตก

สุดท้าย ทุกตัวเลขที่เราเอาไปยืนยันกับฝ่ายคุณภาพ ลูกค้า หรือผู้ตรวจ ต้องสามารถสอบกลับได้ หมายถึงผลการวัดต้องโยงถึงมาตรฐานผ่านการสอบเทียบที่ชัดเจน โปร่งใส ไม่อย่างนั้นข้อมูลเดียวกันอาจตีความกันคนละแบบ

 

Ref.

National Institute of Standards and Technology

Physical Measurement Laboratory

U.S. DEPARTMENT OF ENERGY

 

 

 

ขอใบเสนอราคา  ติดต่อเรา

พูดคุยกับเรา

บริการสอบเทียบเครื่องมือวัด  ซื้อเครื่องมือวัด