คลังเก็บหมวดหมู่: บทความ

ประเภทและการเลือกใช้ Thermocouple

ทราบหรือไม่เครื่องมืออะไรสิ่งสำคัญต่อการวัดค่าอุณหภูมิ?? สิ่งสำคัญต่อการวัดค่าอุณหภูมิ  นั่นคือ Thermocouple ซึ่งเป็น เครื่องมือวัด ที่สำคัญมากต่อการวัดค่าอุณหภูมิ เนื่องจากแต่ละประเภทนั้นทำมาจากวัสดุที่แตกต่างกัน จึงทำให้มีผลต่อประสิทธิภาพการทำงานได้โดยตรง ดังนั้นในการเลือกใช้ Thermocouple ให้ได้ประสิทธิภาพนั้น เราควรที่จะมีความรู้ และ ความเข้าใจในแต่ละประเภทด้วย

 

การแบ่งประเภท และ การเลือกใช้ Thermocouple

การจัดประเภทของ เครื่องมือวัด นั้นสามารถแบ่งประเภทได้ตามวัสดุที่นำมาทำเป็น Sensor โดยคุณสมบัติของวัสดุที่แตกต่างกันจะทำให้เกิดค่า EMF (Electromotive Force) หรือ แรงเคลื่อนไฟฟ้าที่ต่างกันด้วย

สามารถสรุปกลุ่มของโลหะหรือวัสดุที่ใช้ทำเซ็นเซอร์ออกเป็น 3 กลุ่ม ใหญ่ๆ คือ

1.Nickel Alloy กลุ่มโลหะชนิดนี้ใช้ทำเทอร์โมคอปเปอร์  เช่น Type K, J, T

2.Platinum/Rhodium Alloy กลุ่มโลหะชนิดนี้ใช้ทำ Thermocouple เช่น Type B, R, S

3.Tungsten/Rhenium Alloy กลุ่มโลหะชนิดนี้ใช้ทำ Thermocouple เช่น Type C, D, G

 

 

1. กลุ่ม  Nickel alloy thermocouples

Type วัสดุที่ใช้ ค่าสัมประสิทธิ์แรงดันต่ออุณหภูมิ ย่านการวัดอุณหภูมิ
Type E  chromel – constantan 68µV/°C -50°C ถึง 740°C ย่านแคบ -110°C ถึง 140°C
Type J  iron – constantan 50µV/°C -40°C ถึง 750°C
Type K  Chromel  – Alomel 41µV/°C -200°C ถึง 1350°C
Type M  Ni/Mo 82%/18% – Ni/Co 99.2%/0.8% ถึง 1400°C อุณหภูมิในเตาเผาแบบสุญญากาศ
Type N  Nicrosil – Nisil 39µV/°C ที่ 900°C -270°C ถึง 1300°C
Type T  copper – constantan 43µV/°C -200°C ถึง 350°

 

2. กลุ่ม  Platinum/rhodium alloy thermocouples

Type วัสดุที่ใช้ ย่านการวัดอุณหภูมิ
Type B Pt/Rh 70%/30% – Pt/Rh 94%/6% 50 °C ถึง 1800 °C
Type R Pt/Rh 87%/13% – Pt 1 °C  ถึง 600°C
Type S  Pt/Rh 90%/10% – Pt -630 ถึง 1064°C

 

3.กลุ่ม  Tungsten/rhenium alloy thermocouples

 Type C, D, G สามารถใช้งานที่อุณหภูมิสูงถึง 2315°C และเพิ่มสามารถเพิ่มย่านวัดได้ถึง 2760°C ภายใต้ภายใต้บรรยากาศของก๊าซเฉื่อย (Inert Atmosphere) เช่น บรรยากาศของก๊าซไนโตรเจน และได้ถึง 3000°C

  • Type Cทำจากส่วนประกอบของวัสดุ W/Re 95%/5% – W/Re 74%/26%
  • Type Dทำจากส่วนประกอบของวัสดุ W/Re 97%/3% – W/Re 75%/25%
  • Type Gทำจากส่วนประกอบของวัสดุ W – W/Re 74%/26%

สามารถดู Scope การสอบเทียบ Thermocouple Sensor ทั้งสมอ. และ ANAB ได้ที่นี่

[button size=”medium” style=”primary” text=”Scope การสอบเทียบ คลิก” link=”https://www.cal-laboratory.com/%e0%b9%83%e0%b8%9a%e0%b8%a3%e0%b8%b1%e0%b8%9a%e0%b8%a3%e0%b8%ad%e0%b8%87/” target=””]

 

ผู้เขียน   ลูกคิด

 

 

ขอใบเสนอราคา    ติดต่อเรา

พูดคุยกับเรา

ข้อควรระวังในการใช้ประแจปอนด์

ข้อควรระวังการใช้ประแจปอนด์ ประเภท  Click Type

สวัสดีค่ะ วันนี้จะมาแนะนำการใช้ประแจปอนด์ Click Type  Brand TONE กันค่ะ

โดยมีแนะนำ 4 เรื่องดังนี้ ได้แก่

  1. เลือกช่วงแรงบิดให้เหมาะสม
  2. ทำความเข้าใจการใช้งานประแจปอนด์ รุ่น Pre-set Type ตามคู่มืออย่างละเอียด
  3. อ่านข้อควรระวังการใช้งานที่มาพร้อมกับเครื่องมือ  
  4. ข้อแนะนำการส่งสอบเทียบ

 

เลือกช่วงแรงบิดให้เหมาะสม

ก่อนจะเลือกใช้ประแจปอนด์ ผู้ใช้งานจะต้องเลือกช่วงการใช้งานให้เหมาะสมกับงาน ซึ่งช่วงแรงบิดที่แนะนำ คือ 30-80 % ของแรงบิดสูงสุด จะทำให้การใช้งานได้ดีมากขึ้น

ยกตัวอย่าง การคำนวณช่วงแรงบิดที่เหมาะสม เช่น จากรูปตัวอย่างต้องการใช้งานที่ 60 N.m  รุ่นที่ดีที่สุดคือ T4MN140 Range 30-140 N.m คำนวณได้ช่วงแรงบิดที่เหมาะสมคือ 43% ของแรงบิดสูงสุด  จะคำนวณ%ได้ดังนี้ 
Tightening torque  60 N.m  x (100/140) = 42.58%  (ประมาณ 43% ของแรงบิดสูงสุด)  ซึ่งอยู่ในช่วงกึ่งกลางที่สุดของแรงบิดที่แนะนำ คือ 30-80 % รุ่น T4MN140 จึงจัดเป็นรุ่นที่ดีที่สุดในการใช้งาน

รุ่น T3MN100 และ T4MN100 จากการคำนวณจะได้ค่าเท่ากับ 60% ของแรงบิดสูงสุด  ใช้งานได้แต่จะต้องใช้แรงในการขันมากกว่ารุ่น T4MN140

รุ่น T4MN200 เนื่องจากจุดใช้งาน 60 N.m ใกล้เคียงกับค่า Min ของ Range มาเกินไปจึงไม่แนะนำให้ใช้

รุ่น T6MN300 ไม่แนะนำให้ใช้งาน เพราะไม่อยู่ในช่วงที่แนะนำ 30-80 %  ของแรงบิดสูงสุด

ทำความเข้าใจการใช้งานประแจปอนด์ รุ่น Pre-set Type ตามคู่มืออย่างละเอียด

โดยมีวิธีการที่ถูกต้องดังนี้
2.1 การใส่ลูกบล็อกเข้ากับ Square Drive สี่เหลี่ยมของประแจปอนด์ต้องใส่จนสุด
2.2 ตรวจสอบตำแหน่งของคันโยก (Reverse lever) สลับทิศทางของคันโยก ไปจนสุด
2.3 ทำการตั้งค่าแรงบิด
2.3.1 ทำการคลายล็อคโดยหมุน Locking Screw ในทิศทางทวนเข็มนาฬิกาจนชนกับ Pin

2.3.2 ทำการตั้งค่าแรงบิดเป้าหมายด้วยปุ่มปรับการตั้งค่าแรงบิด
2.3.3 ทำการล็อคค่าแรงบิดเป้าหมาย โดยหมุน Locking Screw ในทิศทางตามเข็มนาฬิกา การตั้งค่าจึงเสร็จสมบูรณ์

2.4 เลื่อนลูกบล็อกไปเหนือสลักเกลียวและน็อตที่จะขันให้แน่น

2.5 จับที่บริเวณด้ามจับ (Loading point) แล้วหมุนประแจปอนด์  ตามเข็มนาฬิกาช้าๆ
2.6 เมื่อถึงแรงบิดที่ตั้งไว้ ประแจปอนด์จะส่งเสียงคลิ๊ก และมีแรงย้อนกลับเล็กน้อย ให้ทำการหยุดให้แรงบิดทันทีเมื่อได้ยินเสียงคลิ๊ก หากยังให้แรงบิดต่อไปอาจทำให้ประแจปอนด์เสียหายได้ และทำให้ได้ค่าเกินแรงบิดเป้าหมาย

อ่านข้อควรระวังการใช้งานที่มาพร้อมกับเครื่องมือ

ประแจปอนด์ ยี่ห้อ TONE ประเภท Click Type  มีข้อควรระวังในการใช้งานดังนี้ค่ะ
3.1 ขันใช้งานทิศทางตามเข็มนาฬิกาเท่านั้น คือใช้สำหรับขันแน่นได้อย่างเดียว ห้ามนำไปใช้ในการคลายน็อต (ห้ามทวนเข็มนาฬิกา) เพราะอาจจะทำให้บริเวณหัว Square Drive ของเครื่องเสียหายได้
3.2 ห้ามใช้ประแจปอนด์กับท่อต่อขยาย อาจเป็นอันตรายต่อผู้ใช้งาน

3.3 ต้องสลับทิศทางของคันโยก (Reverse lever) ไปจนสุด

3.4 ตั้งค่าแรงบิดเป้าหมายให้อยู่ในช่วงที่ Spec เครื่องระบุไว้ หากตั้งค่าเกินหรือต่ำกว่าที่เครื่องกำหนดจะทำให้ได้ค่าที่ไม่แม่นยำ และอาจทำให้แกนหมุนตัวเลขค้าง ไม่สามารถหมุนย้อนกลับได้ ส่งผลให้เครื่องมือเสียหาย ต้องส่งซ่อม ทำให้เสียเวลาและเสียค่าใช้จ่ายกับการซ่อม

3.5 ให้จับใช้งานที่บริเวณด้ามจับ (Loading point) เนื่องจากค่าแรงบิด Out put จะแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับบริเวณด้ามที่จับ

3.6 แรงบิดเป้าหมาย และยังมีผลทำให้เครื่องมือเสียหายได้ หยุดให้แรงบิดเมื่อได้ยินเสียงคลิ๊ก ห้ามขันย้ำให้แรงต่อ เพราะหากให้แรงต่อไปจะทำให้ได้ค่าที่เกิน
3.7 หลังใช้งานให้ปรับตั้งค่าแรงบิดลงให้แรงต่ำสุด แล้วทำการเก็บประแจปอนด์ ไว้ในกล่องหรือตู้เก็บเครื่องมือ เพื่อยืดอายุการใช้งานของประแจปอนด์

ข้อแนะนำการส่งสอบเทียบ ประแจปอนด์ Click type

เครื่องมือควรส่งสอบเทียบกับห้องปฏิบัติการสอบเทียบที่ได้รับการรับรอง ACCREDIT ISO/IEC 17025:2017 เพื่อเพิ่มความเชื่อมั่นว่าเครื่องมือยังอยู่ใน Spec อย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง

โดยการ สอบเทียบเครื่องมือวัด ด้านตามเข็มนาฬิกาในช่วง หัว, กลาง, ท้าย ของประแจ ให้ครอบคลุมช่วงการใช้งาน เช่น รุ่น T4MN100  ช่วงการสอบเทียบอยู่ที่ 20, 60, 100 N.m  เพื่อที่เราจะนำไปใช้งานได้อย่างมั่นใจค่ะ

 

เป็นอย่างไรกันบ้างคะเพื่อนๆ สำหรับข้อควรระวังในการใช้ประแจปอนด์ประเภท Click Type ทางผู้เขียนหวังเป็นอย่างยิ่งว่าผู้ที่เข้ามาอ่านจะได้ความรู้ และได้ทำความเข้าใจกับข้อควรระวังมากยิ่งขึ้น สามารถนำไปประกอบกับการใช้งานในชีวิตประจำวันได้ดีมากขึ้น หากมีเรื่องราวดีๆ ที่น่าสนใจ จะมาเขียนให้อ่านเพิ่มเติมนะคะ สวัสดีค่ะ

ผู้เขียน Suphanun BDS

 

สิ่งที่ควรรู้ก่อนเลือกซื้อประแจปอนด์

ขอใบเสนอราคา    ติดต่อเรา

พูดคุยกับเรา

 

 

ตัวอย่าง Thread Plug Gauge มาตรฐาน ISO และ JIS พร้อมวิธีดูแลรักษา

Thread Plug Gauge หรือ เกจวัดเกลียวใน คือ เกจวัดชนิดหนึ่งที่นำมาใช้ตรวจสอบเกลียวในของชิ้นงาน ที่มีความนิยมใช้กันอย่างแพร่หลายมาก เกจวัดเกลียวในชนิดนี้ มีรายละเอียดปลีกย่อยมากมาย ทั้งเรื่องขนาด, วัสดุ รวมถึง Class ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นมาตรฐาน JIS, ISO หรือมาตรฐานจากผู้ผลิตต่างๆ รายละเอียดต่างๆทาง CLC ได้เคยลงบทความไว้แล้ว ลองหาอ่านเพิ่มเติมได้นะครับ 

Class ของ Thread Plug Gauge

ส่วน Class ยิ่ง Class สูงเท่าไหร่ ยิ่งมีความแม่นยำสูงเท่านั้น แต่ใช่ว่า Class สูงๆ จะเหมาะสมกับการใช้งานทุกอย่างเสมอไป เพราะงานบางประเภทก็ไม่ได้ต้องการให้มีขนาดของเกลียวที่แน่นพอดี เพราะหากนำชิ้นงานไปเคลือบสี พ่นสี แล้ว หลังจากนั้นขนาดของเกลียวก็จะแตกต่างไปจากก่อนกระบวนการดังกล่าว ดังนั้นการจะสั่งซื้อ Gauge ที่ Class สูงๆมาใช้งานกับงานลักษณะนี้ ก็ดูจะสิ้นเปลืองโดยใช่เหตุ เพราะฉะนั้นควรเลือก Class ให้เหมาะสมกับงานจะดีที่สุด

ตัวอย่าง มาตรฐาน ISO Standard

  • เกจวัดเกลียวใน (Go/NoGo)

7H = Class 3

6H = Class 2 (Standard)

4H = Class 1

ตัวอย่าง มาตรฐาน JIS Standard

  • เกจวัดเกลียวใน (Go/NoGo)

III = Class 3

ll  = Class 2 (Standard)

l   = Class 1

การเทียบ Class ระหว่าง ISO และ JIS และลักษะงาน

JIS  l  = ISO  4H  การใช้งาน : แน่นไม่มีระยะเผื่อ

JIS  ll = ISO 6H การใช้งาน : แน่นพอดี (เป็นที่นิยม)

JIS lll = ISO 7H การใช้งาน: แน่นแต่มีระยะเผื่อ

จะเลือกใช้งาน Class ไหน ก็ลองดู Spec งานให้เหมาะสมได้เลยครับ

    ปัญหาที่พบบ่อยในการใช้งานและการส่งเครื่องมือมาสอบเทียบ

ทุกวันนี้ทางห้องปฏิบัติการ CLC ของเรา รับมาสอบเทียบทุกวันและมีจำนวนมาก มีแทบทุกยี่ห้อและทุก Class ปัญหาที่พบเจอบ่อยๆคือ เครื่องมือที่มาบางครั้งอยู่ในสภาพที่ผ่านการใช้งานมาค่อนข้างหนักและขาดการดูแลรักษาที่ดีเท่าที่ควร ทำให้เกิดคราบสนิมและร่องรอย  Scratch หรือ รอยขีดขวนบริเวณร่องเกลียว ร่องรอยพวกนี้เกิดจากการใช้งานเป็นหลัก และอาจเกิดจากการใช้งานที่ผิดวิธี พวกคราบสนิม และ Scratch นี้ มันส่งผลโดยตรงกับผลการวัดและการรายงานผลใน Certificate อย่างมีนัยยะสำคัญเลยทีเดียว

การเกิดคราบหรือร่องรอยพวกนี้บริเวณร่องเกลียว ซึ่งเป็นจุดที่ทาง CLC วัดค่าตรงนั้นพอดี ทำให้ผลของการวัดค่าที่ออกมาจะไปทางด้านบวกมากกว่า มาถึงตรงนี้เริ่มสงสัยกันแล้วใช่มั้ยครับว่า..ทำไม เกจวัดเกลียวใน ซึ่งผ่านการใช้งานมาอย่างสมบุกสมบันนั้น ค่าที่วัดได้ถึงไปในทิศทางบวก  หรือ

Thread Plug Gauge โตขึ้น??? 

มันช่างย้อนแย้งกับความรู้สึกพอสมควร บางท่านอาจจะคิดไปถึงขั้นว่า ทางห้องปฏิบัติการ CLC สอบเทียบผิดหรือปล่าว?  รึรายงานผลใน Certificate ผิดมั้ย? ไม่แปลกหรอกครับท่านที่จะคิดแบบนั้น เป็นผมผมก็คิดครับ มีอย่างที่ไหนเครื่องมือผ่านการใช้งานมาแล้ว ใช้ๆไปจะยิ่งโตขึ้น  

แต่ตอนนี้ผมมีคำตอบในเรื่องนี้ครับ..จำที่ผมกล่าวถึงคราบสนิม,รอยขีดข่วนในร่องเกลียว หรือ Scratch ที่กล่าวไว้ด้านบนได้ไหมครับ นั่นแหละครับ เจ้าตัวปัญหาของเรื่องนี้

เพราะคราบสนิมและรอยขีดข่วน(Scratch) ที่เกิดบนผิวโลหะนั้น ถ้าเรามองด้วยตาเปล่า(บางครั้งก็ไม่เห็น) จะเห็นเป็นแค่รอยขีดข่วนธรรมดาๆ แต่ถ้าใช้เครื่องมือความละเอียดสูง เช่น Microscope ส่องดูแล้ว จะพบว่ารอยขีดข่วนนั้นจะส่งผลให้เนื้อโลหะข้างๆบริเวณที่เกิดรอยนั้นสูงขึ้น ทำให้ผลการวัดออกมาในทิศทางบวก หรือที่เราเข้าใจว่ามันโตขึ้นนั่นเอง และเมื่อนำผลการวัดไปเทียบกับ Spec แล้ว ก็อาจจะ Outspec กันเลยทีเดียว

มาถึงตรงนี้คงพอนึกภาพออกกันแล้วใช่ไหมครับ ผมจะบอกกับท่านผู้อ่าน ว่าคราบสนิมทางห้องปฏิบัติการ CLC ก็ทำความสะอาดให้ได้นิดหน่อย (ก่อนสอบเทียบมีกระบวนการทำความสะอาด) คราบพวกนี้มันฝังลงไปในเนื้อเหล็ก…ยากที่จะทำให้กลับมาเหมือนเดิม แต่ถ้าเป็นรอยขีดข่วน Scratch แล้วล่ะก็ ไม่สามารถทำอะไรกับมันได้เลย เพราะยิ่งเอาอะไรไปขัด ก็ยิ่งจะไปกันใหญ่ ทางที่ดีเรามาป้องกันก่อนที่มันจะเกิด หรือเกิดให้น้อยที่สุดจะดีกว่า

การดูแลรักษา

  • ต้องมั่นใจว่า Gauge กับชิ้นงานที่จะวัด นั้นถูก Spec เพราะถ้าคนละ Spec อาจเกิดความเสียหายทั้งเครื่องมือและชิ้นงาน
  • การหมุนเข้าและออก ไปในเกลียวของชิ้นงาน ต้องค่อยๆหมุน และตัวเครื่องมือต้องตั้งฉากกับชิ้นงาน เพื่อป้องกันความเสียหายของเกลียว
  • ถ้ารู้สึกว่าแน่นหรือคับไป ให้หยุดและค่อยๆคลาย Gauge ออกช้าๆ
  • พยายามอย่าให้เครื่องมือตกหรือกระทบกับของแข็ง เพราะจะเกิดความเสียหายของเกลียว
  • ก่อนและหลังใช้งาน ควรทำความสะอาดเครื่องมือโดยเฉพาะตรงร่องเกลียวของ Gauge ให้สะอาดด้วยแปรงขนอ่อน อาจจะชุบแอลกอฮอล์หรือน้ำมันเอนกประสงค์ ค่อยๆแปรงบริเวณร่องเกลียว เพื่อขจัดสิ่งสกปรกและป้องกันสนิม

ก็หวังว่าเกร็ดความรู้เล็กๆน้อยๆเรื่อง Thread Plug Gauge ที่นำมาฝากกันในครั้งนี้ จะเป็นประโยชน์กับท่านผู้อ่านไม่มากก็น้อย แล้วพบกันใหม่โอกาสหน้า ขอบคุณครับ

 

ผู้เขียน CHOK_AM

 

 

ขอใบเสนอราคา  ติดต่อเรา

พูดคุยกับเรา

บริการสอบเทียบเครื่องมือวัด  ซื้อเครื่องมือวัด

ประโยชน์ของ แคลมป์มิเตอร์

แคลมป์มิเตอร์ (Clamp Meter) เป็น เครื่องมือทดสอบทางไฟฟ้าที่รวมดิจิตอลมัลติมิเตอร์พื้นฐานเข้ากับเซ็นเซอร์กระแส โดยที่ แคลมป์วัดกระแส โพรบวัดแรงดันไฟ การมีขาก้ามปูรวมอยู่ในมิเตอร์ไฟฟ้าช่วยให้ช่างเทคนิคสามารถหนีบก้ามปูไว้รอบๆ สายไฟ สายเคเบิล หรือตัวนำอื่นๆ ที่จุดใดก็ได้ในระบบไฟฟ้า จากนั้นวัดกระแสในวงจรนั้นโดยไม่ต้องตัดการเชื่อมต่อหรือลดพลังงาน (ดังรูปที่ 1) จึงกล่าวได้ว่าแคลมป์มิเตอร์เป็นเครื่องมือวัดอีกชนิดหนึ่งที่มีความจำเป็นมากในงานด้านไฟฟ้าต่าง ๆ หรืองานซ่อมบำรุงระบบไฟฟ้า เป็นต้น

รูปที่ 1: แคลมป์มิเตอร์

หลักการทำงานเบื้องต้น

ในขณะที่กระแสไฟฟ้าไหลผ่านสายไฟฟ้า รอบๆ สายไฟจะเกิดสนามแม่เหล็กไฟฟ้าขึ้น ถ้าหากนำเอาก้ามปูของแคลมป์มิเตอร์ไปคล้องกับสายไฟฟ้าแล้ว จะทำให้ตัวตรวจจับ (Sensor) ที่อยู่ตรงก้ามปูส่งค่าที่ได้ไปแสดงผลที่ส่วนแสดงผลของแคลมป์มิเตอร์ต่อไป (ดังรูปที่ 2)

รูปที่ 2 การทำงานของแคลมป์มิเตอร์

ก้ามปู (Transformer Jaws)

เครื่องมือวัด ทุกชนิดจะมีตัวเซนเซอร์ (Sensor) สำหรับแคลมป์มิเตอร์ก็เช่นเดียวกัน ก็จะมีก้ามปู (Transformer Jaws) เป็นตัวเซนเซอร์สำหรับตรวจวัดกระแสไฟ ซึ่งรูปร่างลักษณะของก้ามปูจะมีให้เลือกใช้หลายแบบด้วยกัน ขึ้นอยู่กับลักษณะการใช้งาน เช่น แบบสี่เหลี่ยม แบบวงกลม แบบหยดน้ำ (ดังรูปที่ 3)

รูปที่ 3 ลักษณะของก้ามปูแบบต่าง ๆ

โครงสร้างภายในของก้ามปูจะประกอบด้วยแผ่นเหล็กที่ทำมาจากโลหะผสมพิเศษที่มีผลต่อสนามแม่เหล็กน้อย นำมาตัดเป็นรูปร่างที่กำหนดไว้เป็นแผ่นบางๆ วางซ้อนกัน และจะมีขดลวดทองแดงพันอยู่รอบๆ แผ่นเหล็กที่ประกบกัน (ดังรูปที่ 4)

รูปที่ 4 แสดงโครงสร้างของก้ามปู

 

ประเภทของแคลมป์มิเตอร์

แคลมป์มิเตอร์จะแบ่งออกตามลักษณะการใช้งาน ดังนี้:

Analog AC Clamp Meter (มิเตอร์วัดค่าทางไฟฟ้าแบบเข็ม)

Digital AC Clamp Meter (มิเตอร์วัดค่าทางไฟฟ้า AC แบบตัวเลข)

 

Digital AC/DC Clamp Meter RMS (มิเตอร์วัดค่าทางไฟฟ้าทั้ง AC/DC แบบ RMS)

Leakage Current Clamp Meter (มิเตอร์วัดค่ากระแสรั่วไหล)

AC Power Clamp Meter (มิเตอร์วัดกำลังไฟฟ้า)

ประโยชน์ของแคลมป์มิเตอร์

แคลมป์มิเตอร์โดยทั่วไปแล้ว จะถูกนำมาใช้งานในการวัดกระแสไฟฟ้าในระบบไฟฟ้าต่างๆ โดยการนำแคลมป์มิเตอร์ไปคล้องกับสายไฟที่ต้องการวัด ก็จะทำให้สามารถทราบค่ากระแสไฟฟ้าได้จากจอแสดงผลบนแคลมป์มิเตอร์

ในปัจจุบันแคลมป์มิเตอร์ได้มีการพัฒนาให้ทันสมัยขึ้น มีฟังก์ชันการวัดที่มากขึ้น ความแม่นยำที่มากขึ้นในการวัด และคุณสมบัติการวัดเฉพาะในบางกรณี เครื่องมือวัดปัจจุบันมีฟังก์ชันพื้นฐานส่วนใหญ่ของดิจิตอลมัลติมิเตอร์ (DMM) เช่น กระแสไฟฟ้า (Current), แรงดันไฟฟ้า (Voltage), ความต่อเนื่อง (Continuity), ความต้านทาน (Resistance), กำลังไฟฟ้า (Power) และสามารถต่อเข้ากับเครื่องบันทึกกราฟ (Recorder) หรือเครื่องออสซิลโลสโคป (Oscilloscope) เพื่อใช้ในการวิเคราะห์รูปคลื่นไฟฟ้าได้อีกด้วย

แคลมป์มิเตอร์ได้กลายเป็นเครื่องมือวัดยอดนิยมด้วยเหตุผลสองประการคือ

  1. ความปลอดภัย แคลมป์มิเตอร์ช่วยให้ช่างไฟฟ้าสามารถเลี่ยงวิธีการเสียบสายวัดทดสอบของมิเตอร์เข้าไปในวงจรเพื่อทำการวัดกระแสอินไลน์ ก้ามปูของแคลมป์มิเตอร์ไม่จำเป็นต้องสัมผัสกับตัวนำในระหว่างการวัด
  2. ความสะดวก ในระหว่างการวัดไม่จำเป็นต้องปิดวงจรที่มีกระแสไฟอยู่ ซึ่งเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพอย่างมาก

ข้อควรระวังในการใช้แคลมป์มิเตอร์

  1. การตั้งฟังก์ชั่นย่านวัดให้ตรงกับสิ่งที่จะวัด
  2. ในการวัดค่าไม่ควรวัดค่าที่เกิน Range ของเครื่องมือวัด
  3. ไม่ควรทำเครื่องมือวัดหล่นพื้นเพราะจะทำให้แกนเหล็กและวงจรด้านในเสียหายได้
  4. ควรทำความสะอาดเครื่องมือหลังใช้งานเป็นประจำ
  5. ระมัดระวังไม่ให้หน้าสัมผัสตรงก้ามปูเป็นสนิมเพราะจะมีผลกับค่าที่วัดได้

ทาง บริษัทแคลิเบรชั่น แลบอราทอรี จำกัด (Calibration Laboratory Co.,LTD) สามารถสอบเทียบแคลมป์มิเตอร์ดังฟังก์ชั่นต่อไปนี้

  • ฟังก์ชั่น AC Voltage Range 0 – 1000 V
  • ฟังก์ชั่น DC Voltage Range 0 – 1000 V
  • ฟังก์ชั่น AC Current Range 10 – 550 A
  • ฟังก์ชั่น DC Current Range 10 – 550 A
  • ฟังก์ชั่น Resistance Range 1 – 330 MΩ

**ได้รับการรับรองจาก สำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (สมอ.) และได้รับการรับรองจาก ANSI National Accreditation Board (ANAB) **
ดูรายละเอียด Scope ได้ที่นี่ คลิก

ผู้เขียนTik Sang

 

เจาะลึก Refigerator คุณรู้จัก ตู้เย็น ดีพอหรือยัง

ปัจจุบันนี้ทุกท่านคงทราบดีว่าการเก็บรักษาผลิตภัณฑ์ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น อาหาร เครื่องดื่ม ยารักษาโรค วัคซีน  เครื่องสำอาง พืชผัก ต่างๆ หรือแม้กระทั่งในภาคอุตสาหกรรมการขนส่งเองก็ดี ล้วนแล้วแต่จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องใช้ระบบทำความเย็นหรือเครื่องทำความเย็น เช่น ตู้เย็น (Refrigerator), ห้องเย็น (Cold Room), ตู้แช่แข็ง (Freezer) กันทั้งนั้น  เพื่อที่จะคงสภาพหรือสรรพคุณของผลิตภัณฑ์นั้นๆให้อยู่ได้ยาวนานขึ้นและช่วยชะลอเพื่อให้เสื่อมสภาพช้าที่สุด

เมื่อเห็นถึงประโยชน์ของระบบทำความเย็นกันแล้ว วันนี้เราจะมาทำความรู้จักกับเครื่องมือชนิดหนึ่งที่ช่วยอำนวยความสะดวกสบายทั้งในชีวิตประจำวันและการทำงานในหลายๆด้านกันค่ะ เครื่องมือที่เราจะมาพูดถึงกันก็คือ ตู้เย็น (Refrigerator)

 

ความหมายของ ตู้เย็น คือ

(Refrigerator) คือ เครื่องทำความเย็นชนิดหนึ่งซึ่งจะสามารถทำอุณหภูมิได้น้อยกว่า ตู้แช่แข็ง (Freezer) ตู้เย็นถือเป็นสิ่งอำนวยความสะดวกอย่างมากที่ทุกบ้านจำเป็นต้องมี ทั้งนี้ก็เพื่อใช้ถนอมอาหาร เก็บรักษาผักผลไม้ให้สดอยู่เสมอและสามารถเก็บไว้ได้นานยิ่งขึ้น และนอกจากนี้ก็ยังมีความสำคัญสำหรับห้องแลป โรงพยาบาล ซึ่งจำเป็นอย่างมากในการเก็บรักษายาและวัคซีนต่างๆ ตู้เย็นในปัจจุบันนี้ได้มีการพัฒนาศักยภาพในการทำงานให้ตอบโจทย์และอำนวยความสะดวกกับผู้ใช้งานได้มากขึ้นมีทั้งการแจ้งเตือนผ่านทาง App, Line และการโทรแจ้ง หากเกิดความผิดปกติของอุณหภูมิภายในตู้ เพราะหากเกิดความผิดพลาดเพียงเล็กน้อยก็อาจจะทำให้เกิดความสูญเสียตามมาได้เช่น ในปัจจุบัน ปัญหาโรคระบาดกำลังเกิดการแพร่กระจายอย่างหนัก ทำให้เราจำเป็นต้องมีวัคซีนเพื่อป้องการโรคระบาดนี้ หากการขนส่งวัคซีนควบคุมอุณหภูมิได้ไม่ดี หรือการขนส่งดี แต่การจัดเก็บไม่ดี เกิดการสูญเสียอุณหภูมิ ก็จะทำให้วัคซีนอาจเสื่อมสภาพหรือมีอายุการใช้งานที่สั้นลงนั่นเองค่ะ

ข้อแนะนำการใช้และการบำรุงรักษาที่สำคัญ

  1. เลือกตู้เย็นที่มีความจุที่เหมาะสมกับการใช้งาน และควรตั้งค่าอุณหภูมิให้เหมาสมกับผลิตภัณฑ์ที่ต้องการเก็บรักษา เช่น เก็บเลือด เก็บวัคซีน เก็บยาต่างๆ หรืออื่นๆ เพื่อช่วยในการประหยัดค่าไฟ
  2. ควรตั้งตู้เย็นให้อยู่ในที่ที่อากาศถ่ายเทพอสมควร โดยส่วนใหญ่จะต้องวางให้ห่างจากผนังไม่น้อยกว่า 10 เซนติเมตร และห่างจากเพดานอย่างน้อย 30 เซนติเมตร
  3. ไม่ควรเปิด – ปิดตู้เย็นบ่อยๆ เพราะจะทำให้สูญเสียความเย็นโดยความร้อนและความชื้นจากอากาศภายนอกจะทำให้ตู้เย็นทำงานหนักขึ้น ก็จะทำให้เปลืองไฟนั่นเองค่ะ
  4. ไม่ควรนำอาหารร้อนๆหรืออาหารที่ยังอุ่นอยู่เข้าตู้เย็น ควรรอให้ความร้อนในอาหารลดลงจนใกล้เคียงกับอุณหภูมิภายในห้องก่อนจึงนำเข้าเก็บได้
  5. หากตู้เย็นเป็นแบบที่ไม่มีกลไกขจัดน้ำแข็งอัตโนมัติ ควรขจัดน้ำแข็งที่เกาะภายในตู้เย็นบ่อยๆ ถ้าเป็นฤดูร้อน ประมาณ 2 ครั้งต่อสัปดาห์
  6. ควรทำความสะอาดตู้เย็นอย่างสม่ำเสมอ โดยห้ามใช้ทินเนอร์, แอลกอฮอล์หรือเบนซินในการทำความสะอาดเด็ดขาด และก่อนทำความสะอาดให้ถอดปลั๊กก่อนทุกครั้ง เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพให้ตู้เย็นทำงานได้ดียิ่งขึ้น
  7. ด้านนอกของตู้เย็นให้ทำความสะอาดโดยใช้ผ้าสะอาดชุบน้ำสบู่ตามด้วยน้ำสะอาด แล้วเช็ดตามด้วยผ้าแห้ง ควรทำความสะอาดอย่างน้อยเดือนละครั้ง แต่หากใช้ในทางการแพทย์อาจจะทำความสะอาดเมื่อเห็นว่าเริ่มสกปรกไม่มากก็ได้
  8. ไม่ควรใส่ของจนแน่นเกินไปเพราะอากาศจะไม่สามารถผ่านรอบๆได้ ทำให้ความเย็นไม่ทั่วถึง
  9. ความชื้นและฝุ่นละอองจะจับเกาะยางขอบประตู ทำให้เกิดจุดด่างดำควรทำความสะอาดบ่อยๆโดยใช้แปรงอ่อนๆ จุ่มน้ำสบู่ถูเบาๆ ล้างด้วยน้ำสะอาดและเช็ดให้แห้ง

การสอบเทียบ ตู้เย็น (Refrigerator) ทาง บริษัท แคลิเบรชั่น แลบอราทอรี จำกัด ของเราสามารถ สอบเทียบตู้เย็น โดยได้รับการรับรอง ISO/IEC 17025:2017 ได้ครอบคลุมที่อุณหภูมิ -70 ถึง 250°C องศาเซลเซียส ทั้ง สมอ. และ ANAB โดยใช้  Data Logger เป็น Standard ในการสอบเทียบ

ดูรายละเอียด Scope ได้ที่นี่ คลิก

ทั้งนี้ทางบริษัท แคลิเบรชั่น แลบอราทอรี จำกัด ยังยินดีให้บริการในด้านอื่นๆ อีกไม่ว่าจะเป็นซื้อเครื่องมือใหม่พร้อมสอบเทียบ หรือสอบเทียบเครื่องมืออื่นๆได้อีกหลากหลายพารามิเตอร์ หากทุกท่านสนใจสามารถเยี่ยมชมได้ที่ www.cal-laboratory.com หรือเพื่อความรวดเร็วก็สามารถติดต่อผ่านทาง Line OA ได้เลยนะคะ ทางเรายินดีให้บริการค่ะ

 

KATAI

 

 

 

ขอใบเสนอราคา    ติดต่อเรา

พูดคุยกับเรา

 

สิ่งที่ควรรู้ก่อนเลือกซื้อประแจปอนด์

สวัสดีค่ะ วันนี้จะมาพูดถึงสิ่งที่ควรรู้ก่อนการเลือกซื้อ เครื่องมือวัด ประแจปอนด์ (Torque Wrench) กันนะคะ ซึ่งก่อนที่เราจะทำการเลือกซื้อ ประแจทอร์ค (Torque Wrench)  มาใช้งานเราจำเป็นจะต้องมีความรู้ ความเข้าใจในการใช้งานก่อนว่า เครื่องมือวัด  นี้มีหน้าที่ทำอะไร วันนี้เราก็จะมาแนะนำให้เพื่อนๆทราบกันค่ะ

ประแจปอนด์ หรือประแจทอร์ค (Torque Wrench) คือ อะไร

คือ เครื่องมือวัด ที่ใช้ในการกำหนดค่าแรงบิดที่มีความแม่นยำสูง เพราะเครื่องมือจะมีการกำหนดค่าแรงเอาไว้ไม่ให้เกินค่าที่ตั้งไว้ซึ่งจะมีผลต่อการทำงานของเครื่องมือได้และประแจปอนด์ (Torque Wrench)  มีหน้าที่สำหรับใช้ในการขันสกรูหรือน็อตให้ได้ค่าแรงบิดตามที่เราสามารถกำหนดหรือตั้งไว้ได้ ซึ่งประแจชนิดนี้ มีหลากหลายประเภท เราสามารถเลือกใช้ได้ตามชนิดของการใช้งานตามแรงบิดของเครื่องมือได้ ตัวอย่างของประแจทอร์ค (Torque Wrench)  ก็เช่น Torque Wrench  Analog, Digital , Screwdriver , Torque Wrench Checker  เป็นต้น

รูปภาพ ประแจปอนด์ หรือประแจทอร์ค (Torque Wrench)

เมื่อเราต้องการใช้หรือต้องการเลือกซื้อประแจปอนด์ สิ่งที่ควรรู้ก่อนที่จะเลือกซื้อก็เป็นสิ่งสำคัญมากเช่นกัน ดังนั้นการเลือกซื้อประแจให้เหมาะสมมีรายละเอียดอะไรบ้างเราได้จำแนกออกมาเป็นข้อๆ ดังนี้

การเลือกซื้อประแจให้เหมาะกับการใช้งาน

  1. ประเภทงานที่ใช้ ต้องทราบหน้างานที่จะนำไปใช้ ว่านำไปใช้หน้างานหรือนำไปใช้ในกระบวนการ QC เป็นสิ่งสำคัญเพราะเราจะต้องเลือกประแจ ให้เหมาะสมกับงาน เช่น หากนำไปใช้ QC จะต้องเลือก แบบ Digital ที่มีค่าความแม่นยำ (Accuracy) ดีกว่า ประแจ ที่ใช้หน้างานอยู่อย่างน้อย 3 เท่า เช่น Accuracy ± 1% RD หรือ 0.5 %RD 
  2. เลือกให้เหมาะสมกับขนาดของน็อต เพื่อให้ใช้งานได้ในแรงบิดที่เหมาะสม หากมีน็อตหลายขนาด ควรซื้อประแจ ให้มีช่วงการใช้งานและหัว Square Drive ให้มีความครอบคลุมและเหมาะสมกับน็อต เพื่อให้ได้ค่าที่แม่นยำ
  3. เลือกชนิดของประแจปอนด์ ควรเลือกให้เหมาะสมกับทางหน้างาน เนื่องจากประแจ มีรูปแบบที่หลากหลาย เช่น ประแจปอนด์แบบหัว Square Drive , หัวปากตาย, หัวปากแหวน, หัวปากเลื่อน ก่อนเลือกซื้อจำเป็นจะต้องเลือกให้สามารถใช้งานได้สะดวกและปลอดภัยจากการใช้งาน

รูปภาพ ประแจปอนด์หรือประแจทอร์ค ชนิดปากเลื่อน

4.ขนาดและน้ำหนักเครื่องมือ มีขนาดและน้ำหนักแตกต่างกันไปตามขนาดของแรงบิด ในรุ่นที่มีขนาดใหญ่และน้ำหนักมากจะมีแรงบิดสูง ก่อนเลือกซื้อ ต้องเลือกให้มีขนาดเหมาะสมต่อหน้างานที่สามารถถือหรือหิ้วเครื่องมือวัดให้ใช้บนพื้นที่หน้างานได้สะดวก หากจำเป็นต้องใช้แรงแรงบิดสูงๆ แต่มีพื้นที่ค่อนข้างจำกัด แนะนำให้ซื้อเป็นประแจทดแรง (Torque Multiplier) จะประหยัดแรงเวลา ทำให้การใช้งานได้ง่ายขึ้น

รูปภาพ ประแจปอนด์หรือประแจทอร์ค (Torque Multiplier)

5. เครื่องมือควรต้องมีใบรับรองมาพร้อมกับ เครื่องมือวัดด้วย ควรสอบถามกับผู้ขายด้วยทุกครั้งว่าเครื่องมือ Torque Wrench  ที่เรากำลังจะเลือกซื้อนั้นมีใบรับรอง (Certificate) จากทางผู้ผลิตไหม  หรือเครื่องมือได้ผ่านการสอบเทียบมาเรียบร้อยหรือไม่ เพื่อเป็นการยืนยันค่าที่เครื่องมือว่ายังคงอยู่ใน Spec ก่อนนำไปใช้งาน ดังนั้นควรมีการส่ง สอบเทียบเครื่องมือวัด ประแจปอนด์ (Torque Wrench)  กับห้องปฏิบัติการสอบเทียบที่ได้รับการรับรอง ACCREDIT ISO/IEC 17025:2017 เพื่อเพิ่มความเชื่อมั่นว่าเครื่องมือยังอยู่ใน Spec  เพื่อที่เราจะนำไปใช้งานได้อย่างมั่นใจ

เป็นอย่างไรกันบ้างคะเพื่อนๆ สำหรับคำแนะนำและสิ่งที่ควรรู้ในการเลือกซื้อเครื่องมือประเภทนี้หวังเอาไว้ว่าบทความเรื่องนี้จะมีประโยชน์ไม่มากก็น้อยต่อผู้ที่กำลังจะเลือกซื้อเลือกใช้ตัวประแจปอนด์ ที่ได้เข้ามาอ่านกันนะคะ ครั้งหน้าหากมีสินค้าตัวไหนที่น่าสนใจหรือเป็นประโยชน์อีกก็จะมาเล่าสู่กันฟังใหม่ และฝากติดตามกันด้วยนะคะ ขอบคุณค่ะ

 

ผู้เขียน Suphanun BDS

 

 

 

ขอใบเสนอราคา    ติดต่อเรา

พูดคุยกับเรา

 

 

 

ทำความรู้จัก และ วิธีการอ่านค่า Liquid In Glass Thermometer

Liquid in Glass Thermometer เป็น เครื่องมือวัด ทางอุณหภูมิซึ่งมีลักษณะเป็นแท่งแก้วและมีของเหลวบรรจุอยู่ภายในท่อ Capillaryโดยทั่วไปจะเป็นเหลวจำพวกแอลกอฮอล์ลและปรอท ซึ่งของเหลวในท่อ Capillary จะมีการขยายหรือหดตัวเมื่อมีการเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิโดยจะมีการขยายตัวเมื่ออุณหภูมิสูงและจะหดตัวเมื่ออุณหภูมิต่ำ   เราสามารถแบ่งชนิดของ เครื่องมือวัดนี้ตามลักษณะการใช้งานออกได้เป็น 3 ชนิดดังนี้

ลักษณะการทำงานของเครื่องมือวัด

          1. การจุ่มแบบทั้งหมด (Total Immersion)

                  เทอร์โมมิเตอร์ชนิดนี้จะจุ่มจนถึงขีดสเกลที่ต้องการใช้งาน เช่น ต้องการใช้งานที่อุณหภูมิ 10 °C โดยจะต้องจุ่มจนถึงสเกลบอกอุณหภูมิ 10°C โดยให้สเกลอยู่สูงกว่าระดับผิวของของเหลวไม่เกิน1สเกลและจะต้องตั้งฉากกับผิวของของเหลว

          2. การจุ่มแบบบางส่วน (Partial Immersion)

          Thermometer ชนิดนี้จะมีการบอกระยะการจุ่มที่ชัดเจนโดยทั่วไปจะมีขีดหรือตัวเลขบ่งบอกที่ตัวของเครื่องมือซึ่งในการ ใช้งานจะต้องจุ่มตามระยะที่กำหนดไว้โดยให้ขีดที่กำหนดระยะจุ่มอยู่ในระดับเดียวกับผิวของของเหลวและจะต้องตั้งฉากกับผิวของของเหลวเช่นเดียวกั

          3. การจุ่มแบบทั้งตัว (Complete Immersion)

         เทอร์โมมิเตอร์ชนิดนี้จะจุ่มทั้งตัว โดยตัวสร้างอุณหภูมิจะต้องเป็นแบบใส เพื่อให้สามารถมองเห็นได้ขณะสอบเทียบหรือขณะที่ใช้งาน Thermometer ชนิดนี้สามารถใช้วัดอุณหภูมิในอากาศได้อีกด้วย

Trick  

ของเหลวมีหลายชนิดแต่ที่นิยมบรรจุลงในหลอด Capillary มี 2 ชนิด คือ ปรอทและแอลกอฮอล์ โดยการเลือก ใช้ควรจะต้องเลือกตามย่านการใช้งานจริง หากใช้งานที่อุณหภูมิต่ำควรเลือกชนิดของเหลวที่บรรจุเป็นแอลกอฮอล์ เนื่องจากมี Sensitivity สูง มีความว่องไวต่อการเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิมากกว่าปรอทและมีราคาถูก ส่วนที่อุณหภูมิสูงควรเลือกใช้แบบปรอท เนื่องจากแอลกอฮอร์มีจุดเดือดที่ค่อนข้างต่ำ ง่ายต่อการเปลี่ยนสถานะจากของเหลวกลายเป็นไอ ทำให้เครื่องมือเกิดการเสียหายได้ง่าย

วิธีการอ่านค่าเครื่องมือ 

การอ่านค่านั้น ผู้อ่านจะต้องอ่านให้ของเหลวที่บรรจุในหลอดอยู่ในระดับสายตาโดยถ้าเป็นชนิดที่บรรจุด้วยปรอท ให้อ่านตัวเลขบริเวณส่วนโค้งบนสุดของของเหลว ส่วนเทอร์โมมิเตอร์ชนิดแอลกอฮอล์

รูปแสดง เครื่องมือชนิดบรรจุด้วยปรอท(ก) และแอลกอฮอล์(ข)

วิธีการเก็บรักษาเครื่องมือ Liquid in Glass Thermometer

  1. เครื่องมือวัด สำหรับใช้งานอุณหภูมิมากกว่า10 °C จะต้องวางระนาบกับพื้นและควรมีวัสดุที่สามารถกันกระแทกได้หรือให้ Chamber ที่บรรจุของเหลวอยู่ต่ำกว่าด้าน Scale
  2. เครื่องมือวัด สำหรับใช้งานอุณหภูมิน้อยกว่า 10°C จะต้องวางตั้งฉากกับพื้นและควรมีวัสดุที่สามารถกันกระแทกได้
  3. ก่อนการใช้งานเครื่องมือทุกครั้งควรทำการทวนสอบเครื่องมือด้วยจุดเยือกแข็งของน้ำ (Ice point) ก่อนเสมอ

ผู้เขียน L3

 

 

 

ขอใบเสนอราคา    ติดต่อเรา

พูดคุยกับเรา

 

 

ทำความรู้จักกับ V-Block และข้อควรระวังการใช้

1. เครื่อง วีบล็อค (V-Block) ใช้ทำอะไร

  • เครื่องมือวัด วีบล็อค เอาไว้ยึดจับชิ้นงานได้หลากหลายประเภท และหลากหลายขนาดโดยการทำงานจะต้องนำชิ้นงานเอามาวางให้อยู่ในร่องตัว V ของตัววีบล็อคซึ่งเครื่องมือนี้เป็นเครื่องมือที่ไม่ได้มีขนาดใหญ่จึงสามารถเคลื่อนย้ายนำเอาไปใช้งานได้ดี

2. ทำไมต้อง สอบเทียบเครื่องมือวัด 

  • เครื่องมือวัด ที่นำไปใช้ในขั้นตอนหรือกระบวนการผลิตในประเภทของกลุ่มงานอุตสาหกรรมรมจะต้องมีขั้นตอนและการตรวจสอบและสอบเทียบเครื่องมือวัดให้มีความถูกต้องความคลาดเคลื่อนที่ยอมรับได้ตามที่ลูกค้าได้ทำการกำหนดเอาไว้ เพราะเมื่อมีการใช้งานไปได้สักระยะค่าความคลาดเคลื่อน (error) ในการใช้งานก็ทำให้อาจเกิดความผิดพลาดขึ้นได้ ดังนั้นการส่งเครื่องมือวัดเข้ามา
    สอบเทียบเครื่องมือวัด จึงเป็นสิ่งที่สำคัญที่จะช่วยสร้างความมั่นใจให้แก่ชิ้นงานที่เราใช้วีบล็อคช่วยในการสอบเทียบ

3. เครื่องวีบล็อคมีหน่วยวัดอะไรบ้าง

  • วัด มุม (ที่มีหน่วยเป็นองศา)

4. การใช้งานที่ผิดวิธี

  • นำไปยึดจับชิ้นงานที่ไม่สามารถจับยึดกับตัวแท่นเครื่องมือวัดแน่นได้เพราะพื้นผิวไม่เรียบไม่สม่ำเสมอต่อการจับยึด และตัวชิ้นที่นำไปวางบนวีบล็อคเป็นรอยได้

5. ข้อควรระวังในการใช้งาน

  • ไม่ควรนำวีบล็อคไปใช้กับงานที่ยึดจับผิดประเภท เพราะอาจทำให้ผิวของตัวโลหะเครื่องมือวัดเป็นรอยได้

6. ห้อง LAB CLC สามารถสอบเทียบ V-Block

7. ในการ สอบเทียบเครื่องมือวัด แต่ละวิธีมีการสอบเทียบอย่างไร

  • เราจะใช้เครื่อง Coordinate Measuring Machine (CMM) ในการสอบเทียบตัวเครื่องมือวัดวีบล็อคและค่าที่สามารถได้ผลจากการสอบเทียบจะได้เป็น ค่า Angle และ ค่า Flatness 

8. ข้อดีของการสอบเทียบกับ Calibration Laboratory

  • เครื่อง Coordinate Measuring Machine (CMM) ที่ทาง CLC ใช้สอบเทียบนั้นสามารถสอบเทียบได้หลาย parameter ในตัวเครื่องมือ Standards เดียวกันจึงไม่จำเป็นต้องนำเครื่องมือไปสอบเทียบหลาย LAB

9 .หลังจากการใช้งานควรเก็บดูแลรักษา

  • เช็ดทำความสะอาดเครื่องมือหลังจากใช้งานเสร็จอยู่เสมอ
  • พ่นน้ำยากันสนิมฉีดเคลือบหรือทาวาสลีนที่ผิวของเครื่องมือและ เก็บให้เรียบร้อย

10. ข้อแนะนำในการส่งเครื่องมือเข้ามาสอบเทียบที่ CLC

  • ฉีดน้ำยากันสนิมแล้วห่อด้วยบั้บเบิ้ลเพื่อกันการกระแทกที่ตัวเครื่องมือด้วยให้เรียบร้อย

11.ในกรณีที่ตัว V-Block เป็นรอย

  • สามารถใช้แผ่นไมโคฟิล์ม(แผ่นสีเขียว)มีลักษณะคล้ายกระดาษทรายแต่แผ่นไมโคฟิล์มจะมีลักษณะละเอียดกว่าและสามารถตำมาขัดผิวงานได้โดยไม่เกิดริ้วรอย

เกร็ดความรู้ที่ควรรู้

เครื่องมือวีบล็อคที่เป็นในรูปแบบของ Magnetic (แม่เหล็ก) เมื่อเรานำตัวชิ้นงานมาวางให้ควรระมัดระวังจะเกิดการกระแทกเนื่องจากเกิดจากแรงดึงดูดของตัวแม่เหล็กได้มากกว่าวีบล็อคที่เป็นแบบปกติทั่วไป และอาจจะส่งผลกระทบต่อตัวชิ้นงานให้เกิดความเสียหายได้

ผู้เขียน Gaem Yui

 

 

 

ขอใบเสนอราคา    ติดต่อเรา

พูดคุยกับเรา

 

CLC กับการสอบเทียบ Liquid และ Gas Flow Meter

Flow Meter 

 คือ เครื่องมือวัดชนิดหนึ่งที่ทำหน้าที่ในการวัดปริมาตร ปริมาณ หรือ วัดอัตราการไหล ของของเหลว อากาศ หรือแก๊ส ซึ่ง  Flow meter คำว่า Flow มาจากการไหล Meter มาจาก มาตรวัด เครื่องวัด ที่ไหลผ่านภาชนะ เช่นท่อ หรือราง ที่สามารถหาค่าพื้นที่หน้าตัด ปริมาตรและเทียบกับเวลาการไหลผ่านได้ ซึ่งแบ่งออกเป็น Flow ชนิดต่างๆมากมายหลายประเภท เพื่อเหมาะแก่การใช้งานในแต่ละประเภทอุตสาหกรรมต่างๆได้อย่างเหมาะสม

วันนี้เราจะมาพูดถึง Flow Meter ประเภทที่ทาง ClC สามารถสอบเทียบได้มีดังนี้

1 Liquid Flow Meter

คือ เครื่องมือวัดที่ใช้วัดอัตราการไหลของ ของเหลวที่ไหลผ่านท่อขนาดต่างๆและมีความนิยมแพร่หลายในการใช้งานในอุตสาหกรรมหลายประเภท เช่น เครื่องดื่ม, อาหาร และผลิตภัณฑ์ที่เป็นของเหลว

สามารถสอบเทียบได้ 3 วิธี  ทั้งแบบ Onsite และIn house มีวิธีการดังนี้

1.1 Simulate

คือ ป้อนสัญญาณไฟฟ้า 4-20mA ที่ indicator วิธีนี้ใช้สอบเทียบกรณีมีข้อจำกัดหน้างานหลายอย่าง เช่น เครื่องมือไม่สามารถถอดFlow MeterออกจากProduction Line หรือ ติดตั้งอยู่ในพื้นที่ที่ไม่สะดวกต่อการทำงาน ซึ่งวิธีนี้เป็นวิธีการที่ง่ายที่สุดแต่ก็จะมีความแม่นยำ (Accuracy) น้อยที่สุดและการคิดค่าใช้จ่ายก็จะไม่สูงมาก

ข้อมูลที่สำคัญสำหรับการสอบเทียบวิธีนี้คือรูปภาพเครื่องมือ, ยี่ห้อ, รุ่น และ จุดสอบเทียบ วิธีนี้ยังไม่ได้การรับรอง ISO/IEC 17025

1.2 Ultrasonic Clamp on Flow Meter

คือ ใช้ Ultrasonic Flow Meter หนีบที่ท่อที่ตำแหน่งของเหลวไหลผ่าน วิธีการนี้เหมาะสมสำหรับลูกค้าที่มีข้อจำกัดหน้างานที่ไม่สามารถถอดFlow Meterออกมาให้สอบเทียบได้ แต่มีเงื่อนไขว่าที่ตัวท่อจะต้องไม่มีJacket ห่อหุ้ม และต้องมีความยาวท่อในแนวตรงอย่างน้อย 1 เมตร

ข้อมูลที่สำคัญกับการสอบเทียบวิธีนี้ คือ รูปเครื่องมือ, รูปหน้างาน, ขนาดท่อ ควรให้ CLC เข้าประเมินหน้างานก่อนเข้าทำงาน  วิธีนี้ยังไม่ได้การรับรอง ISO/IEC 17025

รูป Ultrasonic Clamp on Flow Meter ของบริษัท แคลิเบรชั่น แลบอราทอรี จำกัด

1.3 Calibration System by Mobile Calibration Service

วิธีการนี้เพียงลูกค้าสามารถถอดFlow Meterออกมาสอบเทียบได้ โดยสามารถสอบเทียบแบบ onsiteที่หน้างาน วิธีการสอบเทียบวิธีนี้จะมีความเที่ยงตรงและแม่นยำสูงที่สุด โดยมีองค์ประกอบหลายปัจจัยในการสอบเทียบ ซึ่งจะมีค่าใช้จ่ายในการสอบเทียบสูงกว่าการสอบเทียบแบบ Simulate และ Ultrasonic Clamp on Flow Meter

รูป Calibration System by Mobile Calibration Serviceของบริษัท แคลิเบรชั่น แลบอราทอรี จำกัด

 

ข้อมูลที่สำคัญในการสอบเทียบวิธีการนี้ คือ   ยี่ห้อ, รุ่น, ขนาดท่อ ระยะหน้าแปลนจากซ้ายไปขวา  หรือทางลูกค้ามีการดัดแปลง ตัดต่อ ขนาดหน้าแปลนหรือไม่ซึ่งวิธีการนี้ทาง CLC ได้การรับรอง  ISO/IEC 17025 จากสถาบัน  ANAB ของสหรัฐอเมริกา ดาวน์โหลด Scope ได้ที่นี่

1.การถอดประกอบ ลูกค้าสะดวกถอดFlow Meterให้เราสอบเทียบได้หรือไม่  หากลูกค้าไม่สะดวกถอดFlow Meter ทาง CLC มีบริการถอดประกอบพร้อมเปลี่ยนประเก็นใหม่ให้แต่อาจจะมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม

2.งานสอบเทียบ Onsiteข้อมูลที่สำคัญมากคือ รูปเครื่องมือ ยี่ห้อ รุ่น ขนาดท่อ และระยะหน้าแปลนจากซ้ายไปขวา และทางลูกค้ามีการดัดแปลงหน้าแปลนหรือไม่

ข้อแนะนำ  ควรให้ทีมงาน CLC เข้าประเมินหน้างานก่อนเข้าทำงาน เพื่อไม่ให้เกิดข้อขัดข้องหน้างาน ณ วันที่สอบเทียบ

 

2. Gas Flow meter

คือ เครื่องมือที่ใช้วัดอัตราการไหลของ แก๊ส หรือ อากาศ ที่ไหลผ่านท่อ ซึ่งมีรูปแบบหน้าตาหลายประเภทแล้วแต่จะผลิตมาเพื่อความเหมาะสมต่อการใช้งาน

ทางเราสามารถสอบเทียบโดยใช้ วิธี Comparison with Flow Calibrator และได้การรับรอง ISO/IEC 17025 จากสถาบัน ANAB ของสหรัฐอเมริกา ดาวน์โหลด Scope ได้ที่

3. Flow switch

คือ อุปกรณ์การตรวจจับการไหลของน้ำ หรือของเหลวภายในท่อ มีไว้เพื่อป้องกันความเสียหายของเครื่องมือ หากไม่มีของเหลวไหลผ่านภายในท่อ Flow switch ก็จะทำหน้าที่สั่งการให้ปั้มหยุดการทำงานทันทีเพื่อป้องกันความเสียหายที่จะเกิดกับตัวปั้ม CLC สามารถสอบเทียบได้ 1 point ควรสอบเทียบที่pointใช้งาน และการออกการรับรอง ISO/IEC 17025 สามารถออกได้เฉพาะตัวที่เข้าเงื่อนไขของบริษัทฯเท่านั้น ควรปรึกษาทีมงานCLCก่อนเพื่อความชัดเจนหากลูกค้าต้องการการรับรอง ISO/IEC 17025

 

4. Ultrasonic Flow Meter

คือ เครื่องมือที่ วัดอัตราการไหล ของของเหลวภายในท่อโดยที่ไม่ต้องถอดท่อเพื่อวัดค่าของ ของเหลว ซึ่งสามารถใช้การ Clamp จากด้านนอกท่อในการวัดค่าได้เลย ซึ่งมีความสะดวก แต่ก็มีข้อเสียเนื่องความหนาของท่อแต่ล่ะยี่ห้อ มีความแตกต่างกัน ซึ่งยากต่อการคำนวณหาค่า จึงเป็นเครื่องมือที่สะดวกต่อการใช้งาน แต่ก็ความแม่นยำและเที่ยงตรงอยู่พอสมควร

ทาง CLC สามารถสอบเทียบได้ โดยนำมาสอบเทียบกับ รถ Mobile Range ที่สามารถสอบเทียบได้คือ 0 – 2500 L/min ดาวน์โหลด Scope ได้ที่

THM Melo

 

 

 

 

บริการสอบเทียบ Flow

ขอใบเสนอราคา    ติดต่อเรา

พูดคุยกับเรา

 

MASS FLOW METER คืออะไร

เทคโนโลยีสุดล้ำ กับ High Accuracy Height Gage

High Accuracy Height Gage

ด้วยโลกทุกวันนี้เต็มไปด้วยเทคโนโลยีและวิวัฒนาการที่ทันสมัยมีการแข่งขันกันสูงขึ้นทุกวันจึงทำให้เราที่เป็นผู้ใช้งานได้มีฟังก์ชั่นการใช้งานของเครื่องมือเครื่องใช้ที่หลากหลาย ทันสมัยและแม่นยำมากขึ้นเพื่อทำให้สะดวกเหมาะสมกับงานใช้งานในรูปแบบต่างๆ  และวันนี้เรามีเครื่องมือวัดจาก Mitutoyo ซึ่งเป็นผู้นำด้านเครื่องมือวัดมาแนะนำซึ่งเป็นรุ่นที่ดีที่สุดรุ่นหนึ่งคือ Linear Height Gauge ที่มีฟังก์ชันการวัดที่แม่นยำสูงสุดของ Mitutoyo  ณ ปัจจุบัน 

High Accuracy Height Gage ของ Mitutoyo

ที่ขอแนะนำตอนนี้จะเป็นรุ่น LH-600 FG Series. เป็นระบบการวัดแบบ 2D ที่มีความแม่นยำสามารถทำได้หลายฟังก์ชั่น อีกทั้ง LH-600FG มีอินเทอร์เฟซหน้าจอที่คิดค้นออกแบบมาเพื่อผู้ใช้งานในเรื่องการสัมผัสของหน้าจอที่ช่วยให้ใช้งานได้ง่ายและไม่ซับซ้อน ช่วยให้ผู้ใช้สามารถวัดได้ด้วยการกดปุ่มหรือผ่านไอคอนบนหน้าจอสัมผัส  จอแสดงผลเป็นรูปแบบใหม่รองรับการหมุนทั้งเป็นแบบหมุนและปรับระดับได้ของ LH-600FG ยังช่วยให้ใช้งานได้จากทั้งด้านหน้าและด้านหลังซึ่งจะสะดวกมากๆในการใช้งานโดยไม่ต้องเดินกลับไปกลับมาเพียงแค่ปรับจอแสดงผลเท่านั้น พร้อมกันนี้ LH-600 FG Series ยังมีตัวเลือกเอาต์พุตแบบใหม่ ได้แก่ เอาต์พุตดิจิทัลที่อนุญาตให้ส่งข้อมูลโดยตรงไปยังซอฟต์แวร์ Excel หรือ SPC ผ่านสายหรือไร้สาย ในขณะที่ยังคงความสามารถเอาต์พุต USB และ RS232C ไว้

 

คุณสมบัติที่ล้ำสมัย

มีความแม่นยำที่ก้าวไกลมีคุณสมบัติอะไรบ้าง ดังนี้ :

  1. คุณลักษณะการตรวจสอบตัวเองใหม่สามารถตรวจจับสิ่งสกปรกหรือน้ำมันบนตัวเข้ารหัส ทำให้มั่นใจได้ว่าเครื่องมือสะอาดและสามารถวัดค่าได้อย่างแม่นยำ
  2. สามารถทำการเปลี่ยนแปลงหน่วย ความละเอียด และการวัดเดลต้าจากการอ่านครั้งก่อนได้ทันที
  3. ระบบตลับลูกปืนลมช่วยให้เลื่อนเกจวัดความสูงไปรอบๆ ได้ง่าย 
  4. โหมดกึ่งลอยช่วยให้สามารถเลื่อนได้ง่ายขึ้นขณะทำการวัด แม้จะมีชิ้นส่วนที่มีน้ำหนักมาก
  5. ความสามารถด้านมอเตอร์ ให้ความสามารถในการทำซ้ำและการทำซ้ำที่ดีขึ้นพร้อมกับโหมด 2D ที่ได้รับการปรับปรุงเพื่อวัดมุม วงกลมรูโบลต์ และอื่นๆ
  6. มีฟุตสวิตช์เสริมใหม่สำหรับการวัดปริมาตรซ้ำแบบแฮนด์ฟรี
  7. ตัวเลือกหัววัดหลายตัว (ทางเลือก) และตำแหน่งหัววัดสามารถเปลี่ยนได้เพื่อการวัดค่าความตั้งฉากและความ ตรงที่ดีขึ้น
  8.  ความแม่นยำที่ยอดเยี่ยม (1.1+0.6L/600)μm พร้อมความละเอียด 0.1μm/0.5μm/ความสามารถในการทำซ้ำ

ด้วยคุณสมบัติที่เขียนมาทั้งหมดนี้ของ High Accuracy Height Gage รุ่น LH-600 FG Series.  ก็ทำให้ผู้ใช้งานสะดวก ง่าย ได้รับความรวดเร็วในการทำงานมากขึ้น หากเพื่อนๆต้องการให้การวัดเครื่องมือมีประสิทธิภาพมากขึ้นแนะนำเลยค่ะ ถ้ามีความสนใจในตัวเครื่องมือสามารถติดต่อทาง บริษัท แคลิเบรชั่น แลบอราทอรี จำกัด ของเราได้ ทางเรายินดีให้คำแนะนำพร้อมกับผู้เชี่ยวชาญของทาง Mitutoyo  ด้วยเช่นกันค่ะ 

 

ผู้เขียน BEW JJ.

 

 

 

สอบเทียบเครื่องมือวัด Dimension

ขอใบเสนอราคา    ติดต่อเรา

พูดคุยกับเรา

ทำความรู้จักกับ เครื่องมือวัดละเอียด 3 แกน (Layout Machine) วัดรถยนต์ได้ทั้งคัน!