เจาะลึก Refigerator คุณรู้จัก ตู้เย็น ดีพอหรือยัง

ปัจจุบันนี้ทุกท่านคงทราบดีว่าการเก็บรักษาผลิตภัณฑ์ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น อาหาร เครื่องดื่ม ยารักษาโรค วัคซีน  เครื่องสำอาง พืชผัก ต่างๆ หรือแม้กระทั่งในภาคอุตสาหกรรมการขนส่งเองก็ดี ล้วนแล้วแต่จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องใช้ระบบทำความเย็นหรือเครื่องทำความเย็น เช่น ตู้เย็น (Refrigerator), ห้องเย็น (Cold Room), ตู้แช่แข็ง (Freezer) กันทั้งนั้น  เพื่อที่จะคงสภาพหรือสรรพคุณของผลิตภัณฑ์นั้นๆให้อยู่ได้ยาวนานขึ้นและช่วยชะลอเพื่อให้เสื่อมสภาพช้าที่สุด

เมื่อเห็นถึงประโยชน์ของระบบทำความเย็นกันแล้ว วันนี้เราจะมาทำความรู้จักกับเครื่องมือชนิดหนึ่งที่ช่วยอำนวยความสะดวกสบายทั้งในชีวิตประจำวันและการทำงานในหลายๆด้านกันค่ะ เครื่องมือที่เราจะมาพูดถึงกันก็คือ ตู้เย็น (Refrigerator)

 

(Refrigerator) คือเครื่องทำความเย็นชนิดหนึ่งซึ่งจะสามารถทำอุณหภูมิได้น้อยกว่า ตู้แช่แข็ง (Freezer) ตู้เย็นถือเป็นสิ่งอำนวยความสะดวกอย่างมากที่ทุกบ้านจำเป็นต้องมี ทั้งนี้ก็เพื่อใช้ถนอมอาหาร เก็บรักษาผักผลไม้ให้สดอยู่เสมอและสามารถเก็บไว้ได้นานยิ่งขึ้น และนอกจากนี้ก็ยังมีความสำคัญสำหรับห้องแลป โรงพยาบาล ซึ่งจำเป็นอย่างมากในการเก็บรักษายาและวัคซีนต่างๆ ตู้เย็นในปัจจุบันนี้ได้มีการพัฒนาศักยภาพในการทำงานให้ตอบโจทย์และอำนวยความสะดวกกับผู้ใช้งานได้มากขึ้นมีทั้งการแจ้งเตือนผ่านทาง App, Line และการโทรแจ้ง หากเกิดความผิดปกติของอุณหภูมิภายในตู้ เพราะหากเกิดความผิดพลาดเพียงเล็กน้อยก็อาจจะทำให้เกิดความสูญเสียตามมาได้เช่น ในปัจจุบัน ปัญหาโรคระบาดกำลังเกิดการแพร่กระจายอย่างหนัก ทำให้เราจำเป็นต้องมีวัคซีนเพื่อป้องการโรคระบาดนี้ หากการขนส่งวัคซีนควบคุมอุณหภูมิได้ไม่ดี หรือการขนส่งดี แต่การจัดเก็บไม่ดี เกิดการสูญเสียอุณหภูมิ ก็จะทำให้วัคซีนอาจเสื่อมสภาพหรือมีอายุการใช้งานที่สั้นลงนั่นเองค่ะ

ข้อแนะนำการใช้และการบำรุงรักษาที่สำคัญ

  1. เลือกตู้เย็นที่มีความจุที่เหมาะสมกับการใช้งาน และควรตั้งค่าอุณหภูมิให้เหมาสมกับผลิตภัณฑ์ที่ต้องการเก็บรักษา เช่น เก็บเลือด เก็บวัคซีน เก็บยาต่างๆ หรืออื่นๆ เพื่อช่วยในการประหยัดค่าไฟ
  2. ควรตั้งตู้เย็นให้อยู่ในที่ที่อากาศถ่ายเทพอสมควร โดยส่วนใหญ่จะต้องวางให้ห่างจากผนังไม่น้อยกว่า 10 เซนติเมตร และห่างจากเพดานอย่างน้อย 30 เซนติเมตร
  3. ไม่ควรเปิด – ปิดตู้เย็นบ่อยๆ เพราะจะทำให้สูญเสียความเย็นโดยความร้อนและความชื้นจากอากาศภายนอกจะทำให้ตู้เย็นทำงานหนักขึ้น ก็จะทำให้เปลืองไฟนั่นเองค่ะ
  4. ไม่ควรนำอาหารร้อนๆหรืออาหารที่ยังอุ่นอยู่เข้าตู้เย็น ควรรอให้ความร้อนในอาหารลดลงจนใกล้เคียงกับอุณหภูมิภายในห้องก่อนจึงนำเข้าเก็บได้
  5. หากตู้เย็นเป็นแบบที่ไม่มีกลไกขจัดน้ำแข็งอัตโนมัติ ควรขจัดน้ำแข็งที่เกาะภายในตู้เย็นบ่อยๆ ถ้าเป็นฤดูร้อน ประมาณ 2 ครั้งต่อสัปดาห์
  6. ควรทำความสะอาดตู้เย็นอย่างสม่ำเสมอ โดยห้ามใช้ทินเนอร์, แอลกอฮอล์หรือเบนซินในการทำความสะอาดเด็ดขาด และก่อนทำความสะอาดให้ถอดปลั๊กก่อนทุกครั้ง เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพให้ตู้เย็นทำงานได้ดียิ่งขึ้น
  7. ด้านนอกของตู้เย็นให้ทำความสะอาดโดยใช้ผ้าสะอาดชุบน้ำสบู่ตามด้วยน้ำสะอาด แล้วเช็ดตามด้วยผ้าแห้ง ควรทำความสะอาดอย่างน้อยเดือนละครั้ง แต่หากใช้ในทางการแพทย์อาจจะทำความสะอาดเมื่อเห็นว่าเริ่มสกปรกไม่มากก็ได้
  8. ไม่ควรใส่ของจนแน่นเกินไปเพราะอากาศจะไม่สามารถผ่านรอบๆได้ ทำให้ความเย็นไม่ทั่วถึง
  9. ความชื้นและฝุ่นละอองจะจับเกาะยางขอบประตู ทำให้เกิดจุดด่างดำควรทำความสะอาดบ่อยๆโดยใช้แปรงอ่อนๆ จุ่มน้ำสบู่ถูเบาๆ ล้างด้วยน้ำสะอาดและเช็ดให้แห้ง

การสอบเทียบ ตู้เย็น (Refrigerator) ทาง บริษัท แคลิเบรชั่น แลบอราทอรี จำกัด ของเราสามารถสอบเทียบ Refrigerator โดยได้รับการรับรอง ISO/IEC 17025:2017 ได้ครอบคลุมที่อุณหภูมิ -70 ถึง 250°C องศาเซลเซียส ทั้ง สมอ. และ ANAB โดยใช้  Data Logger เป็น Standard ในการสอบเทียบ

ดูรายละเอียด Scope ได้ที่นี่ คลิก

ทั้งนี้ทางบริษัท แคลิเบรชั่น แลบอราทอรี จำกัด ยังยินดีให้บริการในด้านอื่นๆ อีกไม่ว่าจะเป็นซื้อเครื่องมือใหม่พร้อมสอบเทียบ หรือสอบเทียบเครื่องมืออื่นๆได้อีกหลากหลายพารามิเตอร์ หากทุกท่านสนใจสามารถเยี่ยมชมได้ที่ www.cal-laboratory.com หรือเพื่อความรวดเร็วก็สามารถติดต่อผ่านทาง Line OA ได้เลยนะคะ ทางเรายินดีให้บริการค่ะ

 

KATAI